การกินเนื้อสุนัขและแมวเป็นเรื่องปกติมากที่เมืองเสิ่นเจิ้น ในมณฑลกวางตุ้ง แม้ว่าจะได้รับความนิยมน้อยลงแล้วก็ตามในช่วงหลังๆ
การเตรียมออกกฎหมายห้ามบริโภคเนื้อสุนัขและแมวเกิดขึ้นในเสิ่นเจิ้นเกิดขึ้นต่อจากคำสั่งของรัฐบาลจีน เมื่อวันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ประกาศห้ามการซื้อขายและบริโภคสัตว์ป่าทั่วประเทศ อันเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
อย่างไรก็ตามการห้ามกินสุนัขและแมวของเมืองเสิ่นเจิ้นไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของโรคจากสัตว์สู่คน แต่รัฐบาลเสิ่นเจิ้นต้องการสร้างปรับเปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสัตว์เลี้ยง ซึ่งเป็น ‘แก่นแกนของอารยธรรมของมนุษย์” คำประกาศระบุว่า “การห้ามบริโภคสัตว์ป่าเป็นเรื่องธรรมดาในประเทศพัฒนาแล้ว และเป็นเรื่องพื้นฐานสากลในอารยธรรมสมัยใหม่”
ผู้ที่บริโภคสัตว์คุ้มครองจะถูกปรับเป็นเงินสูงสุด 20,000 หยวน ส่วนสัตว์ที่ไม่ได้รับการคุ้มครองจะถูกปรับ 2,000 หยวน ร้านที่ขายสัตว์คุ้มครองถูกปรับสูงสุด 50,000 หยวน ร่างกฎหมายนี้อยู่ในช่วงรับฟังความคิดเห็นจนถึง 5 มีนาคมและยังไม่กำหนดเวลาว่าจะบังคับใช้เมื่อใด
ในกฎหมายกำหนดให้มีสัตว์ 9 ชนิดเท่านั้นที่อนุญาตให้ประชาชนเสิ่นเจิ้นกินได้ เช่น หมู ไก่ วัว กระต่าย ปลา และอาหารทะเล ถ้ากฎหมายนี้ผ่าน สัตว์อื่นๆ ที่สามารถแพร่โรคไปยังคนได้ เช่น เต่า งู นกและแมลงบางชนิดก็จะถูกจัดอยู่ในรายการสัตว์ต้องห้ามในการบริโภคด้วย แม้ว่าจะเป็นอาหารยอดนิยมของชาวจีนที่อยู่ทางใต้ก็ตาม
ปีเตอร์ ลี ผู้เชี่ยวชาญนโยบายจีนขององค์กรฮิวแมนโซไซตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นกลุ่มส่งเสริมสวัสดิภาพสัตว์กล่าวว่า การห้ามกินเนื้อสุนัขและแมวในเสิ่นเจิ้นจะได้รับการตอบรับอย่างมาก
“แม้ว่าการซื้อขายในเสิ่นเจิ้นจะเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับจังหวัดอื่นๆ ในมณฑลกวางตุ้ง แต่เสิ่นเจิ้นก็ถือว่าเป็นเมืองใหญ่ และใหญ่กว่าอู่ฮั่น ดังนั้นนี่เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ และอาจเป็นโดมิโนเอฟเฟกต์ไปยังเมืองอื่นๆ ให้ทำตาม”
นอกจากนี้ทางการจีนยังได้เพิกถอนใบอนุญาตการผสมพันธุ์สัตว์ป่าเพื่อการบริโภคด้วย
เมืองยูหลินที่อยู่ใกล้กับจังหวัดกวางสีมีเทศกาลกินเนื้อสุนัขที่โด่งดัง ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา การฆ่าสุนัขต้องยุติลงเนื่องจากคำสั่งห้ามเคลื่อนย้ายสุนัขข้ามจังหวัด
ที่มา:
รูป: REUTERS/Tyrone Siu
Tags: จีน, สุนัข, แมว, เสิ่นเจิ้น