เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2017 เกาหลีเหนือออกมาอ้างว่า เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธ (Ballistic Missile) ประสบความสำเร็จ การทดสอบมีขึ้นในเมืองคูซอง (Kusong) ทางตะวันตกของเกาหลีเหนือ กระทรวงกลาโหมของเกาหลีเหนืออ้างว่า ขีปนาวุธยิงไปได้ไกลในระยะประมาณ 500 กิโลเมตร ไปทางประเทศญี่ปุ่น และตกลงในทางตะวันออกของคาบสมุทรเกาหลี

สำนักข่าว KCNA ของเกาหลีเหนือเปิดเผยว่า คิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือคือผู้ควบคุมการทดสอบครั้งนี้ โดยขีปนาวุธนี้มีชื่อว่า Pukguksong-2 อาวุธชนิดใหม่ที่สามารถบรรจุหัวรบนิวเคลียร์ได้

แสนยานุภาพของขีปนาวุธเกาหลีเหนือ

สำนักข่าว KCNA ของเกาหลีเหนือเปิดเผยว่า ขีปนาวุธครั้งล่าสุดนั้นถูกพัฒนาให้ใช้เวลาในการยิงน้อยกว่าเรือดำน้ำขีปนาวุธ ที่เกาหลีเหนือเคยทดสอบสำเร็จเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ด้วยการใช้หินเป็นเชื้อเพลิงแทนการใช้ของเหลว ซึ่งนั่นหมายถึงว่า จะทำให้การเฝ้าระวังการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือนั้นยากยิ่งขึ้น เพราะเกาหลีเหนือใช้เวลาเตรียมการน้อยลงในการยิงขีปนาวุธ

ครั้งนี้เกาหลีเหนือใช้ชื่อขีปนาวุธว่า Pukguksong-2 ขณะที่ครั้งที่แล้วเมื่อเดือนสิงหาคม 2016 ที่เกาเหลีเหนือทดลองยิงขีปนาวุธด้วยเรือดำน้ำนั้นมีชื่อว่า Pukguksong-1 ที่มีความหมายว่า North Star หรือดาวเหนือ

นอกจากนี้ก่อนหน้านี้เกาหลีเหนือยังอ้างว่า ได้พัฒนาขีปนาวุธข้ามทวีป ที่สามารถยิงไปได้ไกลถึงสหรัฐอเมริกา แต่ขณะนี้ยังไม่เคยนำมาทดสอบ ขีปนาวุธในระยะไกลที่สุดที่เกาหลีเหนือเคยทดสอบคือ ยิงไปได้ไกลถึงเกาะกวมของสหรัฐฯ แต่ส่วนใหญ่การทดสอบจะล้มเหลว อย่างล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคม ขีปนาวุธระเบิดทันทีที่ถูกยิง

ที่ผ่านมาเกาหลีเหนืออ้างว่าทดลองอาวุธนิวเคลียร์ประสบความสำเร็จมาถึง 5 ครั้ง โดยครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว บริเวณใกล้เคียงกับที่ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนขนาด 5.3 แมกนิจูด ซึ่งสร้างความกังวลอย่างมากให้กับเกาหลีใต้ โดยทหารของเกาหลีใต้ประเมินว่า น่าจะมีแรงระเบิดประมาณ 10 กิโลตัน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางคนคาดการณ์ว่า น่าจะมีแรงระเบิดประมาณ 20 กิโลตัน ซึ่งนับเป็นการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ที่มีแสนยานุภาพมากที่สุดของเกาหลีเหนือ โดยแรงของอาวุธนิวเคลียร์ที่สหรัฐฯ เคยยิงมาที่เกาะฮิโรชิมาของญี่ปุ่นนั้น มีแรงระเบิด 15 กิโลตัน

เกาหลีเหนือมักใช้วันสำคัญของชาติในการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อแสดงแสนยานุภาพทางทหารของประเทศ

เกาหลีเหนือท้าทายโดนัลด์ ทรัมป์

กระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้มองว่า เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธเพื่อท้าทายประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ หลังจากเขาประกาศว่า สหรัฐฯ คือพันธมิตรของญี่ปุ่น 100% ระหว่างที่นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ เดินทางไปเยือนสหรัฐฯ ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านม

“เกาหลีเหนือต้องการยิงขีปนาวุธเพื่อเรียกร้องความสนใจจากทั่วโลก ด้วยการแสดงแสนยานุภาพนิวเคลียร์ หรือความสามารถในการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ”

ด้านสำนักข่าว KCNA ของเกาหลีเหนือเปิดเผยว่า คิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือได้แสดงความพึงพอใจอย่างมากต่อการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ที่จะสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับเกาหลีเหนือ โดยยังเผยแพร่ภาพถ่ายของคิมจองอึนยืนยิ้มในศูนย์บัญชาการ ท่ามกลางทหารและนักวิทยาศาสตร์ ระหว่างที่ขีปนาวุธถูกยิงขึ้นท้องฟ้า

ด้านหน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐฯ ได้พัฒนาขีปนาวุธนำวิถี (Guided Missile Destroyer) ที่สามารถติดตามขีปนาวุธได้ถึง 100 อาวุธ ได้ในเวลาพร้อมกัน เพื่อป้องกันการยิงจรวดของศัตรู โดยเรือในบริเวณใกล้เคียงจะสามารถยิงจรวดตอบโต้ขีปนาวุธได้ หรือส่งข้อมูลให้เรือที่อยู่ตามเส้นทางของขีปนาวุธตอบโต้ได้ทันท่วงที โดยสหรัฐฯ ทำงานร่วมมือกับเกาหลีใต้และญี่ปุ่น

สหประชาชาติเรียกสมาชิกประชุมด่วนหลังเกาหลีเหนือทดลองขีปนาวุธ

สมัชชาความมั่นคงของสหประชาชาติประณามการทดลองขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ และเตือนให้สมาชิกทั้ง 15 ประเทศใช้ความพยายามมากกว่าเดิม ในการออกมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ โดยเมื่อวานนี้ (13 กุมภาพันธ์ 2017) ทั้ง 15 ประเทศเรียกประชุมด่วน หลังจากสหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น เรียกร้องให้สหประชาชาติจัดการกับเรื่องนี้ ในที่ประชุมนั้นฝ่ายความมั่นคงของทั้งสหรัฐฯ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ประกาศจะร่วมมือกันด้านหน่วยข่าวกรอง

เกาหลีเหนือถูกสหประชาชาติห้ามไม่ให้พัฒนาเทคโนโลยีใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับขีปนาวุธ แต่มาตรการคว่ำบาตรของสหประชาชาติทั้ง 6 ครั้ง ตั้งแต่เกาหลีเหนือทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ครั้งแรกในปี 2006 นั้น สะท้อนว่ามาตรการคว่ำบาตรที่รุนแรงไม่สามารถกดดันให้เกาหลีเหนือหยุดทดลองอาวุธร้ายแรงได้ โดยครั้งล่าสุดมาตรการคว่ำบาตรของสหประชาชาตินั้นคือ การคว่ำบาตรสินค้าส่งออกของเกาหลีเหนืออย่างถ่านหินและเหล็ก ที่มีมูลค่าถึง 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ในกรณีการทดลองอาวุธร้ายแรงของเกาหลีเหนือนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ว่าทั้งอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไปจนถึงจีน และรัสเซีย เห็นตรงกันต่อมาตรการคว่ำบาตรต่อเกาหลีเหนือที่ต้องรุนแรงมากขึ้น โดยที่ผ่านมาจีนคืออีกประเทศที่เห็นด้วยกับการใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อเกาหลีเหนืออย่างรุนแรง อย่างเช่น การหยุดส่งน้ำมันไปยังเกาหลีเหนือ ซึ่งจะเป็นการหยุดชะงักเศรษฐกิจเกาหลีเหนืออย่างรุนแรง และจะส่งผลให้ชาวเกาหลีเหนือได้รับผลกระทบโดยตรง แต่จีนจะต่างจากสหรัฐฯ คือ จีนไม่ได้มีเป้าหมายต้องการเปลี่ยนการปกครองของเกาหลีเหนือ

ขณะที่มาตรการคว่ำบาตรของสหประชาชาติที่ผ่านมาไม่สามารถหยุดยั้งเกาหลีเหนือได้ และเกาหลีเหนือเองก็พัฒนาความสามารถด้านอาวุธมากขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างที่ไม่มีใครทราบได้ว่า…

เมื่อไรเกาหลีเหนือจะตัดสินใจใช้อาวุธร้ายแรงเหล่านี้

ติดตามเรื่องราวของคิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เพิ่มเติมได้ที่ ‘คิมจองอึน’ อายุครบ 33 ปี กับความจริงเรื่องอาวุธนิวเคลียร์ ที่โลกควรหยุดหัวเราะ?

Photo: KCNA KCNA ​
อ้างอิง:

Tags: , , ,