ไปๆ มาๆ กลุ่มคนที่จะสนใจเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างรถยนต์ไร้คนขับ กลับไม่ใช่คนหนุ่มสาว แต่ลูกค้าแนวหน้าของกลุ่มนี้ กลับเป็นผู้สูงวัยในหมู่บ้านวัยเกษียณต่างหาก

ชุมชนแห่งหนึ่ง ชื่อว่า The Village ในฟลอริดา มีผู้อยู่อาศัยราว 125,000 คน มีครัวเรือนราว 54,000 หลัง เป็นชุมชนคนวัยเกษียณที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ที่นี่ดูจะมีช่องว่างทางการตลาดให้รอเข้าไปอุด ดังที่บริษัทสตาร์ตอัปที่ชื่อว่า Voyage กำลังเข้าไปลงทุนและให้บริการแท็กซี่แบบรถยนต์ไร้คนขับ

The Voyage ยังมีแผนขยายกิจการไปที่เมืองอื่นๆ อีกในปีนี้ ซึ่งถือเป็นความสำเร็จจากการที่เริ่มระดมทุนลงทุนมาได้ราว 20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อปีที่ผ่านมา

คนกลุ่มแรกๆ ที่มีประสบการณ์ตรงกับรถยนต์ไร้คนขับ คือกลุ่มที่อายุเกิน 55 ปี โดยรถยนต์เหล่านี้ จะให้บริการเป็นดังรถแท็กซี่ภายในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้ เช่น มหาวิทยาลัย สวนสาธารณะ เลนพิเศษ ตัวเมือง หรือชุมชนคนวัยเกษียณ

เรื่องนี้ดูจะสวนทางกับผลสำรวจก่อนหน้านี้ ที่พบว่า คนสูงวัยชาวอเมริกันดูจะไม่สะดวกใจที่ต้องนั่งรถยนต์ไร้คนขับ พบว่าราว 9% ของคนในวัยเบบี้บูมเมอร์ (อายุช่วง 51-64) เท่านั้นที่มั่นใจที่จะโดยสารแท็กซี่ไร้คนขับ ขณะที่ 38% ของคนเจน Z (อายุ 12-15 ปี) รู้สึกเชื่อมั่นในรถยนต์ที่ไม่ต้องเหยียบคันเร่งนี้

นั่นคือผลสำรวจที่ทำขึ้นเมื่อปี 2016 มาวันนี้ ดูเหมือนว่า ชุมชนคนเกษียณอายุจะเป็นเป้าหมายการตลาดที่น่าสนใจ สำหรับธุรกิจรถยนต์ที่ไม่ต้องขับเอง

สำหรับบริษัท Voyage เป็นบริษัทที่แยกตัวออกมาจาก Udacity ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีไร้พลขับ โดยก่อนหน้านี้ Sebastian Thrun ประธานของ Udacity ซึ่งก็เป็นผู้ก่อตั้งโครงการรถยนต์ไร้คนขับของกูเกิล เคยเป็นประธานของ Voyage ในช่วงสั้นๆ ก่อนจะมีข้อขัดแย้งที่ทำให้เขาถอนตัวออกมา

ที่มา:

https://www.theverge.com/2018/1/10/16874410/voyage-self-driving-cars-villages-florida-retirement-communities

https://www.buzzfeed.com/likethebreadorthedressing/seven-days-and-nights-in-the-worlds-largest-rowdiest-retirem?utm_term=.xpLlAmx6mb#.qgK4OR23Rv

Tags: , , , ,