เมื่อวันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา กระทรวงศึกษาธิการมีมติยกเลิกการบังคับแต่งชุดลูกเสือ เหตุต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายผู้ปกครอง อย่างไรก็ตามการประกาศอย่างกะทันหันสร้างแรงกระแทก และความสับสนให้แก่ร้านค้าและผู้ปกครองนักเรียนอยู่ไม่น้อย
จนกระทั่งช่วงค่ำเมื่อวานนี้ (29 เมษายน 2568) สำนักงานลูกเสือแห่งชาติ (สลช.) ออกมาประกาศว่า ขณะนี้ยังไม่มีการยกเลิกการแต่งชุดลูกเสืออย่างเป็นทางการ โดยจำต้องรอร่างกฎกระทรวงที่ยังอยู่ในช่วงการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา
ทีมงาน The Momentum ลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศร้านเครื่องแบบย่านบางลำพูก่อนการประกาศ ‘ไม่ยกเลิกแต่งชุดลูกเสือ’ โดย สลช. ในช่วงบ่ายเมื่อวานนี้พบว่า แม้ภาคการศึกษาใหม่กำลังจะเริ่มต้นในอีกราว 2 สัปดาห์ ทว่าบรรยากาศกลับเงียบเหงาไปอย่างถนัดตา หลังกระทรวงศึกษาธิการส่อแววยกเลิกเครื่องแบบลูกเสือ-เนตรนารี เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง และปรับตัวให้เข้ากับสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนไป
ทั้งนี้ชุดลูกเสือมีราคาต่อชุดอยู่ราว 1,200-1,500 บาท ประกอบด้วยหมวก ผ้าพันคอ วอกเกิล อินทรธนู เข็มขัด ถุงเท้า พู่ เชือก และรองเท้า หากเป็นภาคเรียนพิเศษอุปกรณ์ต่างๆ ก็จะแพงขึ้นตามลำดับ ซึ่งนับเป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ถัดจากชุดนักเรียนก็ว่าได้
แม้หลายฝ่ายเห็นด้วยกับแนวทางที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้จริง แต่การประกาศในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเปิดเทอม ก็สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับร้านขายเครื่องแบบอยู่ไม่น้อย
หน่อย ผู้ประกอบการเครื่องแบบนักเรียนย่านบางลำพู วัย 78 ปี ระบุว่า ร้านค้าเข้าใจว่า รัฐต้องการช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ปกครอง แต่การประกาศในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเปิดเทอมทำให้ร้านค้าไม่สามารถปรับตัวได้ทัน ร้านเตรียมชุดลูกเสือเอาไว้หมดแล้ว หากยกเลิกกะทันหันร้านก็จะไม่สามารถจัดการกับสินค้าที่คงเหลือในสต็อกได้
“ถ้าของเราขายไม่ได้ รัฐบาลต้องมาซื้อ” หน่อยกล่าว
ในขณะเดียวกัน วิทย์ เจ้าของร้านเครื่องแบบ ระบุเช่นเดียวกันว่า ถ้ายกเลิกก็ควรต้องประกาศก่อนสัก 1 ปี ตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่ 2 สัปดาห์ ผู้ปกครองบางรายก็ซื้อไปแล้ว ถ้าจะช่วยผู้ปกครองก็ต้องช่วยผู้ประกอบการด้วย โดยต้องไม่ให้ผู้ประกอบการตุนของไว้จะได้ไม่เจ็บตัว การที่มาประกาศตอนนี้ดูตลกและเหมือนไม่เตรียมการมาก่อน
“ถ้าคุณจะยกเลิก คุณก็ต้องมีมาตรการ 1, 2, 3 เรายกเลิกเครื่องแบบ แต่ผ้าพันคอเรายังต้องใช้ วอกเกิลเรายังต้องใช้ เข็มขัดเรายังต้องใช้ แต่ที่ต้องยกเลิกเลยคือถุงเท้า เพราะว่าเราไม่ใส่แล้ว ยกเลิกถุงเท้า ยกเลิกพู่ ยกเลิกอินทรธนูอะไรอย่างนี้ ก็พูดมาเลย มีมาตรการอะไรก็ต้องชัดเจน ไม่ใช่พูดไปก่อนแล้วก็ไปหาเอาข้างหน้า มันก็ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ตรงจุด”
อย่างไรก็ตามแม้ยังไม่มีการยกเลิกอย่างเป็นทางการ แต่การขาดความชัดเจนของกระทรวงศึกษาธิการ และ สลช.ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ ก็สร้างความสับสนให้กับผู้ปกครองและร้านค้าไม่น้อย อีกทั้งยังคงเป็นข้อเท็จจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้