“หลายครั้งมากที่ลูกค้าเดินเข้ามาที่บาร์ ยืนอึ้ง เลือกไม่ถูก ผมจะมีคำถามส่วนตัวที่เอาไว้ถามลูกค้า 4 คำถาม ถ้าเป็นลูกค้าที่ไม่รู้จักคราฟต์เบียร์เลย ผมจะถามว่า ชอบกินเบียร์แบบไหน กินหวานไหม หรืออยากได้แบบนุ่มๆ กินขมได้หรือเปล่า หรืออยากลองเบียร์ดำ ซึ่งพอได้คำตอบ มันจะพาไปสู่เบียร์ที่เรามี”

เป็นประโยคเปิดบทสนทนากับ เฟม – ภวินท์ ภาควิวรรธ เจ้าของร้านคราฟต์เบียร์ Some Might Say นักออกแบบเฟอร์นิเจอร์ในกรุงเทพฯ ที่กลับมาเปิดกิจการที่โคราชบ้านเกิด เราอยากชวนคุยเรื่องพื้นๆ ฉบับ 101 สำหรับคนที่ยังออกอาการ ‘ตาลาย’ เวลาอยู่หน้าบาร์คราฟต์เบียร์สดที่มีให้เลือกมากมาย และยังสงสัยความคราฟต์ของเบียร์ชนิดนี้ว่าเป็นอย่างไร

เราว่าไม่ใช่เราคนเดียวแน่ๆ ที่ยังเลือกเบียร์ไม่ถูกใจสักที ให้ยืนชิมทุกตัวก็เสียเวลา ชื่อเบียร์ก็อ่านยาก แอลกอฮอล์ก็มีหลายระดับ คุณมีคำแนะนำสำหรับคราฟต์เบียร์มือใหม่ได้ตั้งตัวก่อนตัดสินใจไหม

4 รสสัมผัสเด็ด ที่คราฟต์เบียร์มือใหม่ควรรู้ไว้

1.นุ่ม (Wheat Beer) ใครที่ชอบหวาน เป็นคนง่ายๆ สบายๆ ไม่อยากคิดอะไรมาก ให้บอกพนักงานขอวีทเบียร์ คราฟต์เบียร์ที่ใช้ข้าวสาลีเป็นส่วนประกอบหลัก

“ถ้าเป็นในร้าน ผมจะแนะนำ Grisette Blanche Bio เป็นวิทเบียร์ (Witbier) จากเบลเยียม รสสัมผัสนุ่มนวล มีสีอ่อนและขุ่น ให้กลิ่นของเปลือกส้มและเม็ดผักชี ความขมต่ำ ตามด้วยกลิ่นหอมนวลๆ ของข้าวสาลีที่ให้ความสดชื่น”

 2.หอมกรุ่น (Malty Beer) เบียร์ที่มีรสชาติของมอลต์มากขึ้น คนที่รักการดื่มแบบเรื่อยๆ ละเลียดฟอง ได้มวลที่แน่นแต่มีความหอม ทานได้เรื่อยๆ จะชอบ

“Rogue Hazelnut Brown Nectar เป็น Brown Ale สีออกน้ำตาลเข้มแต่ก็ยังใสอยู่ กลิ่นหอมกรุ่นๆ คล้ายพวกโอวัลติน ขนมปังบิสกิต ที่พิเศษสุดของตัวนี้คือใส่ถั่วเฮเซลนัทลงไปในกระบวนการต้ม เข้ากันได้ดีมากๆ กับกลิ่นมอลต์ มีความหวานเจือเล็กน้อย ขมไม่มาก โดยทั่วไปเราจะแทบไม่ได้กลิ่นของฮอปส์ในเบียร์สไตล์นี้เท่าไร”

3.ขม (Hoppy Beer) เป็นเบียร์ที่ขมนำ มีกลิ่นของฮอปส์ชัดเจน เลเวลนี้เหมาะกับคนที่ดื่มเบียร์มาได้สักพักและต้องการมิติของรสชาติ กลิ่น สี และบอดี้ที่ต่างไป ในตลาดคราฟต์เบียร์ เราจะพบเห็นฮอปปี้เบียร์มากที่สุด มันมีความหลากหลาย สดใหม่ตลอดเวลา กลิ่นฮอปส์วาไรตี้มากไม่รู้จบ ที่สำคัญคือ เป็นกลิ่นพิเศษที่เราสัมผัสได้จากเครื่องดื่มที่เรียกว่า ‘เบียร์’ เท่านั้น

“ร้านเราก็จะมี Pale Ale หรือ IPA ให้เลือกหลายตัว อย่างเช่น Grapefruit Smoothie IPA และ Home 2.0 Mango milkshake Pale Ale ทั้งสองตัวจะมีความพิเศษเหมือนกันคือ เป็นฮอปปี้เบียร์สายพันธุ์ใหม่ เป็นมิตรกับผู้ดื่มเริ่มต้น ความขมไม่โหดร้ายมากนัก มี ‘รสหวาน’ ที่เข้ากันได้ดีกับกลิ่นของฮอปส์โทนทรอปิคอลฟรุ๊ตครับ”

4.เข้มข้น (Dark beer) อันนี้สำหรับคนที่ชอบความหนักแน่น รสชาติและตัวตนที่ชัดเจน คุ้มไปทุกมิติ คุณอาจไม่ใช่คนที่ทานอาหารรสจัดก็ได้ แค่วันที่คุณต้องการอะไรที่มันกระแทกเข้าไปในทุกประสาทสัมผัส ดาร์กเบียร์คือคำตอบ

“จะเป็นเบียร์ประเภท Porter หรือ Stout ครับ ที่ร้านผมก็จะมีเป็น Paul’s Cascadian Stout และ Oskar Blues Ten Fidy เบียร์ประเภทนี้เป็นสไตล์ที่เอื้อต่อการ ‘เล่น’ ครับ เป็นตัวเปิดทางให้นักต้มเบียร์สามารถใส่วัตถุดิบที่สนุกลงไปได้ คนกินดาร์กเบียร์ก็จะได้สัมผัสกับมอลต์ที่ผ่านการคั่วจนกลายเป็นสีดำ กลิ่นแบบกาแฟ โกโก้ หรือช็อกโกแลต แล้วยังมีวัตถุดิบอื่นที่ผมเคยเห็นนักต้มใส่ลงไปในสเตาท์ เช่น ฝักวนิลลา พริกหยวก กากน้ำตาล โอริโอ หรือแม้แต่โดนัท”

8 คำถามกับเฟม – ภวินท์ ภาควิวรรธ

ทำไมคุณจึงเลือกเปิดร้านคราฟต์เบียร์ในต่างจังหวัด

ผมว่าลูกค้าต่างกัน ลูกค้าต่างจังหวัดจะเฟรชกว่า ใหม่กว่า มีความอยากลองมากกว่า ถึงลูกค้าในกรุงเทพฯ จะมีพื้นฐานเรื่องเบียร์เยอะกว่า ยิ่งเป็นการบ้านให้เราต้องหาตัวใหม่ๆ หาเรื่องที่น่าสนใจมาขายให้ลูกค้า เขาต้องการสิ่งใหม่เสมอ ความท้าทายคือเราต้องใช้พลังงานในการพูดถึงเบียร์แต่ละตัว ในกรุงเทพฯ แค่เอาเบียร์ตัวที่น่าสนใจ คนก็เข้ามากินแล้ว เราเอาเบียร์ที่คนกรุงเทพฯ กรี๊ดๆ กันมาวาง มันกลืนไปกับเบียร์อื่นเลย ไม่โดดเด่น สิ่งที่ผมต้องทำคือ ต้องเล่าให้ฟัง เราก็ได้ใกล้ชิดกับลูกค้ามากกว่า

คนต่างจังหวัดรู้จักคราฟต์เบียร์พอสมควรไหม

คนโคราชก็รู้จักมากขึ้นกว่าสองสามปีก่อนนะ โดยรวมผมว่ามันใกล้ตัวขึ้น ในห้างมีคราฟต์เบียร์ให้เลือกเยอะขึ้น แต่ก็ยอมรับว่ามันเป็นเครื่องดื่มที่ไม่สามารถดื่มได้ทุกวัน นอกจากคุณจะต้องมีฐานะ ตอนนี้ลูกค้าใหม่มีมาเรื่อยๆ สิ่งที่เรามองไว้อีกอย่างคือ เรื่องราคา ก็จะเฉลี่ยๆ กันไป มีตั้งแต่ตัวร้อยกว่าต้นๆ ไปจนถึงสองร้อยกว่า ถ้ากินจริงๆ บางตัวมีแอลกอฮอล์สูง กินมากไม่ไหวอยู่แล้ว

แล้วคุณมีวิธีเลือกเบียร์เข้ามาขายในร้านยังไง

อะไรก็ตามที่ผมเลือกมาขาย ผมเริ่มจากสิ่งที่ผมอยากกินอยากลองก่อน อย่างที่สอง มันมีเรื่องราวที่ขายได้ไหม น่าสนใจไหม ผมคิดว่า คนมาซื้อเบียร์อย่างเดียว มันแพงไป แต่ถ้าซื้อเบียร์และได้ฟังเรื่องราวของมัน ได้รู้กรรมวิธี มันจะคุ้มค่า ที่ร้านเรามีเบียร์สด 8 แท็ป เวียนตัวใหม่มาตลอด ลูกค้ามาแต่ละครั้งจะได้กินเบียร์ที่ไม่เหมือนเดิมเลย แต่ตัวที่ต้องมีติดร้านไว้ คือเบียร์ผลไม้ มันเป็นเบียร์ที่ทำให้ลูกค้าเปิดใจในการลองคราฟต์เบียร์ได้ดีที่สุด ดื่มง่ายสุด

ตัวที่ผมอยากแนะนำเป็น Grapefruit Smoothie IPA จาก Paul’s Beer แบรนด์นี้ของคนไทย ได้รางวัลจากเว็บไซต์ Ratebeer.com เป็น Best Brewery of Thailand มาตรฐานน้ำเบียร์ดี มีสไตล์เบียร์หลากหลาย มีการผลิตที่ทันสมัย ถึงรสจะขม แต่เขาใส่น้ำตาลแล็กโสลงไป เป็นน้ำตาลที่ได้จากนม ปกติยีสต์กินน้ำตาลจากมอลต์และกลายเป็นแอลกอฮอล์ พอยีสต์ไม่สามารถกินน้ำตาลแล็กโตส หลังหมักจะเหลือน้ำตาลในเบียร์เยอะ ตัวนี้เลยออกหวาน ซึ่งปกติเบียร์ IPA จะขมนำ กลิ่นของฮอปส์อันนี้เป็นกลิ่นฟรุ้ตตี้ เข้ากันมากๆ กับรสหวาน

ที่ร้านมีพวก Non-alcohol ไหมสำหรับคนที่ไม่ดื่ม

เรามี sparkling ตัวพิเศษ เป็นคราฟต์โซดา ก็คือน้ำอัดลมนี่แหละ คนไทยทำเหมือนกัน ต้องเข้าใจก่อนว่า น้ำอัดลมในท้องตลาดที่เรากินกันอยู่ทุกวันนี้ไม่ใช่ของคนไทย เป็นของต่างประเทศหมดเลย เราขายยี่ห้อแจ่มใส เป็นตัวใหม่ล่าสุดจาก Castown เชียงใหม่ เขาปรุงเองต้มเอง ใช้หม้อใหญ่ๆ กรอกใส่ขวดเอง ผมว่ามันเหมือนคราฟต์เบียร์ที่ไม่ได้ใส่วัตถุดิบที่ลดต้นทุน แจ่มใสใช้ผลไม้สด ไม่ได้ใช้หัวเชื้อน้ำผลไม้

ย้อนกลับมาประเด็นที่ยังสงสัยอยู่ ปกติถ้าอยากปาร์ตี้ เราไปร้านสะดวกซื้อก็ได้ ไม่ก็ผับบาร์ กินเบียร์ตลาดๆ อะไรทำให้เราอยากเลือกคราฟต์เบียร์?

สำหรับผม เบียร์เป็น Functional Drink เราดื่มเพื่อความสนุก ผมก็เป็นแบบนั้นนะ ไม่ได้ผิดอะไร แต่พอได้รู้จักคราฟต์เบียร์ มันให้ด้าน Emotion ด้วย เหมือนกินอาหารที่พ่อครัวปรุงมา ไม่ใช่อาหารสำเร็จรูป บางวันผมก็ดื่มเบียร์แบบ Functional ก็ไปซื้อเบียร์ทั่วไป เฮฮากันไป แต่คราฟต์เบียร์ทำให้เรารื่นรมย์กับรสชาติและกลิ่น ถ้าผมซื้อเบียร์ทั่วไปกิน ผมอาจจะไม่ได้รู้สึกหลงใหล

เวลาดื่มคราฟต์เบียร์ บทสนทนามันจะมีมิติขึ้นนะ ผมเห็นลูกค้าคุยถึงเบียร์ที่ตัวเองเลือก ตัวนี้มีกลิ่นแบบนี้ รสแบบนี้ ฟองนุ่มละเอียด อะไรแบบนี้ เรารู้จักคนจากเบียร์ที่เขาดื่มได้ เป็นคนละเอียด นิสัยแมนๆ หรือเป็นคนลุยไหม

แล้วเจอลูกค้าแบบไหนบ้าง

จริงๆ ผมวางไว้ว่าลูกค้าจะอยู่ในช่วงวัยทำงานตอนต้นถึงอายุประมาณสามสิบกว่า เป็นช่วงที่อยากลอง อยากรู้อยากเห็น และมีกำลังเงินที่จะซื้อ แต่ที่เจอ ลูกค้ามีตั้งแต่วัยรุ่นมาเลย อายุห้าสิบก็มี คือใครที่เอ็นจอยเบียร์ ต้องการทางเลือกใหม่ๆ ก็มาที่นี่ เขาอาจจะไม่ได้ดื่มเบียร์ แต่ตรงนี้เป็นพื้นที่ของการเจอเพื่อน มีบอร์ดเกมให้เล่นด้วย

โต๊ะยาวก็ไว้สำหรับคนที่มากันเป็นกลุ่มใหญ่ มาคนเดียวก็นั่งตรงบาร์หน้าร้าน หรือนั่งโต๊ะยาวคุยกับผมก็ได้ พอดีผมเรียนออกแบบเฟอร์นิเจอร์ พวกโต๊ะเก้าอี้เราก็จะมีฟังก์ชั่นสำหรับคนมาเป็นกลุ่ม เป็นคู่ อยากได้ความเงียบก็เข้าไปด้านใน

ลูกค้าจะมีคำพูดนี้บ่อยมากคือ ขับรถผ่านหลายรอบแล้วแต่ไม่กล้าเข้ามา ส่วนใหญ่ทีแรกจะไม่กล้าเข้า แต่ผมว่าที่เขาอยากกลับมาอีกเพราะการพูดคุยนะ สิ่งที่เขาได้รับจากเราไม่เหมือนร้านอื่น

ไม่เหมือนร้านอื่น?

ร้านเรามีคนที่ใส่ใจในการแนะนำเบียร์และหาความรู้เรื่องเบียร์ สร้างความน่าเชื่อถือให้กับเบียร์ที่ดื่ม ผมสามารถทำให้คนเอ็นจอยเบียร์จากการพูดคุยได้ ผมชอบคุยกับลูกค้า ชอบฟัง ในร้านก็จะเกิดบทสนทนา นอกจากเรื่องเบียร์ อย่างดนตรี ฟุตบอล BNK48 คุยหลายเรื่อง

คอนเซปต์ของร้านคือ We serve craft beer and the story of them. เวลาผมเสิร์ฟเบียร์ ผมเสิร์ฟพร้อมสตอรี่ของมัน อะไรที่ผมรู้เกี่ยวกับเบียร์ตัวนั้น ผมบอกหมด เหมือนช่วยยกระดับการดื่ม

ชื่ิอร้าน Some Might Say มาจากอะไร

เป็นชื่อเพลงที่ผมชอบ ของวงโอเอซิส เพลงมันสดใส ให้ความหมายดี ให้กำลังใจ แปลว่า บ้างก็ว่า เป็นคำขึ้นต้นประโยคเวลาเราได้ยินอะไรมาแล้วเราเล่าต่อให้คนอื่นฟัง เป็นตัวเริ่มบทสนทนา รู้ไหมบางคนเขาว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ผมให้ความสำคัญกับบทสนทนาในร้าน ผมเลยคิดว่าชื่อนี้น่าจะเหมาะ

สำหรับผู้ที่เพิ่งทำความรู้จัก คราฟต์เบียร์ยังมีเรื่องราวอีกมากให้ค้นหา คุณสามารถเจอในอินเตอร์เน็ตหรือนักดื่มคนข้างๆ ที่รู้สึกคุยถูกคอ และยิ่งคุณเอาใจไปอยู่รายละเอียดการเลือกเฟ้นวัตถุดิบ ดื่มด่ำรส กลิ่น เนื้อสัมผัส และความพิถีพิถันของผู้ปรุง คุณจะพบ “ชีวิต” ในคราฟต์เบียร์นั้น แน่นอน…รวมทั้งเอกลักษณ์ของร้านที่เสิร์ฟและตัวตนคุณเองที่ดื่มด้วย

Fact Box

  • Paul's Exothermic Grapefruit Pale Ale คือคราฟต์เบียร์สุดนิยมของที่นี่ ใช้ Cyro Hops ซึ่งเป็นฮอปส์สดแช่แข็ง ป่นเป็นผง นำมาผสมเบียร์ กลิ่นและรสขมของฮอปส์จึงชัดและออกสู่น้ำเบียร์ได้อย่างดี เป็นวิธีการที่โลกเพิ่งค้นพบ ส่วนตัวกระป๋องเป็นนวัตกรรมใหม่ ใช้ฝาแบบ ripple lid เปิดออกได้เหมือนฝาปลากระป๋อง ดื่มจากกระป๋องได้เลย
  • ร้าน Some Might Say ตั้งอยู่ในตัวเมืองโคราช ถนนสุรนารี ใกล้แยกวัดม่วง ระหว่างแยก บขส.เก่า กับตลาดแม่กิมเฮง ติดตามร้านได้ที่ https://www.facebook.com/somemightsaycraftbeer/

 

Tags: , ,