หากพูดถึงการเจรจาทางการทูต หลายคนคงนึกถึงบรรยากาศทางการอันน่าเบื่อ การประชุมที่กินเวลายาวนานเกือบทั้งวัน เรื่องราวทางการเมืองซ้ำๆ ถูกฉายวนอย่างไม่มีวันจบสิ้น หรือซ้ำร้ายที่สุด บรรยากาศแปรเปลี่ยนไปสู่ความจริงจังเสียจนทำให้ผู้เข้าร่วมประชุมถึงกับกุมขมับ เมื่อการเจรจาเกิดติดขัด หรือมีปัญหาบางอย่าง

แต่นั่นคงไม่ใช่กับฟินแลนด์ การันตีด้วยสมญานาม ‘แชมป์โลก 6 สมัยของประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก’ เพราะพวกเขามีอาวุธลับ ทำให้เรื่องเครียดๆ ทางการทูตหายไปในชั่วพริบตา ตราบใดที่ผู้เข้าร่วมพร้อม ‘ถอดเสื้อผ้า’ และร่วมผ่อนคลายไปพร้อมกัน 

ใช่แล้ว บทความนี้กำลังพูดถึง ‘กิจกรรมซาวน่า’ เป็นที่รู้กันดีในหมู่คนรักการเดินทางทั่วโลก นอกเหนือจากความรักการอ่านของชาวฟินน์ชนิดหาตัวจับยากแล้ว ซาวน่าก็เป็นหนึ่งวัฒนธรรมสุดพิเศษของพวกเขา จนมีการประเมินออกมา หากฟินแลนด์ประกอบด้วยประชากร 5 ล้านคน ห้องซาวน่าในฟินแลนด์จะมี 2 ล้านแห่ง ซึ่งคิดเป็นค่าเฉลี่ย 1 ครอบครัวต่อ 1 ห้องซาวน่า

ความรักต่อซาวน่าของดินแดนแห่งความสุข ยังปรากฏเป็นที่ประจักษ์ เมื่อเกิดโครงการซาวน่าสาธารณะอย่าง ‘Löyly’ ในเมืองเฮลซิงกิที่เชิญชวนผู้คนมากมายมาใช้บริการ นอกเหนือจากนั้น องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ยังประกาศให้วัฒนธรรมการซาวน่าของชาวฟินแลนด์ คือ มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (Intangible Cultural Heritage) อีกด้วย

บรรยากาศซาวน่าสาธารณะ Löyly กรุงเฮลซิงกิ

แน่นอนว่า จุดประสงค์การเดินทางไปซาวน่า คงหนีไม่พ้นการผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการใช้ชีวิต รวมถึงการพบปะผู้คน แต่สำหรับชาวฟินน์แล้ว พวกเขามองลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น เพราะซาวน่ายังมีไว้เจรจาเรื่องราวในทางการทูต จนเกิดคำศัพท์เฉพาะอย่าง ‘การทูตซาวน่า’ (Sauna Diplomacy) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ และยังเผยแพร่ไปสู่เกือบทุกประเทศที่มีสถานทูตและสถานกงสุลของฟินแลนด์ เช่น กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา และกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร

101 การทูตซาวน่า: วิธีการเข้าร่วมวงการสนทนา และบรรยากาศ

วิธีการเข้าร่วมชุมนุมในซาวน่าตามแบบฉบับชาวฟินน์นั้นง่ายดายมาก ก่อนอื่น ผู้เข้าร่วมต้องอาบน้ำชำระล้างร่างกายเป็นอันดับแรก หลังจากนั้นสวมชุดว่ายน้ำหรือผ้าขนหนู แต่หากอยากลองวิธีการดั้งเดิมของฟินแลนด์ขนานแท้ ผู้เข้าร่วมต้องเปลือยกายทั้งหมด

โดยซาวน่าแบ่งเป็นห้องสำหรับเพศชายและเพศหญิง เมื่อเข้าไปถึงห้องแล้ว ผู้เข้าร่วมจะได้รับผ้ารองก้น เพื่อป้องกันความร้อนระอุของไอน้ำที่สูง 80 องศา จากนั้นไอร้อนทำให้เหงื่อของเราไหลอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ต้องกังวล จงนั่งสบายๆ พูดคุยกับคนรอบข้างอย่างไร้กังวล และเป็นมิตร เพราะต้นกำเนิดของการทูตซาวน่า คือ การสร้างความผ่อนคลายจากอากาศร้อน ด้วยการทำให้ร่างกายเหงื่อออก และสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้เข้าร่วม

ในซาวน่ายังมีบาร์เล็กๆ สำหรับการจิบเครื่องดื่มอื่นๆ ได้อย่างตามใจชอบ แต่เมนูยอดฮิตที่สุด คงหนีไม่พ้น ‘Long Drink’ หรือของเหลวผสมแอลกอฮอล์ของชาวฟินน์ โดยทุกคนสามารถจิบระหว่างนั่งเล่นในซาวน่า และเปิดบทสนทนาไปพร้อมๆ กันได้

“ซาวน่าเป็นประเพณีที่เก่าแก่ของฟินแลนด์ และเป็นส่วนสำคัญของผู้คนที่นี่ มันสร้างบรรยากาศที่ดีมากในการสร้างบทสนทนาอย่างตรงไปตรงมา มันทำให้คุณลืมว่าเราเป็นใคร มียศตำแหน่งอะไร ดังนั้น คุณสามารถเปิดเผยสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในลึกๆ ได้ ณ ที่นี่” เฮลี ซูโอมิเนน (Heli Suominen) ที่ปรึกษาด้านสื่อสารมวลชนของสถานทูตฟินแลนด์ประจำอังกฤษ อธิบายความรู้สึกกับสื่อข่าวบีบีซี (BBC)

รวมถึง เฟดิริโก้ เบียงชี (Federico Bianchi) นักการทูตประจำสหภาพยุโรป กรุงลอนดอนเปิดเผยว่า เขาสนุกกับการพูดคุยในซาวน่า มันทำให้เขาลืมชุดสูทเป็นทางการ และโทรศัพท์มือถือ

“มันก็ค่อนข้างแปลกที่เราจะไม่สวมเสื้อผ้า ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงการมีภาพลักษณ์ดูดีกับฝ่ายตรงข้าม คุณแค่ต้องใช้วาทศิลป์เปล่าๆ เท่านั้น”  เขาอธิบาย

ปัจจุบัน การทูตซาวน่ายังคงได้รับความนิยมไปยังประเทศอื่นๆ และมีความหมายในการมีส่วนร่วมทางวัฒนธรรม ซันนา คังกาซาจู (Sanna Kangasharju) นักการทูตฟินแลนด์ในรัฐสภายุโรปอธิบายว่า 

“มันเป็นที่นิยมมาก วัฒนธรรมซาวน่ากลายเป็นเรื่องใต้ดิน และใครๆ ก็อยากมาเข้าร่วมสังคมนี้

“พวกเราต้องต่อสู้กับความสนใจของนักข่าว นักการเมืองในสภาคองเกรส

“เราสามารถเชิญพวกเขามาร่วมได้อย่างมากสุด 25 คนต่อเดือนในวันศุกร์ตอนเย็น ซึ่งคุณต้องมีตั๋วเข้าด้วยนะ

“ซาวน่าแบบชาวฟินน์ เป็นพื้นที่ปราศจากการกีดกันทางเพศกว่าทุกๆ ที่ที่คุณเคยไปมา มันแทบจะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำหรับเรา ซาวน่าเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนสบายใจและได้รับการเคารพ” เธออธิบาย ซึ่งสอดคล้องกับคำขวัญซาวน่าในฟินแลนด์ คือ ทุกคนถูกสร้างอย่างเท่าเทียมกัน แต่ไม่มีที่ไหนเท่าเทียมเท่าห้องซาวน่า

อย่างไรก็ตาม การทูตซาวน่าอาจไม่ได้เหมาะสำหรับทุกพื้นที่ โดยเฉพาะบางประเทศไม่คุ้นชินต่อวัฒนธรรมการเปลือยและเปิดเผยร่างกายต่อกัน หรือผู้คนที่ไม่ชอบพื้นที่คับแคบ มีแสงสลัวๆ จนดูไม่น่าปลอดภัยในบางครั้ง โดยเฉพาะประเทศในแถบเอเชีย

ย้อนรอยประวัติศาสตร์การทูตซาวน่า: ความขัดแย้งกับการเยียวยาด้วยซาวน่า ของคู่กันที่ขาดไม่ได้

ประวัติศาสตร์การทูตซาวน่า เกิดมาพร้อมกับคำกล่าวที่ว่า “หากมีชาวฟินน์ที่ใด ก็จะมีซาวน่าอยู่เสมอ” โดยจุดเริ่มต้นเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1950 ฟินแลนด์ต้องส่งทหารเข้าร่วมปฏิบัติการรักษาสันติภาพ (Peacekeeping Operation: PKO) ในคาบสมุทรไซนาย พวกเขาเคลื่อนย้ายห้องซาวน่าด้วยแท่นคนส่งทางทหารที่ถูกทิ้งร้างของอียิปต์ 

ต่อมา ในช่วงทศวรรษที่ 1980-1990 เจ้าหน้าที่รักษาสันติภาพของฟินแลนด์ ทำภารกิจลับสุดยอดอย่าง ‘การตั้งซาวน่าบนที่ราบสูงโกลัน’ เพื่อทำให้เอกอัครราชทูตของซีเรียและอิสราเอล สามารถพบปะจนเกิดการเจรจาทั้งสองประเทศได้ นอกเหนือจากนั้น ซาวน่ายังถูกใช้ในปฏิบัติการโคโซโว (Kosovo) ของกลุ่มนาโต (North Atlantic Treaty Organization: NATO) โดยพวกเขาสร้างห้องซาวน่ามากกว่า 20 แห่งบนฐานประจำการ

ที่สำคัญ มาร์ตติ อะห์ติซาริ (Martti Ahtisaari) อดีตประธานาธิบดีฟินแลนด์ และผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพจากความพยายามขจัดปัญหาความขัดแย้งในนามิเบีย อินโดนีเซีย โคโซโว และอิรัก ยังคงใช้ซาวน่าในการสร้างความสัมพันธ์กับผู้ต่อสู้เพื่อเอกราชของนามิเบีย ด้วยการเชิญชวนไปพูดคุยที่ซาวน่า เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งทูตระดับสูงขององค์การสหประชาชาติ (United Nations: UN)

ความสำคัญสูงสุดของการทูตซาวน่าอันเป็นที่เลื่องลือ คือทำให้สหภาพโซเวียตยอมจำนนต่อข้อตกลงของเฮลซิงกิ  อุรโก เกกโกเนน (Urho Kekkonen) ประธานาธิบดีฟินแลนด์ เชิญ นิกิต้า ครุสชอฟ (Nikita Khrushchev) ผู้นำมอสโกพูดคุยในห้องซาวน่าทั้งคืน เพื่อเจรจาต่อรองให้ฟินแลนด์เข้าร่วมสมาคมการค้าเสรียุโรป (European Free Trade Association: EFRA) กับชาติตะวันตกในช่วงทศวรรษที่ 1960 ซึ่งความเป็นจริงแล้ว ข้อตกลงนี้แทบเป็นไปไม่ได้สำหรับบทบาท ‘ประเทศวางตนเป็นกลาง’ (Neutrality) ของเฮลซิงกิในยุโรป

เพิร์ทตี้ โทร์สติลา (Pertti Torstila) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของฟินแลนด์ในเวลาดังกล่าว เล่าถึงเรื่องนี้เมื่อครั้งเกิดการประชุมระหว่างประเทศในห้องซาวน่าปี 2010 ว่า “เมื่อสิ้นสุดการเยือนในวันนั้น มีการออกแถลงการณ์ว่า รัฐบาลโซเวียตแสดงความพร้อมในการสนับสนุนความปรารถนาของฟินแลนด์ที่จะบูรณาการและร่วมมือกับชาติตะวันตก” 

ต่อมา มีเอกสารสำคัญทางฟินแลนด์หลุดออกมาในปี 2001 ว่า วยาเชสลาฟ โมโลตอฟ (Vyacheslav Molotov) คนสนิทของโจเซฟ สตาลิน (Joseph Stalin) จวกครุสชอฟอย่างดุเดือดถึงการเปลือยกายกับชาวต่างชาติ และพูดคุยกับประเทศที่ไม่ใช่คอมมิวนิสต์ แต่สุดท้าย ผู้นำแห่งสหภาพโซเวียตปลดเขาออกจากตำแหน่ง

การทูตซาวน่ายังมีผู้นำคนอื่นๆ ที่หลายคนไม่คาดถึงว่าจะเข้าร่วม เช่น อดีตประธานาธิบดีจอร์จ เอช, ดับเบิลยู. บุช (George H.W. Bush) เคยเปลือยกายและกระโดดไปในทะเลบอลติกกับเพื่อนพ้องหลายคน หลังจากเข้าร่วมซาวน่าในการเยือนฟินแลนด์ปี 1983 

การเยือนครั้งนี้ยังเปิดช่องทางการสื่อสารระหว่างสหรัฐอเมริกาและฟินแลนด์ โดยเฮลซิงกิกลายเป็นสื่อกลางระหว่างบุชผู้พ่อ ประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน (Ronald Reagan) และมิคาเอล กอร์บาชอฟ (Mikhail Gorbachev) ผู้นำแห่งสหภาพโซเวียต 

นอกเหนือจากนี้ วลาดีมีร์ ปูติน (Vladimir Putin) ผู้นำรัสเซีย เคยเข้าร่วมการทูตซาวน่าในเฮลซิงกิปี 2005 และเผยว่าเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมมาก

 จากเรื่องราวในซาวน่า สู่ความเชื่อมโยงการเข้าร่วมนาโตของฟินแลนด์

หลายคนเริ่มสงสัยว่า การสิ้นสุดความเป็นกลางของฟินแลนด์ ด้วยการเข้าร่วมนาโตอย่างเป็นทางการ จะเกี่ยวข้องกับการทูตซาวน่าหรือไม่ หลังจาก รัฐสภาตุรกียินยอมให้ฟินแลนด์เป็นส่วนหนึ่งของนาโตในวันที่ 31 มีนาคม 2023 แม้ว่าเคยใช้อำนาจยับยั้งเฮลซิงกิจากการเข้าร่วมนานถึง 10 เดือนก็ตาม 

ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า เป็นกลยุทธ์ของประธานาธิบดีเรเจป เอร์โดอาน (Recep Erdogan) เพื่อต่อรองกับหัวเรือของพันธมิตรนาโตอย่าง สหรัฐฯ เพื่อเจรจาให้ยุติการสนับสนุนกลุ่มกบฏเคิร์ด (Kurds) ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์

ยิ่งกว่านั้น ยังเกิดเชื่อมโยงอย่างสนุกสนานขึ้นไปอีก หลังจากซันนา มาริน (Sanna Marin) นายกรัฐมนตรีของฟินแลนด์ ไม่ออกความคิดเห็นต่อกระบวนการตัดสินใจพิจารณาระหว่างนาโตและเฮลซิงกิเกิดขึ้นในห้องซาวน่าหรือไม่ อีกทั้ง สำนักข่าว Politico รายงานถึง ห้องซาวน่าที่เพิ่งติดตั้งใหม่ในสำนักงานใหญ่ประจำกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม ไม่นานมานี้ 

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่แห่งสำนักงานใหญ่ฯ ก็ดับฝันการเชื่อมโยงของใครหลายคน โดยระบุว่า ซาวน่าแห่งนี้เปิดตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2022 ซึ่งเป็นเวลาก่อนการเข้าร่วมของฟินแลนด์ เนื่องจากกิจกรรมดังกล่าวได้รับความนิยมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว 

“ห้องซาวน่าคือส่วนเสริม และเป็นที่ต้องการอย่างมากสำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกของสำนักงาน

“ศูนย์บุคลากรของนาโตมีห้องซาวน่าเล็กๆ สำหรับเจ้าหน้าที่ทุกคนและครอบครัวของเขาในสำนักงานนี้” เจ้าหน้าที่ของนาโตอธิบาย

นอกเหนือจากนี้ บุคคลภายนอกยังสามารถใช้บริการห้องซาวน่านี้ได้ด้วยการสมัครสมาชิกกับศูนย์บุคลากรเช่นกัน

ไม่ว่าความเชื่อมโยงการเข้าร่วมนาโตของฟินแลนด์ และการทูตซาวน่าจะเป็นจริงหรือไม่ ซึ่งต้องรอการเปิดเผยของบุคคลสำคัญ หรือเอกสารลับเหมือนที่ผ่านมา แต่สิ่งสำคัญที่ต้องจับตามอง คือห้องซาวน่านี้จะเยียวยาความตึงเครียดจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนอันร้อนระอุในอนาคตได้หรือไม่ ?

อ้างอิง

https://adaymagazine.com/loyly/

https://www.bbc.com/news/world-europe-64323522

https://www.politico.eu/article/finland-sauna-culture-diplomacy-brussels/

https://foreignpolicy.com/2023/04/04/finland-diplomatic-sauna-society-soft-power/

https://www.theatlantic.com/international/archive/2015/03/networking-naked-with-finlands-diplomatic-sauna-society/387043/

https://www.reuters.com/world/europe/turkish-parliament-approves-finlands-nato-accession-2023-03-30/

https://www.reuters.com/world/why-is-turkey-blocking-swedish-finnish-nato-membership-2023-01-25/

https://pledgetimes.com/nato-there-is-already-a-sauna-at-the-nato-headquarters-in-this-kind-of-framework-a-sauna-is-thrown-in-brussels/

Tags: , , , , , , , ,