วันนี้ (25 กรกฎาคม 2565) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ออกแถลงการณ์กรณีรัฐบาลทหารพม่าประหารชีวิตผู้นำพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) และนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย เช่น เพียง เซยา ตอ (Phyo Zeya Thaw) และจ่อ มิน ยู (Kyaw Min Yu) และประกาศขอร่วมกับประชาคมโลกในการประณามการกระทำนี้อย่างรุนแรงที่สุด

เนื้อหาในแถลงการณ์ระบุว่า สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีอย่างเปิดเผยและเป็นธรรมโดยตุลาการที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายอันชอบธรรม เป็นอิสระ และเป็นกลาง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในหลักการอันล่วงละเมิดมิได้ที่บัญญัติไว้ในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง หรือ ICCPR โดยการทำลายสิทธิดังกล่าวถือเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามจิตสำนึกร่วมที่ดีของประชาคมโลก

“เผด็จการทหารเมียนมาล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าในการปฏิบัติตามฉันทมติ 5 ข้อของอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การยุติความรุนแรงต่อพลเรือนโดยทันที ดังนั้น ผมขอสนับสนุนให้อาเซียนทำงานร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อฟื้นฟูประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ให้กับเมียนมา

“พรรคก้าวไกลขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยส่งสัญญาณที่เข้มแข็งและชัดเจนต่อเผด็จการทหารเมียนมาว่า การเข่นฆ่าผู้คนอย่างไร้เหตุผลเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และเรียกร้องให้คืนอำนาจกลับคืนสู่ประชาชนโดยเร็วผ่านการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม เนื่องจากเมียนมาที่เป็นประชาธิปไตยและมั่งคั่ง เป็นประโยชน์ไม่เพียงต่อประเทศไทย แต่ต่อประชาคมโลกในภาพรวมด้วย”

ทั้งนี้ พิธาได้เรียกร้องไปยังสหประชาชาติ ทั้งต่อผู้แทนพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติในประเด็นเมียนมา และคณะกรรมการกลไกสอบสวนอิสระเรื่องเมียนมา (IIMM) เพื่อขอให้รวบรวมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างอุกอาจ โดยเฉพาะเกี่ยวกับความผิดฐานฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ เพื่อให้ผู้ที่รับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว

“พรรคก้าวไกลขอยืนเคียงข้างพี่น้องประชาชนชาวเมียนมาอีกครั้งในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ พวกเราได้ทำทุกอย่างภายใต้อำนาจของเราเพื่อกดดันให้ทางการไทยช่วยคลี่คลายความลำบากยากเข็ญของชาวเมียนมา รวมถึงฟื้นฟูการปกครองแบบประชาธิปไตยในเมียนมาโดยเร็วที่สุด”

สำหรับท่าทีของพิธาเกิดขึ้นภายหลังเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา สื่อของรัฐในเมียนมารายงานว่า รัฐบาลทหารเมียนมาได้ประหารชีวิตนักโทษ 4 คน รวมถึงอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติจากพรรคของอองซานซูจี เป็นการยืนยันการใช้โทษประหารชีวิตครั้งแรกของประเทศในรอบหลายทศวรรษ ขณะที่โกลบอล นิว ไลต์ ออฟ เมียนมาร์ (Global New Light of Myanmar) หนังสือพิมพ์รายวันภาษาอังกฤษที่เก่าแก่ที่สุดของเมียนมา ระบุว่า ทั้ง 4 ถูกประหารชีวิตในข้อหา ‘ก่อการร้ายที่โหดร้ายและไร้มนุษยธรรม’ โดยการประหารชีวิตดำเนินการ ‘ภายใต้ขั้นตอนของเรือนจำ’ แต่ไม่ได้ระบุว่าถูกประหารชีวิตเมื่อใดหรืออย่างไร

ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวเพิ่งออกมาภายหลังจากการคาดการณ์ว่า รัฐบาลทหารพม่ากำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตการเงินการคลังครั้งใหญ่ เพราะอัตราแลกเปลี่ยนได้อ่อนค่าลงถึง 2,030 จัตต่อดอลลาร์สหรัฐฯ จนทำให้รัฐบาลทหารต้องออกคำสั่งให้ธนาคารพาณิชย์ทั้งหมดที่ทำธุรกิจในประเทศ เปลี่ยนบัญชีเงินสกุลต่างประเทศเป็นเงินจัตทั้งหมด และให้ทุกคนที่ถือเงินตราต่างประเทศ ต้องแลกเปลี่ยนเป็นเงินจัตภายใน 1 วัน ส่วนการโอนเงินตราออกนอกประเทศ จำเป็นต้องได้รับการอนุญาตจากทางการเท่านั้น รวมถึงยังห้ามนำเข้าสินค้าอีกหลายอย่าง เพื่อพยุงสถานการณ์ค่าเงินในประเทศ

Tags: , , , ,