คิม จอง อึน (Kim Jong un) ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ประกาศคำมั่นเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2022 ในงานเฉลิมฉลองครบรอบ 90 ปี การก่อตั้งกองทัพเกาหลีเหนือว่า จะเพิ่มการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ด้วยความรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ขณะที่ขบวนพาเหรดของกองทัพในเปียงยางได้แสดงให้เห็นอาวุธที่ล้ำหน้าที่สุดของเกาหลีเหนือ รวมถึง ฮวาซอง-17 หรือขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) เครื่องยิงจรวดขนาดยักษ์หลายลูก และเรือดำน้ำติดขีปนาวุธ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านขีปนาวุธข้ามทวีประบุว่า อาจทำให้ทั้งแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐฯ ตกอยู่ในพิสัย

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ขบวนพาเหรดเฉลิมฉลองครบรอบ 90 ปี การก่อตั้งกองทัพเกาหลีเหนือ ได้เผยให้เห็นถึงความทะเยอทะยานของคิมสำหรับโครงการอาวุธ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความพยายามในการพัฒนาขีปนาวุธเชื้อเพลิงแข็ง (solid-fueled missiles) ที่ง่ายต่อการซ่อนจากหน่วยงานสายลับต่างประเทศ และยังสะท้อนข้อมูลเชิงลึกในความคิดของผู้นำเกาหลีเหนืออีกด้วย

ในงานพาเหรด คิม จอง อึน กล่าวว่า ประเทศหรือกองกำลังใดๆ ที่พยายามเผชิญหน้ากับเกาหลีเหนือในเชิงการทหารจะต้อง ‘หมดสิ้นไป’ และอธิบายว่า กองกำลังอาวุธนิวเคลียร์ของเขาเป็นทั้งสัญลักษณ์ของอำนาจแห่งชาติ และเป็นพื้นฐานอำนาจทางทหารของเกาหลีเหนือ

“สันติภาพที่แท้จริงจะสามารถเชื่อถือได้ รวมถึงศักดิ์ศรีและอธิปไตยของชาติ สามารถรับประกันได้โดยกองกำลังป้องกันตนเองอันทรงพลังที่สามารถเอาชนะศัตรูได้” คิมกล่าวในแถลงการณ์ที่ออกโดยสำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA)

นอกจากนี้ คิมยังกล่าวว่า ภารกิจพื้นฐานของกองกำลังอาวุธนิวเคลียร์ คือ ‘ยับยั้งสงคราม’ แต่หากมีใครก็ตามพยายามที่จะเอาผลประโยชน์ขั้นพื้นฐานของเกาหลีเหนือไป กองกำลังนิวเคลียร์จะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเข้าสู่ภารกิจที่ 2 อย่างไรก็ดี ไม่ได้มีการอธิบายอย่างละเอียดว่าภารกิจที่ 2 นั้นหมายถึงอะไร

ทั้งนี้ ในบรรดาอาวุธที่ถูกขนมาแสดงต่อหน้าคนทั้งโลกในขบวนพาเหรด ที่สะดุดตาที่สุด คือฮวาซอง-17 (Hwasong-17) ซึ่งเกาหลีเหนือขนานนามว่า เป็นหนึ่งในความสำเร็จทางการทหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และอ้างว่าประสบความสำเร็จใจการทดสอบเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยสื่อของเกาหลีเหนืออ้างคำพูดของคิมในเวลานั้นว่า ‘พร้อมเต็มที่’ สำหรับการเผชิญหน้าทางทหารที่อาจเกิดขึ้นกับสหรัฐอเมริกา ซึ่งนักวิเคราะห์ระบุว่า ในทางทฤษฎี ฮวาซอง-17 ซึ่งเป็นขีปนาวุธข้ามทวีป สามารถทำให้ทั้งแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐฯ อยู่ในระยะของหัวรบนิวเคลียร์ได้ แต่ก็ยังมีคำถามว่า ขีปนาวุธดังกล่าวจะสามารถบรรทุกน้ำหนักนิวเคลียร์ไปจนถึงเป้าหมายได้หรือไม่

อันกิต แพนดา (Ankit Panda) ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธนิวเคลียร์ จาก Carnegie Endowment for International Peace กล่าวว่า ขบวนพาเหรดและสุนทรพจน์ของคิม สะท้อนถึงความทะเยอทะยานของเกาหลีเหนือเป็นอย่างมาก ทั้งในแง่ของการพัฒนาอาวุธและลำดับความสำคัญทางการทูต ขณะที่ เจฟฟรีย์ ลิวอิส (Jeffrey Lewis) ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธและศาสตราจารย์แห่งสถาบันการศึกษานานาชาติมิดเดิลเบอรี กล่าวว่า หลังการทดสอบฮวาซอง-17 ในเดือนมีนาคม ผู้นำเกาหลีเหนือได้ ‘ทำสำเร็จแล้ว’ ในการปรับปรุงอาวุธให้ทันสมัย

นอกจากการแสดงแสนยานุภาพทางอาวุธแล้ว ผู้เชี่ยวชาญยังวิเคราะห์ว่า ขบวนพาเหรดเฉลิมฉลองในครั้งนี้ยังสะท้อนข้อมูลเชิงลึกอื่นๆ เกี่ยวกับสภาพจิตใจของผู้นำเกาหลีเหนือด้วย ชอง ซอง-ชัง (Cheong Seong-chang) ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาเกาหลีเหนือที่สถาบันเซจง ซึ่งเป็นหน่วยงาน Think Tank หรือคลังสมอง ของเกาหลีใต้ กล่าวว่า การสวมเครื่องแบบทหารเพื่อกล่าวสุนทรพจน์ของคิม จอง อึน เป็นสัญลักษณ์ว่า คิมจะตอบโต้ด้วย ‘ขุมกำลังที่แข็งแกร่ง’ ในอนาคต โดยเฉพาะกับยุน ซอก ยอล (Yoon Suk Yeol) ว่าที่ประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ ที่มีนโยบายเข้มงวดต่อเกาหลีเหนือ และถือว่าเกาหลีเหนือเป็นศัตรูหลัก

อย่างไรก็ดี ยาง มู-จิน (Yang Moo-jin) ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัย North Korean Studies กล่าวว่า แถลงการณ์ของคิมในวันเฉลิมฉลองนั้นค่อนข้างไม่รุนแรง หากเทียบกับสิ่งที่เกาหลีเหนือกำลังดำเนินไป “ไม่มีการอ้างอิงโดยตรงไปยังเกาหลีใต้หรือสหรัฐอเมริกา และถึงแม้ว่าจะมีการกล่าวถึงกำลังรบนิวเคลียร์ แต่ก็ไม่มีการแสดงออกที่รุนแรง ดังนั้น ดูเหมือนว่าเกาหลีเหนือจะพยายามจำกัดระดับความรุนแรงในครั้งนี้” ศาสตราจารย์ยางกล่าว

ที่มา:

https://edition.cnn.com/…/north-korea…/index.html

https://www.washingtonpost.com/…/north-korea-parade…/

https://www.theguardian.com/…/kim-jong-un-says-north…

Tags: , ,