กลายเป็นข่าวใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น เมื่อ ชิโอริ อิโตะ (Shiori Ito) นักข่าวสาวผู้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวต่อสาธารณชนเมื่อเดือนพฤษภาคม 2017 กรณีที่เธอถูกนักข่าวสำนักข่าวชื่อดัง โนริยุกิ ยามากุจิ (Noriyuki Yamaguchi) ล่วงละเมิดทางเพศ และทำให้เกิดกระแส #metoo ในญี่ปุ่น ล่าสุดนี้ในวันที่ 18 ธันวาคม 2019 ศาลโตเกียวมีคำพิพากษาให้ชิโอริ อิโตะ ชนะคดีและจำเลยต้องจ่ายค่าเสียหายให้แก่เธอ จำนวน 3.3 ล้านเยน หรือตีเป็นเงินไทย 911,100 บาท
อิโตะฟ้องยามากุจิในฐานล่วงละเมิดทางเพศตั้งแต่ปี 2015 โดยเธอระบุว่า ยามากุจิมอมยาและข่มขืนเธอ แต่การดำเนินคดีอาญานั้นไม่สามารถทำได้เนื่องจากมีหลักฐานไม่เพียงพอ อิโตะจึงตัดสินใจดำเนินคดีทางแพ่งแทนในปี 2017 เธอยื่นเรื่องเรียกร้องค่าเสียหายจากยามากุจิ 11 ล้านเยน ซึ่งนาย ยามากุจิ ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและฟ้องเธอกลับ โดยเรียกร้องค่าเสียหายจากอิโตะ เป็นจำนวน 130 ล้านเยน
อย่างไรก็ตาม อิโตะเคยให้สัมภาษณ์ว่ามีตำรวจพยายามขอให้เธอเจรจายอมความเป็นการส่วนตัว และมีการยกเลิกการแผนการจับกุมผู้ต้องหา โดยอ้างว่า “มีคำสั่งจากเบื้องบน” ทำให้มีการตั้งข้อสงสัยว่าอาจเป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เนื่องจากยามากุจิสนิทสนมกับ ชินโซ อาเบะ (Abe Shinzō) ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น
จนกระทั่งวันที่ 18 ธันวาคม 2019 ก่อนที่ศาลแพ่งจะตัดสินคดี อิโตะได้ให้สัมภาษณ์ต่อสาธารณชนว่า “ตื่นนอนเช้านี้ ฉันได้รับข้อความจำนวนมากจากทั่วโลกว่าอยู่ข้างดิฉัน ไม่ว่าผลออกมาเป็นอย่างไร การกระทำของฉันก็มีความหมาย” หลังจากการฟังคำพิพากษาของศาล เธอกล่าวว่า “เราชนะ ศาลยกฟ้องที่เขาฟ้องกลับเรา” และเธอได้ชูป้าย คำว่า ‘ชัยชนะ’ ต่อหน้าสื่อมวลชน
ที่ผ่านมา ก่อนศาลจะตัดสิน เธอถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักบนโลกออนไลน์ มีคนแสดงความคิดเห็นในเชิงลบ กล่าวหาว่าเธอเป็น ‘โสเภณี’ และเป็น ‘พวกชอบเรียกร้องความสนใจ’ รวมไปถึงการกล่าวหาว่าเธอกำลังตักตวงผลประโยชน์จากเรื่องนี้ อิโตะเองไม่ใช่เหยื่อรายแรกจากการถูกวิจารณ์เช่นนี้ แต่ผู้หญิงที่ออกมาเปิดเผยว่าตนถูกคุกคาม หรือล่วงละเมิดทางเพศก็มักจะได้รับคำกล่าวโทษ อาทิ พวกเธอแต่งตัวไม่รัดกุม พวกเธอไม่ดูแลความปลอดภัยของตนเอง ชัยชนะของเธอในครั้งนี้จึงน่าจะเป็นอีกหมุดหมายหนึ่งที่จะไปไปสู่ความเท่าเทียมทางเพศในอนาคต
อ้างอิง: https://prachatai.com/journal/2017/07/72426
https://mainichi.jp/english/articles/20170612/p2a/00m/0na/015000c
ภาพ: KYODO Kyodo / Reuters
