สำนักข่าว KCNA ของทางการเกาหลืเหนือ รายงานว่า สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือทำการทดสอบขีปนาวุธร่อน (Cruise missile) พิสัยไกลชนิดใหม่ ซึ่งมีศักยภาพลอยได้ไกลถึง 1,500 กิโลเมตร ซึ่งหมายถึงสามารถโจมตีประเทศญี่ปุ่นได้ แสดงให้เห็นว่า เกาหลีเหนือยังสามารถพัฒนาอาวุธได้ แม้จะขาดแคลนอาหารและเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ ขณะที่กองทัพสหรัฐฯ ระบุว่า การทดสอบครั้งล่าสุดก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อประชาคมระหว่างประเทศ รวมถึงประเทศญี่ปุ่น ที่ออกมากล่าวถึงความกังวลอย่างมาก

ภาพในหนังสือพิมพ์โรดอง ซินมุนของเกาหลีเหนือ เผยให้เห็นขีปนาวุธที่ถูกยิงจากรถยิงขีปนาวุธ ขณะที่อีกภาพหนึ่งเป็นรูปขีปนาวุธที่เคลื่อนตัวในแนวราบ โดยหน่วยงาน KCNA ระบุว่า ขีปนาวุธดังกล่าวเป็น ‘อาวุธยุทธศาสตร์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง’ ทางด้าน อันคิท แพนด้า (Ankit Panda) นักวิเคราะห์ของเกาหลีเหนือ ระบุว่า ขีปนาวุธดังกล่าวนั้น เป็นขีปนาวุธร่อนพิสัยไกลตัวแรกของประเทศ ที่สามารถบรรทุกหัวรบนิวเคลียร์ได้

มาตรการคว่ำบาตรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ห้ามไม่ให้เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธนำวิถี แต่ไม่ใช่กับขีปนาวุธร่อนเช่นนี้ โดยสภาพิจารณาว่า ขีปนาวุธนำวิถีนั้น มีความอันตรายมากกว่าขีปนาวุธร่อน เพราะสามารถบรรทุกสิ่งของที่ใหญ่และทรงพลังกว่า มีพิสัยไกลกว่ามาก และสามารถบินได้เร็วกว่า โดยขีปนาวุธนำวิถีขับเคลื่อนด้วยจรวดและเคลื่อนที่ตามวิถีโค้ง ขณะที่ขีปนาวุธร่อนขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ไอพ่นและบินในระดับความสูงที่ต่ำกว่า

โจเซฟ เดมป์ซีย์ (Joseph Dempsey) นักวิจัยด้านการป้องกันของสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการศึกษายุทธศาสตร์ กล่าวว่า การพัฒนาขีปนาวุธร่อนพิสัยไกลเป็นเรื่องที่น่ากังวล และอาจสร้างความท้าทายเพิ่มเติมให้กับเกาหลีใต้ในการการป้องกันขีปนาวุธ “ขีปนาวุธร่อนไม่จำเป็นต้องโคจรเป็นวิถีตรง แผนการบินของมันอาจถูกตั้งโปรแกรมให้หลีกเลี่ยงการป้องกัน หรือใช้ภูมิประเทศเพื่อลดการตรวจจับได้ แต่เรายังไม่ทราบแน่ชัดว่าขีปนาวุธรุ่นของเกาหลีเหนือนำทางอย่างไร”

นักวิเคราะห์ระบุว่า หลายคนอาจละเลยการทดสอบขีปนาวุธดังกล่าวเพราะเป็นขีปนาวุธร่อน ซึ่งไม่ได้อยู่ภายใต้การคว่ำบาตรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ขณะที่บางคนอาจมองว่า การทดสอบที่เกิดขึ้นเป็นแผนการยั่วยุจากเกาหลีเหนือ หรืออาจเป็นการทดสอบบนน่านน้ำเพื่อดูว่ามีปฏิกิริยาอย่างไร ทำให้การทดสอบดังกล่าว ไม่ได้กลายเป็นข่าวพาดหัวในเกาหลีใต้ และในหนังสือพิมพ์ของรัฐเกาหลีเหนือ

การทดสอบขีปนาวุธร่อนพิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่า เกาหลีเหนือสามารถพัฒนาอาวุธใหม่ที่มีความอันตรายได้ แม้ว่าจะถูกคว่ำบาตรจากนานาชาติอย่างเข้มงวดก็ตาม โดยขีปนาวุธร่อนเหล่านี้จะมีการบินในระดับต่ำ และตรวจจับได้ยาก อีกทั้งระยะการยิงไกล 1,500 กิโลเมตร หมายถึง ประเทศญี่ปุ่นส่วนใหญ่ที่จะอยู่ในพิสัยของขีปนาวุธดังกล่าว

ทางด้าน คัตสึโนบุ คาโตะ (Katsunobu Kato) เลขาธิการคณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่น กล่าวว่า ญี่ปุ่นมีความกังวลอย่างมาก และกำลังทำงานร่วมกับสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ส่วนกองทัพสหรัฐฯ ระบุว่า การทดสอบแสดงให้เห็นว่าเกาหลีเหนือยังคงมุ่งมั่นพัฒนาโครงการด้านการทหารอย่างต่อเนื่อง และเสริมว่า ความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ในการปกป้องพันธมิตรอย่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่นยังคงแข็งแกร่งเช่นเดิม โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากทั้งสามประเทศมีกำหนดจะประชุมในสัปดาห์นี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับกระบวนการปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ

ส่วนสำนักข่าวยอนฮับของเกาหลีใต้ รายงานว่า กองทัพของเกาหลีใต้กำลังทำการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับการปล่อยจรวดดังกล่าวกับหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ โดยสหรัฐฯ เรียกร้องให้เกาหลีเหนือเลิกใช้อาวุธนิวเคลียร์ ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือกับฝ่ายบริหารของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ก็ยังคงเต็มไปด้วยความตึงเครียด

การทดสอบขีปนาวุธครั้งล่าสุดมีขึ้นเพียงไม่กี่วัน หลังเกาหลีเหนือจัดสวนสนามในกรุงเปียงยาง เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 73 ปี การก่อตั้งประเทศ โดยในงาน ไม่ได้มีการแสดงขีปนาวุธนำวิถีที่สำคัญใดๆ อย่างไรก็ตาม ในการเดินพาเหรด มีขบวนกลุ่มทหารและคนงานที่สวมชุดป้องกันและหน้ากากกันแก๊สพิษ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่า เกาหลีเหนือมีการจัดตั้งกองกำลังพิเศษขึ้น เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโควิด-19

อ้างอิง

https://www.bbc.com/news/world-asia-58540915

https://www.bbc.com/news/world-asia-58497157

Tags: , , ,