เขาคือผู้ชายที่อยู่ใกล้ชิดคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ในช่วงสุดท้ายของชีวิต แต่เมื่อหมดภาระหน้าที่บอดีการ์ดแล้ว เขาก็เริ่มต้นสิ่งใหม่กับชีวิตที่โคตดาซูร์ บ้านหลังที่สองของเขา
แซงต์–โตรเปซ์ไม่เพียงเป็นจุดหมายปลายทางในฤดูร้อนของใครๆ ในฝรั่งเศส หากมันยังเป็นสถานที่พบรัก อ่อยเหยื่อ หรือสอดสายตามองว่าใครดูดี มันเป็นสถานที่ที่คนรู้จักมานานนับทศวรรษ จากนิตยสาร จากหนังสือพิมพ์ ปีนี้มีข่าวดังหน่อย เมื่อแบรด พิตต์ควงสาวเยอรมันไปที่โคตดาซูร์ เพียงแต่ภาพข่าววันนี้แตกต่างจากวันเก่าๆ ไม่เหมือนครั้งที่คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์สวมชุดยีนส์สีขาวกับแจ็กเก็ตรัดรูป เดินเคียงคู่อยู่กับบอดีการ์ดของเขาที่บริเวณท่าเรือของแซงต์–โตรเปซ์ แวะร้านขายของริมถนน พูดคุยสนุกสนานกับคนติดตาม จนกระทั่งช่างภาพปาปาราซซีเห็นเข้า และถ่ายภาพส่งไปตามสื่อต่างๆ
เวลาใครเห็นภาพถ่ายเหล่านี้ก็จะรู้ได้ทันทีว่า ‘จักรพรรดิแห่งวงการแฟชั่น’ มีความสุขดีกับฤดูร้อน เขาจะนั่งดื่มเป๊ปซี แม็กซ์ใน Cafés Sénéquier ร้านโปรดที่ท่าเรือ บางครั้งบางคราวยอมถ่ายเซลฟีร่วมกับนักท่องเที่ยวในร้าน แม้เขาจะเกลียดการถ่ายเซลฟีก็ตาม บางวันเขาก็นั่งสเก็ตช์ภาพอยู่ในบ้านที่มองเห็นทิวทัศน์ของทะเล ออกแบบคอลเล็กชันไม่รู้จบให้กับชาเนล เฟนดิ และแบรนด์ของตนเอง ทุกเรื่องราวเหล่านี้กลายเป็นอดีตไปแล้ว แต่ยังไม่ถูกลืม โดยเฉพาะบอดีการ์ด คนขับรถ หรือคนสนิทของเขา ที่เคยอยู่ใกล้ชิดลาเกอร์เฟลด์ นั่งกุมมือก่อนที่เขาจะเสียชีวิตในโรงพยาบาลอเมริกันที่นุยลี–ซัวร์–แซน ในตอนเช้าของวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2019
…..
เซบาสเตียง ฌองโด (Sébastien Jondeau) คนสนิทข้างกายของลาเกอร์เฟลด์ก็มีความทรงจำที่เจ็บปวดกับโคตดาซูร์ วันหนึ่งในฤดูร้อนปี 2015 เขากำลังนอนพักอยู่ในบังกะโลของลา เรแซร์ฟ โรงแรมหรูริมชายหาด ตอนที่ลาเกอร์เฟลด์โทรศัพท์ตาม ลาเกอร์เฟลด์มีปัญหากับการปัสสาวะ ต้องพาตัวส่งโรงพยาบาล ผลตรวจออกมาอย่างรวดเร็ว ลาเกอร์เฟลด์เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก เวลานั้นนอกจากหมอแล้วก็มีเพียงเซบาสเตียงเท่านั้นที่รู้ข่าวนี้ ทำให้เซบาสเตียงรู้สึกห่วงใยและเป็นกังวลกับเจ้านายมากขึ้นกว่าเดิม
ทั้งหมดนี้ทำให้ย้อนเห็นภาพและเข้าใจได้ว่า ทำไมลาเกอร์เฟลด์ถึงจัดโชว์ Chanel Métiers d’Arts ที่ฮัมบวร์กบ้านเกิดของเขาในเดือนธันวาคม 2017 หรือตั้งแต่ปี 2018 เขาพยายามดึงเวอร์จินี วิอารฺด์ (Virginie Viard) ผู้ช่วยของเขาขึ้นแคตวอล์กในช่วงฟินาเลบ่อยครั้ง นั่นเพราะเขาต้องการแนะนำคนที่จะรับช่วงต่อจากเขาให้แวดวงแฟชั่นรู้จัก
ส่วนเซบาสเตียง บอดีการ์ดหรือมือขวาของลาเกอร์เฟลด์ ที่มักจะโพสต์ภาพช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันอย่างภาพบนโต๊ะอาหารเทศกาลคริสต์มาสลงอินสตาแกรม หรือหลังจากเจ้านายของเขาเสียชีวิต เขาก็กลายเป็นผู้ชายที่ถูกถามหาบ่อยครั้งในวงการแฟชั่น ก่อนหน้านี้เขาเองก็เป็นด่านหน้าคนสำคัญ หากใครต้องการพูดคุยกับลาเกอร์เฟลด์จะต้องผ่านเขาก่อนทุกครั้ง เพราะเขาเป็นคนหนึ่งที่รู้ดีว่า เจ้านายของเขาชอบหรือไม่ชอบใคร โดยเฉพาะคนในแวดวงสื่อ แบบที่พีอาร์ของค่ายชาเนลหรือเฟนดิเองก็เข้าไม่ถึง และในทุกงานโชว์เขาจะมีห้องด้านหลังเวทีเป็นห้องส่วนตัวแยกเฉพาะ
ทุกวันนี้ เซบาสเตียง ฌองโดกลายเป็นนายแบบฮอตอีกครั้ง หลังจากลาเกอร์เฟลด์เคยหนุนเขาขึ้นแคตวอล์กเวลาที่ต้องการลุคผู้ชายร่วมในโชว์ ปกติแล้วลาเกอร์เฟลด์ชอบผู้ชายแบบหล่อเกินจริง หรือไม่ก็ลุคหวานๆ เหมือนอย่าง แบรด เครอนิก (Brad Kroenig) นายแบบอเมริกันที่ลาเกอร์เฟลด์โปรดปรานลูกชายของเขาและรับเป็นลูกบุญธรรม หรือบัปติสต์ เจียบิโคนี (Baptiste Giabiconi) นายแบบคนโปรดในช่วงหลัง ตรงข้ามกับเซบาสเตียงที่ดูเป็นผู้ชายร่างใหญ่บึกบึน ส่วนสูง 187 เซนติเมตร นั่นเพราะเขาชอบกีฬามวย วิ่ง ปั่นจักรยาน และกีฬาทางน้ำทุกชนิด เมื่อเร็วๆ นี้เขาเพิ่งได้รับเลือกเป็นนายแบบบนแคตวอล์กในงานโชว์ของจุนยา วาตานาเบ (Junya Watanabe) หลังจากคุยงานเกี่ยวกับเสื้อผ้าไลน์สปอร์ตของเขากับซิลเวีย เฟนดิ (Silvia Fendi) ที่กรุงโรม
…..
แซงต์–โตรเปซ์เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของเซบาสเตียง ฌองโด เขามีแฟนสาวอยู่ที่นั่น เธอชื่อ เจนนา คูร์แตง–คลาแรงส์ (Jenna Courtin-Clarins) เป็นเจ้าของโรงงานทอผ้าแฟชั่นในเมืองนีซ ช่วงที่ทำงานอยู่กับลาเกอร์เฟลด์เขามีเวลาให้เธอน้อยมาก เพราะหน้าที่ของเขาล้นมือ ตั้งแต่เป็นบอดีการ์ด ผู้ช่วยส่วนตัว เลขาฯส่วนตัว และเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อื่นๆ
เซบาสเตียง ฌองโด เกิดเมื่อปี 1975 ในกรุงปารีส และเติบโตที่ชานเมืองทางตอนเหนือ ในย่านที่เต็มไปด้วยอาชญากรรม ตอนอายุ 15 ฌองโดใช้เวลาว่างช่วงปิดเทอมทำงานพิเศาที่บริษัทขนส่งของพ่อบุญธรรม ซึ่งเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเฟอร์นิเจอร์โบราณจากศตวรรษที่ 18 เขารู้จักกับคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์มาตั้งแต่ครั้งนั้น เนื่องจากลาเกอร์เฟลด์เป็นลูกค้าขาประจำ
แปดปีต่อมา หลังจากผ่านงานมาหลายอย่าง เซบาสเตียงก็ถามดีไซเนอร์ว่าพอจะมีงานให้เขาทำบ้างหรือไม่ อาจจะเป็นบอดีการ์ดหรืออะไรก็ได้ ลาเกอร์เฟลด์ซึ่งเป็นคนตัดสินใจเร็วก็รับเขาเข้าทำงานทันที ตอนที่เซบาสเตียงโทรศัพท์ไปเล่าเรื่องนี้ให้แม่ของเขาฟัง เขาร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ
ชีวิตหรูหราที่บ้านของดีไซเนอร์คนดังไม่ใช่เรื่องง่าย เขาใช้ชีวิตอยู่กับลาเกอร์เฟลด์บางครั้งยาวนานถึง 24 ชั่วโมง ปีละ 365 วัน แทบไม่เคยหยุดพัก จึงเป็นเรื่องยากที่จะใช้ชีวิตส่วนตัว หรือรักษาความสัมพันธ์กับใครให้ยาวนาน แม้ไม่ต้องมีที่พักหรือรถยนต์ส่วนตัวก็ตาม ลาเกอร์เฟลด์คอยจัดการให้ทุกอย่างและมักตรงตามความต้องการของเขา ไม่ได้เป็นเพียงเจ้านายที่ใจกว้างและใจดีเท่านั้น หากยังเกื้อหนุนเซบาสเตียงให้ได้ดีอีกด้วย
ปี 2015 เขาเริ่มทำงานเป็นนายแบบให้กับไลน์เสื้อผ้าชายแบรนด์คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ และปี 2017 เขาได้เขยิบบทบาทขึ้นเป็นผู้ร่วมงานออกแบบ คอลเล็กชันเสื้อผ้าผู้ชาย–คัดสรรโดย เซบาสเตียง ฌองโด นำเสนอออกมาในปี 2018 นับว่าไม่เลวทีเดียวสำหรับบอดีการ์ด ลาเกอร์เฟลด์ถ่ายภาพเขาไว้เพื่อใช้เป็นแคมเปญโฆษณาระดับสากล
แบรนด์คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ยังคงมีเซบาสเตียงเป็นคนสานต่อ แม้ว่าหลังจากลาเกอร์เฟลด์เสียชีวิตไปแล้ว
ผู้คนในวงการหลายคนพากันหันหลังให้กับเซบาสเตียง ทั้งๆ ที่แต่ก่อนนี้ ผู้ร่วมงานที่ชาเนลเคยโทรศัพท์หาเขาทุกวัน วันละหลายครั้ง เพื่อสอบถามอาการ สถานที่เก็บตัว หรืออารมณ์ของลาเกอร์เฟลด์ว่าเป็นอย่างไร แต่แล้วจู่ๆ พวกเขาเหล่านั้นก็เลิกสนใจเซบาสเตียงเมื่อลาเกอร์เฟลด์ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ผิดกับซิลเวีย เฟนดิและสมาชิกครอบครัวของเธอในกรุงโรม ที่ลาเกอร์เฟลด์เคยทุ่มเททำงานให้มายาวนาน เฟนดิยังให้การสนับสนุนเซบาสเตียงในการออกแบบคอลเล็กชันไลน์สปอร์ตแวร์ ที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตของเขา
หลังจากคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์เสียชีวิต เซบาสเตียง ฌองโดต้องใช้เวลาอยู่กับความคิดของตัวเอง ข่าวการตายของลาเกอร์เฟลด์ทำให้ใครต่อใครในวงการพากันออกมาเสนอหน้า ในฐานะผู้เกี่ยวข้องกับดีไซเนอร์คนดัง ทั้งดีและร้าย หนึ่งในนั้นคือ บัปติสต์ เจียบิโคนี นายแบบคนโปรด ออกมาพร้อมกับหนังสือ Karl et moi อัตชีวประวัติระหว่างลาเกอร์เฟลด์และเขา ที่เซบาสเตียงมองว่า แม้จะเป็นเรื่องที่กล่าวถึงอดีตเจ้านายของเขาในแง่ดี แต่เขาคิดว่าเจียบิโคนีเอาความสัมพันธ์ลับๆ ของตนเองในฐานะชู้รักคนสุดท้ายของลาเกอร์เฟลด์ออกมาขาย
เซบาสเตียงซึ่งรับรู้ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงรู้สึกไม่พอใจ เขาจึงตัดสินใจที่จะเล่าเรื่องจริงของลาเกอร์เฟลด์จากการรับรู้ของเขา โดยมีเวอร์จินี มูซาต์ (Virginie Mouzat) อดีตนักวิจารณ์แฟชั่นของหนังสือพิมพ์ Figaro และอดีตบรรณาธิการแฟชั่นของนิตยสาร Vanity Fair ฝรั่งเศส เป็นผู้เขียน และหนังสือชื่อเล่ม ça va, cher Karl? จะตีพิมพ์ออกมาปลายเดือนมกราคมปี 2021
เขาปรารถนาจะให้หนังสือเล่มนี้เป็นคำแก้ต่าง รวมทั้งเป็นอนุสรณ์ให้กับคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ เพื่อตอบแทนบุญคุณที่หยิบยื่นชีวิตใหม่ให้เขาและฉุดดึงเขาออกจากข้างถนน
หลังจากทำงานรับใช้ลาเกอร์เฟลด์มาร่วม 20 ปี ยามนี้เซบาสเตียง ฌองโดเพิ่งได้พัก ได้เก็บเกี่ยวเสรีภาพครั้งใหม่ แต่เขาก็ยังคงโหยหาวันเวลาเก่าก่อน ลาเกอร์เฟลด์เองก็เคยใส่ใจจริงจังกับสมาชิกครอบครัว ที่แม้จะไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกัน
และแน่นอน เซบาสเตียงก็ได้รับเลือกจากลาเกอร์เฟลด์ให้เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่ได้รับมรดกหลักของเขา
อ้างอิง:
https://www.vogue.de/lifestyle/artikel/sebastien-jondeau-lagerfeld
Tags: แฟชั่น, Something Between, KARL LAGERFELD, Sébastien Jondeau