วันนี้ (30 ตุลาคม 2566) ที่อาคารรัฐสภา พิชัย ชุณหวชิร ที่ปรึกษาของ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวตอนหนึ่งในงานเสวนา ‘นานาทัศนะกับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท: เป้าหมายการกระตุ้นเศรษฐกิจภายใต้ความท้าทายและพลวัตที่เปลี่ยนแปลงไปของประเทศ’ ว่า วันนี้ โครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท อาจมีการเปลี่ยนแปลงไป โดยอาจไม่ ‘แจก’ คนรวยแล้ว

ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรียกตัวอย่างว่า จากเดิม หากครอบครัวคนรวย 1 ครอบครัว มี 3 คน อาจใช้จ่ายเดือนละราว 2 แสนบาท หากให้ดิจิทัลวอลเล็ตคนละ 1 หมื่นบาท ก็เท่ากับ 3 หมื่นบาทต่อครอบครัว เงินที่หมุนในระบบจากเดือนละ 2 แสนบาท ก็จะน้อยกว่าเดิม หรือเหลือเท่ากับราว 1.7 แสนบาท ซึ่งหมายความว่าเงินที่เติมลงไปไม่ได้กระตุ้นการใช้จ่ายอะไร

ทั้งนี้ พิชัยระบุว่า เงินในส่วนของดิจิทัลวอลเล็ตจะใช้จากระบบงบประมาณ จะไม่ใช้เงินกู้จากธนาคารออมสิน และไม่ได้ใช้เงินนอกงบประมาณจากหน่วยงานต่างๆ โดยก่อนหน้านี้ แม้มีผู้เสนอแนะให้ ‘กู้’ แต่หากสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีเพิ่มสูงเกิน 60% เป็นถึง 65% โดยการขยายเพดาน ต้องยอมรับว่าจะทำให้ภาพดูไม่ดีนัก อย่างไรก็ตาม วงเงินรวมอาจไม่ใช่ 5.6 แสนล้านแล้ว เพราะจำนวนคนที่ได้ดิจิทัลวอลเล็ตจะไม่มากเท่าเดิม

“ถ้าเราตัดคนรวยออก จาก 50 กว่าล้านคน จะเหลือ 40 กว่าล้านคน นอกจากนี้ ต้องดูด้วยว่า จะเหลืออีกประมาณเท่าไรที่อยู่ต่างประเทศ หรือไม่ได้มาลงทะเบียน”

อย่างไรก็ตาม หากผ่านระบบงบประมาณก็จะพบว่า ไม่สามารถทำได้ทันเดือนกุมภาพันธ์ 2567 เนื่องจากขณะนี้ ไม่สามารถผ่านพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ได้ทัน และยังคงใช้งบประมาณตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเดิม หากจะออกพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีก็ต้องหลังเดือนเมษายน 2567 และในเวลาเดียวกัน ก็ต้องเริ่มทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ฉะนั้น อย่างเร็ว เรื่องนี้ก็น่าจะเริ่มได้ในเดือนกันยายน 2567 ซึ่งหากมีระยะเวลาการใช้จ่ายประมาณ 6 เดือน เงินดิจิทัลวอลเล็ตก็จะหมุนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 และเทศกาลสงกรานต์ 2568 โดยในระบบงบประมาณอาจแบ่งเป็นเฟส และอาจแจกเป็นเฟส แต่อยู่ในเวลาใกล้เคียงกัน ให้บรรลุวัตถุประสงค์และเกิดผลกระทบโดยภาพรวมภายในครั้งเดียว

พิชัยยังย้ำถึงความจำเป็นของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่า วันนี้ คนจนและชนชั้นกลางถือว่า ‘กรอบ’ แล้ว โดยหากพิจารณาจากอัตราหนี้ครัวเรือน การปล่อยสินเชื้อโดยธนาคารในปีหน้าน่าจะยาก และในปีหน้า หากอัตราจีดีพีหดอีก และยังจะใช้วิธีการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบเดิม ทำนู่นนี่นิดหน่อย ก็ไม่เชื่อว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ด้วยเหตุนี้ ดิจิทัลวอลเล็ตจึงมีความจำเป็นอย่างมาก

สำหรับสาเหตุที่เป็นดิจิทัลวอลเล็ตแทนที่จะจ่ายเงินสด เป็นเพราะการใช้ดิจิทัลวอลเล็ตสามารถหมุนได้ และสามารถตามเส้นทางเงินได้ 3-4 จุด จากประชาชนไปร้านรถเข็นและบริษัทใหญ่ โดยเมื่อเงินไปถึงบริษัทใหญ่หรือเจ้าสัว ก็ต้องหาทางให้มี ‘คิกแบ็ค’ กลับมายังรัฐบาลให้ได้

Tags: