เรียกได้ว่าเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์อยู่เหมือนกัน เมื่อซัมซุงเปิดตัวกาแล็คซี่ เอส 10 สมาร์ตโฟนรุ่นเรือธงของซัมซุง ซึ่งเป็นรุ่นฉลองครบรอบ 10 ปีของซัมซุงกาแล็คซี่ ชูจุดเด่นเป็นสมาร์ตโฟนที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ที่ชอบถ่ายรูปและวีดีโอ เกมเมอร์ และรักการเดินทาง

วรรณา สวัสดิกูล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการตลาด บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เปิดเผยว่า นับจากเมื่อ 10 ปีก่อนที่ซัมซุงเปิดตัวโทรศัพท์มือถือตระกูลกาแล็คซี่รุ่นแรก จนถึงตอนนี้ซัมซุงกาแล็คซี่มียอดจำหน่ายไปทั่วโลกกว่า 2 พันล้านเครื่อง และเป็นโทรศัพท์มือถือที่มีนวัตกรรมอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอโค้ง (The Edge) หน้าจอแบบอินฟินิตี้ กันน้ำ หรือเป็นสมาร์ตโฟนที่มาพร้อมปากกา

“ภาพรวมตลาดสมาร์ตโฟนในเมืองไทยระยะหลังไม่ได้เติบโตมากนัก โดยเฉพาะตลาดระดับบนที่อยู่นิ่งหลายปี ส่วนหนึ่งคือไม่ค่อยมีนวัตกรรมให้หวือหวามากนัก ลูกค้าเปลี่ยนเครื่องใหม่ช้าลง เพราะมีความจงรักภักดีกับแบรนด์เดิมที่ใช้อยู่”

สำหรับซัมซุงกาแล็คซี่ เอส 10 สมาร์ตโฟนรุ่นล่าสุด ทางผู้บริหารซัมซุงมั่นใจว่าจะเป็นรุ่นเรือธงที่กระตุ้นตลาดสมาร์ตโฟนพรีเมียมได้ โดยรุ่นนี้ได้แรงบันดาลใจจากคาแรกเตอร์ลูกค้ากลุ่มใหม่ที่ชอบความต่าง มีทัศนคติทำสิ่งใหม่ เปิดรับเทรนด์จากต่างประเทศ เรียนรู้สิ่งใหม่ได้เร็ว และไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกต่อไป

“เรามองกลุ่มคนใช้งานยุคใหม่ที่พฤิตกรรมการใช้โทรศัพท์เปลี่ยนไป ไม่ใช่แค่ถ่ายรูปแต่ชอบถ่ายวิดีโอ กลายเป็น Content Creator โดยเฉพาะยูทูปและไอจี สตอรี ทำให้กาแล็คซี่ เอส 10 อยู่บนพื้นที่ของการเป็นสมาร์ตโฟนที่เข้าใจผู้ใช้งานรุ่นถัดไป ไม่ใช่เรื่องอายุ แต่เป็นด้านไลฟ์สไตล์”

วรวุฒิ พงศ์ชินภัค ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด และธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจคมนาคมและไอที บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เปิดเผยว่า ฟีเจอร์เด่นของซัมซุงกาแล็คซี่ เอส 10 อย่างแรกคือเรื่องของกล้องหน้าและหลัง ที่สามารถถ่ายรูปและวิดีโอในระดับ 4K ตอบโจทย์กลุ่มคนชอบถ่ายรูปและวีดีโอ ซึ่งทำให้ทุกคนสามารถเป็น Content Creator ได้

ต่อมาเป็นประสิทธิภาพของเครื่องที่มีความจุมากสุดถึง 1 TB และยังเพิ่มความจุด้วย Micro SD Card ได้สูงสุดถึง 512 GB รวมเป็น 1.5 TB ช่วยให้คนที่ชอบเล่นเกมไม่มีปัญหาเรื่องเครื่องสะดุด และฟีเจอร์ Powershare ที่สามารถแชร์แบตเตอรีกับอุปกรณ์อื่นๆ แบบไร้สายได้ เหมาะสำหรับนักเดินทางที่ไม่ต้องหาปลั๊กเสียบอยู่บ่อยๆ

วรรณา ยังเปิดเผยอีกว่า เมืองไทยเป็นตลาดที่สำคัญของกาแล็คซี่ เอส 10 อย่างมาก เพราะที่ผ่านมาเห็นได้จากการที่ซัมซุงเป็นเบอร์หนึ่งในแง่ของส่วนแบ่งการตลาด และเนื่องจากคนไทยชอบนวัตกรรม เปิดรับสิ่งใหม่ ชอบพูดคุยและสื่อสาร

“ปีนี้เราจะทำการตลาดแบบที่เรียกว่า Excitement Marketing คือให้คนตื่นเต้นกับกิจกรรมการตลาดแบบใหม่ๆ อย่างที่ทำไปแล้วคือ Blind Booking ให้คนจองกาแล็คซี่ เอส 10 ล่วงหน้า ทั้งๆ ที่ยังไม่เห็นตัวเครื่องว่ามีหน้าตาอย่างไร ปรากฎว่ามียอดจองเข้ามาถึง 20,000 เครื่อง และเริ่มส่งมอบเครื่องได้ตั้งแต่วันนี้ (25 ก.พ.) เป็นต้นไป ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศไทยที่ได้รับเครื่องกาแล็คซี่ เอส 10 ส่วนประเทศอื่นๆ จะเริ่มส่งมอบได้ตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม เป็นต้นไป”

ผู้บริหารซัมซุงบอกว่า เวลาที่ลูกค้าในกลุ่มพรีเมียมจะซื้อสมาร์ตโฟนจะดูอยู่ 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ นวัตกรรม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ ตามด้วยความภักดีกับแบรนด์ และความคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป จากข้อมูลของซัมซุงเองกว่า 77% เป็นเรื่องของแบรนด์ที่ลูกค้าเลือกซัมซุง และ 65% เป็นเรื่องคุ้มค่าและดีไซน์ ส่วน 55% เป็นเรื่องของกล้องที่ถ่ายรูปสวย

วรรณายอมรับว่า ภารกิจหลักของซัมซุงในปีนี้คือการรักษาฐานลูกค้าเดิมเอาไว้ให้ได้ โดยต้องสู้กับแบรนด์จีนอย่างหนักชนิดสู้ยิบตา และต้องใช้ทุกเครื่องมือทางการตลาด ไม่ว่าจะเป็นเหล่าบล็อกเกอร์ อินฟลูเอนเซอร์ที่มีจุดเด่นทำเรื่องเข้าใจยากให้เป็นเรื่องง่าย พีอาร์ต่างๆ และกิจกรรม CRM เช่น Galaxy Gift ที่จะมัดใจลูกค้าซัมซุงได้เป็นอย่างดี

Tags: , , , ,