เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2568 สำนักข่าวชายขอบรายงานความคืบหน้ากรณีศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 1/1 เชียงราย กระทรวงสาธารณสุข นำตัวอย่างน้ำประปาหมู่บ้าน ผัก และปลาที่มาจากแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก และแม่น้ำโขง จำนวน 60 ตัวอย่าง เพื่อตรวจหาสารปนเปื้อนเป็นครั้งที่ 4 ผลปรากฏว่า น้ำประปาหมู่บ้าน 18 แห่งพบการปนเปื้อนสารตะกั่ว บางแห่งปนเปื้อนทั้งสารตะกั่วและสารหนู ขณะเดียวกันยังพบการปนเปื้อนของสารตะกั่วและสารหนูในผักบุ้งและผักกาด รวมถึงพบสารตะกั่วปนเปื้อนในปลาตะเพียน ปลานวลจันทร์ ปลากระดี่ และปลานิล

ในวันเดียวกัน ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจและติดตามสถานการณ์ลุ่มน้ำกกที่จังหวัดเชียงราย โดยให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่งว่า จะต้องมีการเจรจาเพื่อหาข้อยุติกับประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ให้ปล่อยสารเคมีลงสู่ลำน้ำที่ไหลเข้าสู่ประเทศไทย ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชน พร้อมระบุว่า จะนำแนวทางดังกล่าวเข้าหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 14 ตุลาคม 2568 เพื่อมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานด้านความมั่นคงดำเนินการทางการทูตต่อไป

รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ได้สั่งการให้กรมชลประทานเร่งพิจารณาสร้างประตูระบายน้ำหรือฝายดักตะกอนบริเวณต้นแม่น้ำกก ก่อนไหลเข้าสู่อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อลดการปนเปื้อนของสารโลหะหนัก พร้อมกันนั้นยังสั่งให้กรมพัฒนาที่ดิน กรมชลประทาน และกรมประมง ร่วมกันตรวจสอบคุณภาพของน้ำ ดิน และสัตว์น้ำในพื้นที่ว่ามีความปลอดภัยสำหรับการบริโภคหรือไม่ ทั้งยังมอบหมายให้กรมชลประทานจัดหาแหล่งน้ำสำรอง ไว้สำหรับให้ประชาชนจังหวัดเชียงรายใช้ในการอุปโภคบริโภค แทนการใช้น้ำจากแม่น้ำกกเป็นหลัก

ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ร้อยเอกธรรมนัสยังมอบปัจจัยการผลิต เช่น โฉนดเพื่อการเกษตร พันธุ์สัตว์น้ำ น้ำหมักชีวภาพ รวมถึงน้ำหมักชีวภาพจากปลาหมอคางดำให้แก่เกษตรกรเพื่อเพิ่มปริมาณการผลิต และส่งเสริมการเจริญเติบโตของของพืชผลทางการเกษตรอีกด้วย

สำหรับปัญหาการปนเปื้อนสารโลหะหนักในแม่น้ำของจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่นั้น เริ่มขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2567 ภายหลังชาวบ้านในพื้นที่พบว่าน้ำในแม่น้ำมีสีขุ่นผิดปกติ จึงร้องเรียนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ ก่อนจะพบว่ามีการปนเปื้อนสารหนูและสารตะกั่วในแม่น้ำกกเกินค่ามาตรฐานหลายจุด โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีต้นตอมาจากการทำเหมืองแร่ทองคำและเหมืองแร่แรร์เอิร์ธในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ซึ่งมีที่ตั้งใกล้กับแม่น้ำกก

ด้านความคืบหน้าการจัดการในปัจจุบัน หน่วยงานภาครัฐไม่ว่าจะเป็นกรมควบคุมมลพิษ กรมอนามัย กรมวิชาการเกษตร และกรมประมง ได้ดำเนินการเก็บตัวอย่างตะกอนดิน พืช ปลา และตรวจปัสสาวะของประชาชนในพื้นที่ที่สัมผัสกับแม่น้ำปนเปื้อน ซึ่งดำเนินการเป็นครั้งที่ 4 และพบการปนเปื้อนในปลา ผัก และน้ำประปาของหมู่บ้าน แต่ไม่เกินค่ามาตรฐาน

ส่วนการตรวจหาการปนเปื้อนในคน สำนักข่าว The Reporters เปิดเผยเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2568 ว่า แหล่งข่าวจากหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ให้ข้อมูลว่า กรมควบคุมโรคตรวจคัดกรองประชาชน 2,000 ตัวอย่างในพื้นที่ใกล้แม่น้ำกก และส่งผลตรวจไปยังห้องปฏิบัติการจำนวน 322 ตัวอย่าง พบว่ามี 7 ราย ที่มีการปนเปื้อนสารโลหะหนักในปัสสาวะสูง ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจหาสารปนเปื้อนซ้ำ และสอบสวนหาแหล่งที่มาของการปนเปื้อนต่อไป

ส่วนการจัดการเพื่อ ‘ยุติ’ ต้นตอที่ทำให้แม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก และแม่น้ำโขงปนเปื้อน ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศ ยังไม่มีการเจรจาอย่างเป็นทางการ และยังไม่มีแผนงานที่ชัดเจนในการควบคุมการทำเหมืองและกิจกรรมต้นน้ำฝั่งประเทศเมียนมา

Tags: , , , , , , , , , ,