วันนี้ (31 ตุลาคม 2022) สำนักข่าวเอบีซีนิวส์ (ABC News) รายงานว่า เรือส่งออกธัญพืชของยูเครนจำนวน 218 ลำ ไม่สามารถออกจากน่านน้ำในทะเลดำได้ เนื่องจากรัสเซียประกาศระงับ ‘ข้อตกลงเปิดทางส่งออกธัญพืช’ ที่ลงนามเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2022 ณ มหานครอิสตันบูล ประเทศตุรเคีย
ข้อตกลงดังกล่าวเป็นความร่วมมือของรัสเซียกับยูเครน เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตอาหารโลก หลังจากสงครามส่งผลให้ราคาอาหารพุ่งสูงขึ้น โดยรัสเซียอนุญาตให้ยูเครนส่งออกธัญพืช 9 ล้านตัน ด้วยเรือ 387 ลำ ผ่านน่านน้ำของทะเลดำ ซึ่งเป็นน่านน้ำที่เป็นข้อพิพาทของทั้ง 2 ประเทศ
ข้อตกลงนี้ส่งผลโดยตรงให้ราคาอาหารทั่วโลกลดลงราว 15% จากเดิมที่ราคาทำสถิติสูงสูงสุดในเดือนมีนาคม
พลเอกอาวุโส เซียร์เกย์ ชอยกู (Sergei Shoigu) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรัสเซียชี้ว่า ท่าทีดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่ยูเครนจัดฉากโจมตีกองเรือทะเลดําเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา รวมทั้งการโจมตีสะพานเชื่อมดินแดนรัสเซีย-ไครเมียเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2022
โอเลคซานเดอร์ คูบราคอฟ (Oleksandr Kubrakov) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโครงสร้างพื้นฐานของยูเครน ระบุว่ารัสเซียปิดเส้นทางการเดินเรือในทะเลดำ ส่งผลให้เรือขนส่งธัญพืช 218 ลำไม่สามารถออกจากน่านน้ำดังกล่าวได้ หนึ่งในนั้นคือเรืออิคาเรียแองเจิล (Ikaria Angel) ที่เตรียมส่งข้าวสาลี 4 หมื่นตัน จากยูเครนไปยังเอธิโอเปีย ภายใต้มาตรการช่วยเหลือทางอาหารขององค์การสหประชาชาติ (UN)
องค์การสหประชาชาติซึ่งรับหน้าที่ประสานงานการเดินเรืออิคาเรียแองเจิล ให้ข้อมูลว่าเรือดังกล่าวเป็นหนึ่งในเรือทั้งหมด 6 ลำ ที่อยู่ภายใต้ปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือทางอาหารแก่เอธิโอเปีย เดิมที อีก 5 ลำที่เหลือต้องออกเดินทางวันนี้ ทว่ายังไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ เนื่องจากการปิดน่านน้ำของรัสเซีย
ฮูลูซี อาคาร์ (Hulusi Akar) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตุรเคีย ระบุว่าตุรเคียในฐานะตัวกลางในการเจรจาและผสานข้อตกลงดังกล่าว กำลังพยายามทำทุกวิถีทางในการแก้ไขปัญหา
โวโลดีมีร์ เซเลนสกี (Volodymyr Zelensky) ประธานาธิบดียูเครน กล่าวว่า “รัสเซียพยายามใช้ความหิวโหยของคนทั่วโลกมาเป็นเครื่องมือในการทำสงคราม”
มาริโอ บิคาร์สกี (Mario Bikarski) นักวิเคราะห์ของหน่วยข่าวกรองที่ The Economist Intelligence ชี้ไปในทางเดียวกันว่า “รัสเซียต้องการให้ยูเครนยุติการโจมตีบริเวณทะเลดำ อีกทั้งการปิดน่านน้ำไม่ให้เรือขนส่งธัญพืชปฏิบัติการได้นั้นอาจทำให้ยูเครนและพันธมิตรตะวันตกเลิกสนใจการทำสงคราม และหาวิธีแก้ปัญหาวิกฤตอาหารแทน”
โจ ไบเดน (Joe Biden) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ระบุในไม่กี่ชั่วโมงหลังรัสเซียประการระงับข้อตกลงดังกล่าวว่า “การกระทำของรัสเซียเป็นการกระทำที่อุกอาจมาก และไม่มีใครได้ผลประโยชน์ใดๆ ตัวแทนจากองค์การสหประชาชาติได้เจรจาทำข้อตกลงการส่งออกธัญพืชกับรัสเซียไปแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้ควรจบสิ้นไปได้ตั้งนานแล้ว”
สภาเมืองมารีอูโปล ซึ่งเป็นที่ตั้งของท่าเรือสำคัญในยูเครนที่ควบคุมโดยรัสเซียระบุผ่านเทเลแกรมว่า หน่วยรบพิเศษของยูเครนใช้โดรนติดระเบิดโจมตีกองเรือทะเลดํา ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ใกล้กับแคว้นเซวาสโตโพล แคว้นที่รัสเซียยึดไปพร้อมกับการผนวกคาบสมุทรไครเมียในปี 2014
“การโจมตีของยูเครนครั้งนั้นทำให้เรือของรัสเซียอย่างน้อย 3 ลำระเบิด และทหารรัสเซียบาดเจ็บราว 6 ราย”
แม้รัฐมนตรีกระทรวงโครงสร้างพื้นฐานของยูเครนจะชี้ว่าเรือทั้ง 3 ลำระเบิดเนื่องจากความประมาทในการควบคุมยานพาหนะดังกล่าวของรัสเซียก็ตาม
องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization of the United Nations: FAO) ระบุว่า ยูเครนมีบทบาทสำคัญต่อความเป็นไปของปริมาณอาหารโลก โดยในปี 2019 ยูเครนส่งออกน้ำมันดอกทานตะวัน 42% ข้าวโพด 16% ข้าวบาร์เลย์ 10% และข้าวสาลี 9%
ในปี 2022 ยูเครนส่งออกข้าวสาลีไปหลายประเทศ ได้แก่ มอลโดวา 92% เลบานอน 81% กาตาร์ 64% ตูนิเซีย 49% ลิเบีย 48% ปากีสถาน 48% อินโดนีเซีย 29% มาเลเซีย 26% อียิปต์ 26% และบังกลาเทศ 25%
Tags: ทะเลดำ, กองเรือทะเลดํา, รัสเซีย, ยูเครน