วันนี้ (17 มีนาคม 2565) สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา สมาชิกผู้แทนราษฎรจังหวัดนครปฐม และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (สคอ.) กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เตรียมเรียกผู้เกี่ยวข้องกับเพจแฟนคลับศิลปินที่โพสต์ภาพศิลปินถือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยระบุว่าประเด็นนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรก

การโพสต์ภาพศิลปินถือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถือเป็นเรื่องปกติในหลายประเทศ แต่ในประเทศไทย มีมาตรการควบคุมการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ที่ทำให้เกิดความอิหลักอิเหลื่อในการบังคับใช้และการใช้ดุลพินิจตามกฎหมาย จึงทำให้มีผู้ได้รับผลกระทบจากกฎหมายนี้จำนวนมาก

สุทธวรรณ กล่าวต่อไปว่า ตอนนี้มีภาคประชาชนหลายกลุ่มเห็นว่า พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 มีจุดที่ต้องแก้ไข อย่างกรณีที่เพิ่งเกิดขึ้น หากมองในเจตนาของเพจที่สนับสนุนศิลปินที่ตัวเองชื่นชอบ การโพสต์ภาพดังกล่าวไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นเพียงการรายงานความเคลื่อนไหวของศิลปินให้ผู้ติดตามเพจรับทราบเท่านั้น สอดคล้องกับความเคลื่อนไหวในเพจที่ผ่านมา

การโพสต์ถึงศิลปินที่ได้รับเลือกเป็น Brand Ambassador คนใหม่ของแบรนด์ดังระดับโลก ไม่ต่างอะไรกับแบรนด์แฟชั่นอื่นๆ ที่ศิลปินสามารถสร้างมูลค่าให้แก่แบรนด์นั้นได้ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องของชั้นเชิงการตลาด โดยสุทธวรรณระบุว่า คงจะดีกว่านี้ ถ้าศิลปินมีโอกาสได้โพสต์ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ผลิตเหล้าหรือเบียร์จากผู้ผลิตไทยดีๆ เพื่อสร้างมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น การเกษตร และการท่องเที่ยวไทยมากกว่า เหมือนกับที่ลูกชิ้นยืนกินได้รับความนิยม เช่นการเปิดประเด็นคุยกันว่าลูกชิ้นยืนกินกินกับเหล้าอะไรในบุรีรัมย์แล้วรสชาติเข้ากันดีที่สุด มุมมองแบบนี้ย่อมมีประโยชน์กว่าเรียกคนมาจ่ายค่าปรับแพงๆ

“สิ่งสำคัญที่ควรแก้ไขคือเนื้อหาใน พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มาตรา 32 ที่ห้ามโฆษณา เห็นได้ชัดว่ากฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของไทย ทำให้ผู้ผลิตรายย่อยหรือผู้ผลิตหน้าใหม่ไม่สามารถเข้าสู่ตลาดได้ หลายคนยังได้รับผลกระทบเพราะไม่มีช่องทางทำมาหากิน โดยเฉพาะช่วงโควิด-19 ร้านก็ปิด ขายออนไลน์ก็ไม่ได้ คนที่ได้จึงมีแต่ผู้ค้ารายใหญ่ เพราะดูจากค่าปรับแล้วเขาก็เอารวมในงบโฆษณาได้ ขายในร้านสะดวกซื้อก็ได้ ไม่สะเทือนอะไร ขนหน้าแข้งไม่ร่วง ยอดขายยังพุ่งไม่ต่างจากปกติ แต่คนที่เสียประโยชน์อย่างมหาศาลตัวจริงคือประชาชนและเศรษฐกิจไทย เพราะมีแต่ปรับกับเจ๊ง”

สุทธวรรณแสดงความคิดเห็นว่า คงไม่มีใครอยากสนับสนุนให้คนดื่มแอลกอฮอล์จนเสียสุขภาพหรือขาดสติ แต่ก็ไม่ใช่ว่าห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จนทำให้เรื่องอื่นๆ เสียหายไปหมด ผู้เกี่ยวข้องคงต้องพิจารณาว่าจะต้องรณรงค์ทางอื่นได้อย่างไร พรรคก้าวไกลจึงจะสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้ง 2 ฉบับจากภาคประชาชน ส่วนรายละเอียดการแก้ไขจะมีการพิจารณาอย่างรอบคอบอีกครั้งเมื่อกฎหมายเข้าสู่สภาฯ ส่วนอีกหนึ่งร่างกฎหมายที่ยังอยากให้ติดตามกันต่อคือ พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต หรือร่างสุราก้าวหน้าของพรรคก้าวไกล ที่จะกลับเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในสมัยประชุมสภาข้างหน้า จึงอยากฝากให้ประชาชนช่วยกันกดดันไปยัง ส.ส. ในพื้นที่ ให้รับหลักการร่างกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในการพิจารณาครั้งนี้ด้วย

“การปลดล็อกการผลิตสุราจะเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตรายย่อยมีอิสระในการผลิต ไม่โดนจำกัดด้วยแรงม้า กำลังคน หรือสร้างเงื่อนไขยากๆ ด้วยจำนวนการผลิตมากๆ ที่มีแต่ทุนใหญ่เท่านั่นที่จะทำได้ หากทำสำเร็จจะช่วยแก้ปัญหาการผูกขาดของสังคมไทย และเกษตรกรก็สามารถนำพืชผลการเกษตรมาแปรรูปได้

“จังหวัดนครปฐมหรือสุพรรณบุรี ก็มีพันธุ์ข้าวดีมากมายที่เหมาะจะนำมาทำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มรายได้ให้เกษตรกร แต่ตอนนี้ก็ยังไม่สามารถทำได้ หรือแม้กระทั่งจะมีนักแสดงมาช่วยประชาสัมพันธ์เพิ่มศักยภาพให้ท้องถิ่นก็ทำไม่ได้เพราะข้อจำกัดเรื่องกฎหมาย พรรคก้าวไกลจะร่วมกันผลักดันแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการทำมาหากิน แก้กฎหมายที่สร้างความลำบากเพื่อประโยชน์แก่เกษตรกรและพี่น้องประชาชนต่อไป”

ภาพ: พรรคก้าวไกล

Tags: , , , , ,