วันนี้ (24 มิถุนายน 2024) สำนักข่าวรอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า ราคากาแฟโลกอาจพุ่งสูงขึ้น หลังเวียดนามเผชิญภัยแล้งรุนแรงในรอบหลายสิบปี เป็นเหตุให้ห่วงโซ่อุตสาหกรรมกาแฟได้รับผลกระทบตาม
ทั้งนี้ ข้อมูลในปี 2022 เผยว่า เวียดนามเป็นประเทศที่ส่งออกกาแฟมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก โดยคิดเป็นสัดส่วน 14.2% จาก 80 ประเทศทั่วโลก ทว่ารายงานล่าสุดจากตลาดซื้อขายกาแฟเวียดนาม (Mercantile Exchange of Vietnam: MVX) พบว่า ผลผลิตในอุตสาหกรรมอาจลดลงถึง 10-16% หลังจากพื้นที่ปลูกกาแฟบริเวณที่สูงตอนกลาง (Central Highlands) ของประเทศ เผชิญคลื่นความร้อนพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนมีนาคมและเมษายนที่ผ่านมา
“คลื่นความร้อนและภัยแล้งสร้างผลกระทบใหญ่หลวงต่อการเจริญเติบโตของต้นกาแฟ” เหงียน นัม ไฮ (Nguyen Nam Hai) ประธานสมาคมอุตสาหกรรมกาแฟและโกโก้เวียดนาม (Vicofa) อธิบายผ่านเอเอฟพี (AFP) ในต้นเดือนมิถุนายน โดยเล่าว่า ทั้งความร้อนและแมลงโคชินีล (Cochinilla) เป็นเหตุทำให้ผลและเมล็ดกาแฟมีคุณภาพต่ำลง
ขณะที่ เหงียน หง็อก ควิ่ย์ (Nguyen Ngoc Quynh) รองประธานตลาดซื้อขายกาแฟเวียดนาม ระบุว่า เกษตรกรพยายามหาทางแก้ไขปัญหาด้วยการเพิ่มยอดการผลิต หลังเวียดนามเข้าสู่ฤดูฝน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้กาแฟเติบโตดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ยังไร้ความแน่นอน เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่า อาจเกิดวิกฤต 2 ประการ คือฝนอาจตกน้อยเกินไป หรือน้ำท่วมผลผลิตทางการเกษตรก่อนฤดูเก็บเกี่ยวในเดือนตุลาคม ขณะที่เกษตรกรหลายกลุ่มหันมาปลูกทุเรียนแทนกาแฟ เพื่อตอบรับความต้องการมหาศาลในตลาดจีน
นั่นหมายความว่า ผลกระทบดังกล่าวทำให้ราคากาแฟโลกเพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สะท้อนจากราคาขายส่งของสัญญาซื้อขายกาแฟล่วงหน้า (Robusta Coffee Futures) ในเวียดนามและอังกฤษที่พุ่งสูงขึ้นในต้นปีนี้ โดยมีที่มาจากภาวะขาดแคลนผลผลิตในเวียดนามจากวิกฤตความแห้งแล้ง
ก่อนหน้านี้ อัตราเฟ้อของราคากาแฟเพิ่มขึ้นในยุโรป 1.6% ใน 27 ประเทศทั่วสหภาพยุโรป (European Union: EU) ในเดือนเมษายน ขณะที่อิตาลี ประเทศแห่งการดื่มกาแฟได้รับผลกระทบโดยราคากาแฟเฟ้อขึ้นถึง 2.5%
ในช่วงที่ผ่านมา ภาวะโลกรวนส่งผลกระทบโดยตรงต่ออุตสาหกรรมกาแฟที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยนักวิทยาศาสตร์คาดว่า ผลผลิตอาจมีจำนวนลดน้อยลง และพื้นที่เพาะปลูกอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการของคนทั้งโลก
“อีก 30 ปีข้างหน้า พื้นที่ปลูกกาแฟ 50% ในวันนี้อาจเพาะปลูกไม่ได้อีกต่อไป” ฟิลิปป์ นาฟราทิล (Philipp Navratil) หัวหน้าหน่วยธุรกิจเชิงกลยุทธ์กาแฟเนสท์เล่ (Nestle) อธิบายผ่านบลูมเบิร์ก (Bloomberg) พร้อมระบุว่า ทุกฝ่ายต้องร่วมจัดการกับภาวะโลกเดือด
ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งคือกาแฟโรบัสตา หลังสถาบันวิจัยกาแฟโลก (World Coffee Research) เปิดเผยข้อมูลว่า โลกอาจขาดแคลนโรบัสตาถึง 35 ล้านถุง ภายในปี 2024 ท่ามกลางความนิยมล้นหลามในตลาดที่สวนทางกับวิกฤตสภาพอากาศ แม้ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์ว่า โรบัสตารับมือกับอากาศร้อนได้ดีกว่ากาแฟอาราบิกาก็ตาม
อ้างอิง
https://en.vietnamplus.vn/vietnam-remains-worlds-second-biggest-coffee-exporter-post237438.vnp
https://www.straitstimes.com/asia/se-asia/vietnam-s-coffee-trees-stunted-by-drought-heat-and-pests
Tags: เวียดนาม, กาแฟ, ภัยแล้ง, ราคากาแฟ, กาแฟโลก