วันนี้ (25 มีนาคม 2568) เวลา 21.30 น. ที่อาคารรัฐสภา ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวสรุปการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตอนหนึ่งว่า ขอให้นายกฯ ตั้งคำถามกับตัวเองว่า เหตุผลในการมาดำรงตำแหน่งนายกฯ คืออะไร หลังจากในช่วงบ่าย นายกฯ เล่าประวัติส่วนตัวตั้งแต่การรัฐประหารปี 2549
“ผมเข้าใจความรู้สึกท่านดี แต่ท่านพยายามมาเล่าว่า ตัวท่านเองเป็นผู้ถูกกระทำ ทุกคนในประเทศนี้เป็นผู้ถูกกระทำจากความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมา ไม่ใช่ตัวท่านนายกฯ คนเดียวในฐานะบุตรสาวของ คุณทักษิณ ชินวัตร แล้วถ้าท่านจะใช้ความเป็นบุตรสาว ตั้งคำถามถึงบุตรสาวของคนเสื้อแดงที่ร่วมต่อสู้กับคุณทักษิณ ชินวัตร ดูสิครับ ถามเขาว่าจุดยืนทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยในวันนี้ ครอบครัวของคนเสื้อแดงที่สูญเสียไป ลูกสาวของเขารู้สึกอย่างไร ผมคิดว่าหลายคนรู้สึกโกรธ รู้สึกเศร้า กับการเมืองที่เป็นอยู่วันนี้
“ถ้าเราจะเอาเรื่อง 20 ปีที่แล้วมาเล่าย้อน ไม่เดินไปข้างหน้า เราต้องศึกษาประวัติศาสตร์ รู้ที่มาที่ไป ก็จะวกวน วนเวียน ซ้ำซากอยู่อย่างนี้ สำหรับผมเอง ความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมา 20 ปี หากผมจะสรุปแค่ 2 ประโยคว่า เกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย 20 ปีที่แล้ว ประเทศไทยสูญเสียไปทุกอย่าง เพื่อเอาคุณทักษิณ ชินวัตร ออกนอกประเทศ จะเกิดขึ้นจากใคร ทุกท่านคิดเอง แต่เรายอมแลกทุกอย่าง 20 ปีถัดมาประเทศไทยกำลังจะสูญเสียทุกอย่างไปอีกครั้ง เพื่อเอาทักษิณ ชินวัตร กลับมาในประเทศนี้ นี่คือสิ่งที่ผมพยายามสื่อสารว่า ดีลแลกประเทศคืออะไร”
ณัฐพงษ์ระบุอีกว่า ตอนนี้กลายเป็นครอบครัวของนายกฯ แพทองธาร และคณะรัฐมนตรีหลายคนที่นั่งอยู่เบื้องหน้า ที่นั่งอยู่ในซีกรัฐบาล กลับไปร่วมขบวนการกับ ‘พวกเขา’ ซึ่งสุดท้ายก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้ นี่คือการอภิปรายบนพื้นฐานข้อเท็จจริง
“ท่านบอกผมเป็นผู้ประดิษฐ์วาทกรรม ใส่ร้ายป้ายสี ไม่ใช่การเมืองสร้างสรรค์ ถ้าเป็นญัตติทั่วไปคงไม่ลุกขึ้นมากล่าวหา แต่ครั้งนี้เป็นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ กล่าวหาก็ชี้แจง ท่านบอกท่านกำลังทำหน้าที่ เรียนรู้ วุฒิภาวะ ท่านกลับโยนข้อกล่าวหามาให้พวกผม มันถูกต้องเหรอครับ”
ทั้งนี้ณัฐพงษ์สรุปข้อกล่าวหาตั้งแต่การที่นายกฯ จงใจหลีกเลี่ยงภาษี มีโรงแรมตั้งอยู่ในเขตที่ไม่สามารถออกโฉนดที่ดินได้ การขาดเจตจำนงทางการเมือง เลี่ยงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การไม่สนใจปัญหาของประชาชน ตั้งแต่เรื่องการระบาดของปลาหมอคางดำ การจัดการฝุ่น PM2.5 หรือการเอื้อกลุ่มทุนและกลุ่มผลประโยชน์ อย่างเรื่องสัญญาสัมปทานซื้อขายไฟฟ้ากับเอกชน หรือการเอื้อประโยชน์เรื่องรถไฟฟ้า 3 สนามบิน รวมถึงการอนุมัติโครงการทางด่วน Double Deck ซึ่งล้วนเป็นเรื่องที่ต้องการคำตอบว่า อยู่ใน ‘ดีลแลกประเทศ’ หรือไม่
ผู้นำฝ่ายค้านฯ ยังระบุด้วยว่า เรื่องดีลเป็นเรื่องปกติ คำถามก็คือดีลอย่างไรให้โปร่งใสและประชาชนได้ประโยชน์ ฉะนั้นสิ่งที่อภิปรายมาตลอด สิ่งที่ตั้งข้อสังเกตก็คือการทำความเข้าใจว่า เหตุและผลในการ ‘โกหกประชาชน’ คืออะไร เพื่อจะได้เข้าใจโลกแห่งความเป็นจริงมากขึ้น ทว่าที่ผ่านมากลับไม่เคยนำเหตุผลจริงๆ มาคุยกัน
“เพราะท่านพูดไม่ได้ พูดไม่ได้เพราะดีลไม่ได้กับคนส่วนใหญ่ของประเทศนี้ พูดไม่ได้เพราะดีลเกิดกับคนได้รับผลประโยชน์ไม่กี่กลุ่ม”
ขณะเดียวกันณัฐพงษ์ยังสรุปด้วยว่า คำถามคือเมื่อไรที่รัฐบาลชุดนี้ที่ตั้งชื่อว่า ‘ดีลแลกประเทศ’ จะหยุดเอาใจกลุ่มทุน กลุ่มอำนาจเดิม เลิกบิดเบือนกฎหมาย เลิกเปลี่ยนดำเป็นขาว
“ผมขอกล่าวหานายกฯ ให้เกิดความเสียหาย นายกฯ จงใจทำธุรกรรมอำพรางวางแผนเพื่อหนีภาษี อิงแอบกับกลุ่มทุน เอาใจอำนาจเก่า ละเว้นการใช้อำนาจหน้าที่ของตนเองในฐานะนายกฯ ท่านไม่มีความรู้ความสามารถ ท่านไม่มีความตั้งใจในการแก้ไขปัญหา เลือกหยิบตัวเลขดีๆ มาบอกสังคม ท่านหนีความจริง ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ทำให้ผมไม่สามารถไว้วางใจนายกฯ ให้ดำรงตำแหน่งได้อีกต่อไป”
ทั้งนี้ระหว่างที่ณัฐพงษ์กล่าวสรุปมี สส.ฝ่ายรัฐบาล ‘ประท้วง’ เป็นจำนวนมาก เช่น จิราพร สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ, จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง, ศรัณย์ ทิมสุวรรณ สส.เลย พรรคเพื่อไทย, อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ และครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย โดยระบุว่า ณัฐพงษ์ตั้งคำถามใหม่ โดยที่ฝ่ายรัฐบาลไม่มีโอกาสได้ชี้แจง จน วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ณัฐพงษ์สรุปประเด็นโดยไม่ตั้งคำถามใหม่ กระทั่งณัฐพงษ์สรุปจบในเวลาประมาณ 22.30 น. โดยที่เวลาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านยังเหลืออีกราว 1 ชั่วโมง 30 นาที
Tags: อภิปรายไม่ไว้วางใจ, ประชุมสภา, แพทองธาร, แพทองธาร ชินวัตร, พรรคประชาชน, ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ, ดีลแลกประเทศ, นายกรัฐมนตรี