วันนี้ (31 มีนาคม 2565) ที่ศาลจังหวัดตลิ่งชัน รังสิมันต์ โรม ส.ส. พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ภายหลังตำรวจนำตัวไปพบอัยการว่า อัยการเพิ่งได้อ่านสำนวนตามหมายจับในวันนี้ และพบว่าสำนวนไม่สมบูรณ์ รวมถึงพฤติการณ์ กับข้อกล่าวหา ก็ไม่สมบูรณ์ อัยการจึงตัดสินใจว่ารับไปก่อน หลังจากนั้น ค่อยนำไปสอบสวนเพิ่มเติม ตามข้อหา ตามพฤติการณ์ที่จะมีการแจ้งขึ้นใหม่ ในวันที่ 31 มีนาคม นี้

สำหรับสำนวนที่ไม่สมบูรณ์นั้น มีทั้งสาเหตุการเปลี่ยนพนักงานสอบสวน เอกสารเองก็ไม่มีความพร้อม โดยหลังจากนี้ จะมีการนัดเจออัยการอีกทีในวันที่ 21 เมษายนนี้

ขณะที่ในส่วนของพรรคก้าวไกล รังสิมันต์ระบุว่า ที่ผ่านมา มีกระบวนการทางกฎหมายหลายเรื่องที่แปลกเกิดขึ้นกับประชาชน โดยในวันนี้ ก็ประสบกับตัวเหมือนกัน ซึ่งเห็นว่าต้องดำเนินการให้ถึงที่สุดกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าในส่วนของตำรวจหรือศาล ทั้งนี้ ยังคงแปลกใจว่าทำไมศาลถึงได้อนุมัติหมายจับ เพราะไม่เห็นเงื่อนไขใดที่ศาลจะอนุมัติได้ โดยคดีที่ศาลอนุมัติหมายจับ ต้องเป็นคดีที่อัตราโทษสูง หรือผู้ต้องหาไม่ไปรับฟังตามหมายเรียก แต่ที่ผ่านมา ได้ทำตามกระบวนการ และขั้นตอนมาโดยตลอด

“ผมอยากสื่อสารถึงเจ้าหน้าที่รัฐทุกคน ที่อยากเห็นบ้านเมืองเราดีกว่านี้ เรารู้ว่าท่านถูกกดดัน เรามองตาก็รู้ว่าท่านเป็นชั้นผู้น้อย หลายคนก็อยากเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ด้านหนึ่งก็เพื่อความมั่นคงของครอบครัวในสังคมที่ยากลำบาก แต่ถ้าเราปล่อยให้เป็นไปแบบนี้เรื่อยๆ สุดท้าย ประชาชนจะเสียความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด และทำให้กระบวนการยุติธรรมทั้งหมด ตั้งแต่ตำรวจไปถึงศาล ถึงเรือนจำ ทุกอย่างจะพังทลาย แล้วถึงวันนั้น จะไม่เหลือคุณค่าอะไรให้ยึดถืออีกต่อไป

“ในฐานะตำรวจชั้นผู้น้อย ข้าราชการชั้นผู้น้อย เรายังมีโอกาสในการปกป้องกระบวนการยุติธรรม มีโอกาสในการปกป้องที่ทำงานที่ท่านเคารพรัก อย่าปล่อยให้ผู้มีอำนาจมาสั่งท่าน ในการสั่งให้ทำสิ่งที่ผิดให้กลายเป็นถูก มาสั่งท่านให้ทำสิ่งที่เป็นความอยุติธรรม ให้กลายเป็นเรื่องทั่วไป ให้กลายเป็นเรื่องปกติ ผู้มีอำนาจไม่สนหรอกว่ากระบวนการยุติธธรรมเป็นอย่างไร แต่เราที่อยู่ตรงนี้ อยู่ในกระบวนการนี้ ยังมีโอกาสที่จะปกป้องได้ ใช้โอกาสนี้ในการเรียกความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชนในเรื่องกระบวนการยุติธรรม ใช้โอกาสนี้ในการทำสิ่งที่ถูกต้อง เรายังสามารถแก้ไข เยียวยามันได้”

รังสิมันต์ยังให้สัมภาษณ์ด้วยว่า ทุกครั้งที่อภิปรายพาดพิง พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี สถานีตำรวจนครบาลบางขุนนนท์จะโทรมาเสมอ และเมื่ออภิปรายในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคดีค้ามนุษย์ สถานีตำรวจนครบาลบางขุนนนท์ก็โทรมาอีกรอบ ครั้งนี้ พยายามส่งตัวมาที่อัยการ ทั้งที่สำนวนสั่งฟ้องไม่สมบูรณ์

“ตั้งแต่เริ่มต้น จนถึงตอนนี้ ไม่มีอะไรที่เรียกว่าความยุติธรรมได้เลย ไม่มีอะไรปกติเลย เหมือนเราอยู่ตรงนี้ เพื่อรอคอยว่าความอยุติธรรมจะเกิดขึ้นอีกทีเมื่อไรเท่านั้น”

ขณะที่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ควรตั้งคำถามไปยังพี่น้องประชาชน และสื่อมวลชน ถึงปกติวิสัยของระบบ และกระบวนการยุติธรรม โดยช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา มีความสับสนอย่างมากถึงการออกหมายเรียก และออกหมายจับ โดยไม่มีประเทศใดที่ออกหมายจับกันในลักษณะนี้ ขณะเดียวกัน ในสำนวนฟ้องที่ยื่นไปยังศาล ก็ระบุว่ารังสิมันต์มีพฤติกรรมหลบหนี ทั้งที่รังสิมันต์ก็ยังปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. อยู่ทุกวัน

พิธา กล่าวอีกว่า สำหรับคดีหมิ่นประมาทของรังสิมันต์นั้น ยืนยันว่าไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี รอบแรก อยู่ระหว่างสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร และรอบที่สอง ก็เพียงแค่ขอเลื่อนนัด เพราะติดภารกิจ ฉะนั้น ยังไม่เห็นว่ารังสิมันต์มีพฤติการณ์หลบหนีอย่างไร มีโทษร้ายแรงอย่างไร จนทำให้ศาลต้องพิจารณาออกหมายจับ ไม่ใช่เพียงแค่ออกหมายเรียก

“อยากบอกว่าจับหนูตัวเดียวอย่าเผาทั้งนา วันนี้ เขาต้องการให้ฝ่ายนิติบัญญัติกลัว ปิดปากนิติบัญญัติ ไม่ให้กลไกประชาธิปไตยทำงาน ทั้งที่กลไกประชาธิปไตย ต้องมีอำนาจบริหาร ตุลาการ นิติบัญญัติ ในการตรวจสอบรัฐบาล ทั้งหมดเป็นสิ่งที่จำเป็น อย่าให้คนอย่างผม หรืออย่าง ส.ส.โรม พูดในสิ่งที่เขาอนุญาตให้พูดเท่านั้น แต่ต้องให้พูดในความเป็นจริงที่มีปัญหา ที่กระทบความเดือดร้อนประชาชน อย่าเอาระบบทั้งระบบมาทำลายคู่แข่งทางการเมือง”

Tags: ,