“ขอดูผ้าอนามัยหน่อย” การอบรมมรรยาท-จริยธรรมทนาย ห้ามเข้าห้องน้ำ 3 ชม. ไม่ไหวให้อบรมปีหน้า

เมื่อวันที่ 24 ธันวาคมที่ผ่านมา ที่หอประชุมพ่อขุนรามคำแหง มหาวิทยาลัยรามคำแหง สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดการอบรมมรรยาทและจริยธรรมทนายความรุ่นที่ 60 และผู้รักษาสถานภาพ ผู้ผ่านการทดสอบกรณีฝึกหัดงานฯ ครั้งที่ 2-3/ 2566 ซึ่งทางเพจเฟซบุ๊กกฎหมายกับทนายลินคอล์น ได้ออกมาแชร์ประสบการณ์การฝึกอบรมครั้งนี้ว่า ตลอดระยะเวลาการอบรม 3 ชั่วโมง ผู้เข้าอบรมไม่สามารถเข้าห้องน้ำ และผู้หญิงไม่สามารถเข้าห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนผ้าอนามัยได้ โดยทางเจ้าหน้าที่กล่าวว่า ถ้าไม่พร้อมอบรมก็ไปเขียนคำร้องอบรมใหม่ปีหน้า และขอดูผ้าอนามัยของผู้เข้าร่วมอบรม

“เนื่องด้วยอากาศที่หนาว (มากๆ) ทำให้ปากผมแห้งมากครับ เลยกินน้ำที่เขาแจกไปครึ่งขวด จนเวลาประมาณ 11.00 น. ขณะที่นายกสภากำลังบรรยาย ผมก็ลุกเพื่อที่จะไปเข้าห้องน้ำ แต่โดนเจ้าหน้าที่ (ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นทนายที่มาช่วยงานไหม) ทำมือห้าม แต่ผมก็เดินไปนอกแถวเพื่อบอกว่าต้องการเข้าห้องน้ำ เขาบอกว่า ‘เข้าไม่ได้’ ผมจึงถามว่าทำไม มีเจ้าหน้าที่อีกคนเดินมาบอกว่า ถ้าไม่พร้อมอบรม ก็ไปเขียนคำร้องอบรมใหม่ปีหน้า”

ภายหลังที่เพจเฟซบุ๊กกฎหมายกับทนายลินคอล์น ได้ออกมาเล่าประสบการณ์ การอบรมมรรยาทและจริยธรรมทนายความรุ่นที่ 60 ที่ไม่สามารถเข้าห้องน้ำได้ จากคำถามว่าทำไมถึงเข้าห้องน้ำไม่ได้ และการขอไปเข้าห้องน้ำแสดงถึงความไม่พร้อมอย่างไร? สู่การถูกเจ้าหน้าที่ตะโกนตามหลัง ให้มาอบรมใหม่ในปีหน้า จนท้ายที่สุดเขาต้องกลั้นปัสสาวะไว้ตลอดการบรรยาย 3 ชั่วโมง

“หลังจากที่ผมถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าห้องน้ำ และถูกไล่ให้ไปอบรมปีหน้า ผมแทบไม่มีสมาธิฟังบรรยายเลยครับ เพราะปวดปัสสาวะมาก แม้ผมจะเป็นคนที่กลั้นได้เก่งมากๆ แต่ด้วยแอร์ที่หนาวทำให้อาการออก ผมนั่งกระดิกขาจนคนข้างๆ สังเกต ได้แต่เฝ้ามองว่าเมื่อไรการบรรยายจะหยุด พอมาถึงข้อสุดท้ายของการบรรยาย และนายกสภากล่าวจบ ผมรีบลุกออกไปเพื่อเข้าห้องน้ำ แต่ถูกเบรกไว้อีกรอบ เพราะต้องเซ็นชื่อรอบสอง กับรอให้เจ้าหน้าที่เก็บกระดาษเซ็นชื่อของเรา ผมจึงกลับไปนั่งพร้อมมองหน้าเจ้าหน้าที่ด้วยความเว้าวอน (เป็นเจ้าหน้าที่ผู้หญิงนะครับ ไม่ใช่สองคนแรกที่ผมเจอ)

“เจ้าหน้าที่ท่านนั้นน่าจะคิดว่าผมไม่ไหวแล้วจริงๆ เลยบอกให้ผมออกไปก่อน แล้วท่านก็เก็บกระดาษไว้ให้ ขอขอบคุณมากจริงๆ ครับ ฮ่าๆ เมื่อมาถึงห้องน้ำพบว่าแถวยาวแบบยาวมากก เพราะทุกๆ คนน่าจะถูกปฏิเสธการเข้าห้องน้ำระหว่างบรรยายเช่นเดียวกัน ทำให้คนมารุมเข้าพร้อมกัน ซึ่งจุดๆ นี้ผมสงสารสุภาพสตรีมากครับ เพราะห้องน้ำมีไม่มาก และต้องใช้เวลานาน”

ทั้งนี้เพจเฟซบุ๊กยังเล่าถึงประสบการณ์เพื่อนผู้หญิงที่ขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนผ้าอนามัยด้วยความจำเป็น แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่ผู้ชายปฏิเสธและถามว่า ‘ขอดูผ้าอนามัยหน่อย’

ภายหลังที่เรื่องราวเหล่านี้ถูกแชร์ออกไป ต่างมีคนเข้ามาแชร์ประสบการณ์ที่ถูกห้ามเข้าห้องน้ำเป็นจำนวนมาก เช่น นางสาว ก. กล่าวว่า โดนห้ามไม่ให้เข้าห้องน้ำเหมือนกัน โดยมีผู้คุมใส่แว่นผู้ชายเดินมาคุมถึงประตูหน้าห้องน้ำ และพบเจอคำพูดที่ไม่เหมาะสมจากเจ้าหน้าที่ นอกจากประสบการณ์การถูกห้ามไม่ให้เข้าห้องน้ำตลอดระยะเวลา 3 ชั่วโมงแล้ว อาหารเที่ยงก็เป็นสิ่งที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ไม่แพ้กัน เนื่องจากการอบรมมีค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนเงิน 2,000 บาท แต่สิ่งที่ได้กลับมามีเพียงข้าวไก่กระเทียมและไส้กรอกจำนวน 2 ชิ้น

มาดูกันว่าเงื่อนไขการอบรมมรรยาทและจริยธรรมทนายความมีอะไรบ้าง?

1. ต้องมารายงานตัวเข้ารับการอบรมฯ เวลา 07.00-08.00 น. เช็กชื่อครั้งแรก

2. ปิดเครื่องการสื่อสารและเข้าห้องอบรมตามลำดับที่นั่ง

3. เข้าแถวภ่ายภาพหมู่ตามลำดับที่นั่ง

4. เข้ารับการอบรมมรรยาทและจริยธรรมทนายความเป็นเวลา 3 ชั่วโมง

5. นั่งประจำแถวตามลำดับเพื่อเช็กชื่อครั้งที่ 2

การอบรมในแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 2,000 บาท และมีหมายเหตุระบุว่า

1. นักศึกษาทุกท่านต้องรายงานตัวตามกำหนดเวลา หากพ้นกำหนดระยะเวลาจะไม่อนุญาตให้เข้ารับการอบรม

2. ต้องแต่งกายตามระเบียบการเข้าสอบของสำนักฝึกอบรมวิชาว่าความแห่งสภาทนายความ

3. นักศึกษาทุกท่านจะต้องเข้ารับการอบรมมรรยาทและจริยธรรมทนายความให้ครบ 3 ชั่วโมง

การเข้ารับการอบรมมรรยาทและจริยธรรมทนายความ เป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่ ‘ทนายความ’ ต้องมี หากขาดข้อใดข้อหนึ่งก็ไม่อาจเป็นทนายความได้ โดยบุคคลที่จะเป็นทนายความได้ต้องมีคุณสมบัติ และผ่านการทดสอบและฝึกอบรมต่างๆ อย่างน้อย 6 อย่างดังนี้

1. จบปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์

2. ผ่านการฝึกอบรมจากสำนักฝึกอบรมวิชาว่าความแห่งสภาทนายความ

3. ผ่านการสอบปากเปล่า

4. ผ่านการอบรมมรรยาทและจริยธรรมทนายความ

5. ผ่านการสมัครเป็นสามัญ หรือวิสามัญสมาชิก แห่งเนติบัณฑิตยสภา

6. ผ่านการยื่นคำขอจดทะเบียนและรับใบอนุญาตให้เป็นทนายความ

โดยทางเพจเฟซบุ๊กกฎหมายกับทนายลินคอล์น ขอใช้โพสต์ดังกล่าวเพื่อเป็นกระบอกเสียงไม่ให้คนรุ่นต่อไปต้องเจอกับการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ และทนายจากสภา