วันนี้ (7 สิงหาคม 2568) ทิวา การกระสัง ทนายความของ เนวิน ชิดชอบ แถลงกรณีข้อพิพาท ‘เขากระโดง’ จังหวัดบุรีรัมย์ โดยระบุตอนหนึ่งว่า ที่ดินบริเวณเขากระโดง การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มีการกล่าวอ้างว่า เป็นเจ้าของที่ดินดังกล่าวในปี 2539 แต่ข้อเท็จจริงคือ ที่ดินดังกล่าวมีการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ให้กับประชาชนไว้ตั้งแต่ปี 2510 เรียบร้อยแล้ว
ทิวากล่าวว่า บริเวณที่ดินที่ตนครอบครองอยู่ไม่เคยมีป้ายหรือหลักหมุดที่แสดงว่า เป็นที่ดินของ รฟท.ประกอบกับการนำคำพิพากษาศาลฎีกามาผูกพันที่ดินรวม 5,000 กว่าไร่ ‘ไม่สามารถกระทำได้’ และการพูดทำนองว่า ประชาชนที่อยู่บริเวณดังกล่าวบุกรุกยึดที่ของรัฐเป็นที่ช้ำใจและเจ็บใจตนเป็นอย่างมาก
ทนายความของเนวินยังระบุด้วยว่า ในปี 2510 มีการออกหนังสือ น.ส.3 ซึ่งก่อนหน้าการออกหนังสือดังกล่าวจะต้องมีการแจ้งแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) ตั้งแต่ปี 2497 อีกทั้งรัฐธรรมนูญยังระบุว่า คำพิพากษาของศาลฎีกา ‘ไม่ผูกพัน’ องค์กรอื่น ดังนั้นคำพิพากษาของศาลฎีกาจึงไม่ผูกพันกับ รฟท.และกรมที่ดิน
ทิวากล่าวต่อว่า การออกมาพูดทำนองว่า ศาลฎีกาตัดสินเป็นที่สิ้นสุดแล้ว ประชาชนและเอกชนจะต้องคืนที่ดินให้กับ รฟท.และถือว่า คนในพื้นที่ 5,000 ไร่บุกรุกที่ของรัฐ เป็นเรื่องที่ตนไม่สามารถยอมรับได้
“เราอยู่ตรงนี้อย่างสุจริต ที่ดินที่มึงอยากจะยึดนัก ผมขอบอกไว้เลยว่า พวกมึงเตรียมเงินไว้หรือยัง เพราะรัฐธรรมนูญเขาบอกว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประชาชนจากโครงการของรัฐ รัฐต้องจ่ายค่าเสียหาย และการรถไฟฯ มีการพูดอีกนะว่า ประชาชนจะต้องมาคุยกับการรถไฟฯ หากไม่พูดคุยจะนำที่ดินมาทำประโยชน์เชิงพาณิชย์ คุณเอาหัวอะไรมาคิด คุณมีจิตใจความเป็นคนไทยหรือเปล่า
“ทีกับเขมรนี่กลายเป็นมะเขือเผา เจรจาที่มาเลเซียพูด 3 นาที ให้เขาพูด 30 นาที แต่กับคนไทยเรื่องเขากระโดง ทำเหมือนตัวเองเป็นหมาป่า คิดว่าคนบุรีรัมย์เป็นเหยื่อจะขย้ำ กูจะเอาตอนนี้ กูจะเพิกถอนวันที่ 2 ให้มันนอนไม่หลับ
“มึงลองเพิกถอนดูสิ 995 แปลง ผมจะเป็นทนายแล้วฟ้องให้มันเข้าคุก 5,000 กว่าปีเลย มึงตายไป วิญญาณมึงก็ยังอยู่ในคุก บอกไว้เลย ผมเจ็บใจที่มาบอกว่า ผมบุกรุกยึดที่หลวง เป็นไปได้อย่างไร จะใช้คำพูดอะไรควรใช้สมองตัวเอง” ทิวากล่าว
ทนายความของเนวินยังกล่าวต่อว่า ตนไม่กลัวว่าใครจะมาฟ้องตน แต่ขอบอกไว้ก่อนกว่า ประชาชนกว่า 4,000 คน พวกเขาอยู่มาตั้งแต่ก่อนปี 2510 อีกทั้งการนำคำพิพากษาศาลฎีกาไม่สามารถทำได้ เพราะเป็นการพิพากษาตามพยานหลักฐาน คำพิพากษาศาลฎีกาสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ใช่บรรทัดฐานว่า คำพิพากษาในคดีหนึ่งจะสามารถใช้กับอีกคดีได้
“คุณเอาคำพิพากษาศาลฎีกาแค่คดีเดียวมาผูกพันกับ 900 กว่าแปลง ทำได้อย่างไร นี่คุณทำกับคนไทยด้วยกันนะ สิ่งที่คุณจะต้องทำคือเตรียมพยานหลักฐานไปฟ้องฮุน เซน (Hun Sen) ว่าเป็นอาญชากรสงคราม” ทิวาทิ้งท้าย
Tags: กรมที่ดิน, เขากระโดง, การรถไฟแห่งประเทศไทย, เพื่อไทย, รฟท., บุรีรัมย์, ภูมิใจไทย