วันนี้ (20 สิงหาคม 2025) มาเลเซียเตรียมพิจารณา ‘กฎหมายต่อต้านการบูลลี’ เหตุเนื่องมาจากปมการเสียชีวิตของ ซารา ไกรีนา มหาธีร์ (Zara Qairina Mahathir) เด็กหญิงวัย 13 ปี หลังรัฐบาลของ อันวาร์​ อิบราฮิม (Anwar Ibrahim) นายกฯ มาเลเซีย เผชิญคะแนนตกต่ำ และแรงกดดันจากสาธารณะถึงการจัดการปัญหาการกลั่นแกล้งในสถานศึกษา หลายฝ่ายเชื่อว่า อันวาร์พยายามปกปิดประเด็นดังกล่าวเพื่อรักษาอำนาจทางการเมือง

ย้อนกลับไปในวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีรายงานการพบร่างของซารา เด็กนักเรียนหญิงวัย 13 ปี นอนหมดสติบริเวณท่อระบายน้ำใกล้หอพักโรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองปาปาร์ (Papar) รัฐซาบาห์ (Sabar) ก่อนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล และเสียชีวิตในวันถัดมา โดยที่ไม่มีการสืบสวนสาเหตุอย่างแน่ชัด

เหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนอย่างมาก จนเกิดแคมเปญ ‘Justice for Zara’ หรือการชุมนุมครั้งใหญ่เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับซารา ขณะที่นักการเมืองฝ่ายค้านออกมาตีประเด็นว่า เพราะเหตุใดรัฐบาลมาเลเซียจึงไม่สอบสวนเหตุการณ์เสียชีวิตของซาราให้แน่ชัด ทั้งที่ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยบาดแผล แขนและขาหัก ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การจากไปของเด็กหญิงวัย 13 ปีไม่ใช่เรื่องปกติ

ต่อมาอัยการสูงสุดมาเลเซียได้ออกคำสั่งให้มีการชันสูตรพลิกศพ โดยผลสรุปในวันนี้ออกมาว่า ซาราถูกนักเรียนวัยรุ่น 5 คนกลั่นแกล้ง แม้จะไม่เกี่ยวข้องกับสาเหตุการณ์เสียชีวิตโดยตรง แต่ก็ถูกตั้งข้อหาทางอาญาว่า พวกเขามีความผิดฐานใช้คำพูดข่มขู่ สร้างความวุ่นวาย และความวิตกกังวลต่อผู้เสียชีวิต ซึ่งอาจได้รับโทษจำคุกเป็นระยะเวลา 1 ปี ทำให้สาธารณชนตั้งข้อสังเกตว่า โทษดังกล่าวน้อยและหละหลวมเกินไป

สิ่งที่ตามมาคือ แรงกระเพื่อมจากการเสียชีวิตของซารากลับเพิ่มขึ้น โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่า ตั้งแต่อันวาร์เข้ามาเป็นผู้นำประเทศ สถิติการกลั่นแกล้งในสถานศึกษาเพิ่มขึ้นมากเรื่อยๆ แต่รัฐบาลกลับไม่จัดการแก้ไขปัญหา และกฎหมายไม่มีประสิทธิภาพ จนเรื่องราวบานปลายถึงขั้นมีการกดดันให้ ฟัดลินา ซิเดก (Fadhlina Sidek) รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการมาเลเซียลาออก โดยถูกกล่าวหาว่า เธอล้มเหลวต่อการจัดการปัญหาการบูลลีในรั้วโรงเรียน

นอกจากนี้ยังมีการตั้งประเด็นว่า อันวาร์จงใจปกปิดเหตุการณ์ครั้งนี้ เพื่อไม่ให้กระทบการเลือกตั้งท้องถิ่น เพราะเขาต้องสร้างอำนาจในรัฐซาบาห์ รัฐใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากซาราวัก ที่จะจัดการเลือกตั้งในวันที่ 11 ตุลาคม โดยมีคู่แข่ง 4 ฝ่ายคือ พรรคปากาตันฮาราปัน (Pakatan Harapan) พรรคร่วมของอันวาร์, บารีซันนาซีโยนัล (Barisan Nasional) พันธมิตรของอัมโน (United Malays National Organisation: UMNO) และผู้นำท้องถิ่นอีก 2 คน ซึ่งการลงคะแนนเสียงนี้ถูกมองว่า มีความสำคัญต่อเสถียรภาพรัฐบาล เพราะสามารถชี้ขาดเก้าอี้ในรัฐสภาถึง 76 ที่นั่งได้ 

ทั้งนี้ อาร์โนลด์ ปูยอก (Arnold Puyok) รองศาสตราจารย์จาก Universiti Malaysia Sarawak มองว่า กรณีการเสียชีวิตซาราอาจทำให้ผลการเลือกตั้งในรัฐซาบาห์ผันผวน และยิ่งซ้ำเติมรัฐบาลที่ถูกมองว่า อ่อนแอจากวิกฤตบริหารราชการแผ่นดินอยู่แล้ว ขณะที่พรรคฝ่ายค้านนำประเด็นไปโจมตี ซึ่งสอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนที่ตั้งคำถามต่อชนชั้นนำในรัฐบาลว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้มากแค่ไหน

ล่าสุดสำนักข่าว The Straits Times รายงานว่า รัฐบาลมาเลเซียเตรียมพิจารณากฎหมายป้องกันการบูลลีในสถานศึกษา พร้อมการจัดตั้งศาลพิเศษเพื่อพิจารณาคดี โดย อาซาลินา ออทมาน ซาอิด (Azalina Othman Said) รัฐมนตรีประจําสํานักนายกฯ เผยรายละเอียดเบื้องต้นว่า กฎหมายฉบับปัจจุบันมีจุดบกพร่องในความไม่ชัดเจน ทั้งนิยามของการกลั่นแกล้งหรือบทลงโทษ แต่ไม่ได้ระบุเพิ่มเติมว่า รัฐบาลจะเริ่มตอนไหน และขั้นตอนเป็นอย่างไร

นอกจากประเด็นการเพิกเฉยการกลั่นแกล้งในสถานศึกษา วิกฤตศรัทธาของอันวาร์ถูกตอกย้ำด้วยเหตุการณ์ชุมนุมครั้งใหญ่ของประเทศตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยประชาชนออกมาประท้วงถึงปัญหาปากท้อง และความไร้ประสิทธิภาพในการปฏิรูปประเทศ ถือเป็นการประท้วงที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่นายกฯ มาเลเซียครองอำนาจในปี 2022 เป็นต้นมา

อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจจาก Merdeka Centre for Opinion Research ยังพบว่า ประชาชนมาเลเซียราว 55% เชื่อว่า อันวาร์ทำงานได้ดีอยู่ โดยประเมินจากผลงานทางการจัดการปัญหาทางการเมืองภายใน รวมไปถึงความพยายาม ‘ยกระดับ’ มาเลเซียเล่นบทผู้นำในอาเซียนผ่านตำแหน่งประธานอาเซียน 2025

Tags: , , , , , , , ,