วันนี้ (26 พฤษภาคม 2565) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ลงพื้นที่บริเวณเคหะบางบัว เขตหลักสี่ เพื่อตรวจปัญหาและรับฟังข้อร้องเรียนจากชาวซอยบางบัวและแฟลตบางบัว โดยมี ‘ฮาร์ท’ – สุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล นักแสดงและนักร้องชื่อดัง มาร่วมเดินดูปัญหาในพื้นที่ด้วย ปัญหาที่พบส่วนใหญ่คือปัญหาการก่อสร้างท่อระบายน้ำที่กีดขวางการจราจร และการจัดการขยะที่ยังไม่ได้ประสิทธิภาพ รวมถึงปัญหาน้ำท่วม น้ำเน่าเสียซ้ำซากส่วนนึงเกิดจากผู้รับเหมาทิ้งงานก่อนกำหนด 

ทั้งนี้ ปัญหาการก่อสร้างท่อระบายน้ำที่กีดขวางเส้นทางจราจร ทำให้ซอยและถนนคับแคบนั้นเกิดจาก สำนักงานเขตที่รับผิดชอบต้องการแก้ปัญหาน้ำท่วมให้กับประชาชนในพื้นที่ จึงมีการขยายท่อระบายน้ำให้มีขนาดใหญ่ขึ้นและเตรียมนำลงใต้ดิน แต่ปรากฏว่าข้างล่าง ยังคงมีท่อประปาและสายสื่อสาร ทำให้ไม่สามารถขุดท่อระบายน้ำฝังไว้ใต้ดินได้ จึงจำเป็นต้องนำมาตั้งไว้ริมถนนเพื่อกลับไปติดต่อประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาเตรียมติดตั้งท่อระบายน้ำดังกล่าวใหม่อีกครั้ง แนวทางการแก้ไขปัญหาเบื้องต้น จะนำท่อระบายน้ำออกไปก่อน เพื่อไม่ให้เป็นการกีดขวางการจราจร

ส่วนการจัดการขยะในเขตบางบัวนั้นยังไม่ดีพอ ประกอบกับมีการนำขยะมาทิ้งกองเป็นภูเขาในเขตชุมชนส่งกลิ่นเหม็นรบกวน กรณีนี้ชัชชาติชี้แจงว่า เนื่องจากบริเวณนี้ผู้อิยู่อาศัยส่วนใหญ่เป็นคอนโดมิ้เนียม 684 ห้องชุด และมีถึง 74 อาคาร ทำให้การทิ้งขยะมารวมกันเป็นจุดเดียว จึงจะเพิ่มการจัดการขยะให้ทางเขตมาดูแล  2 ครั้งต่อสัปดาห์ 

“ถามว่าเรามาแบบนี้ เป็นการแก้ปัญหาแบบไมโครหรือว่าปลีกย่อยเกินไปหรือไม่ คำตอบคือไม่ใช่ การที่เราลงพื้นที่ปัญหาแบบนี้ทำให้เราเห็นถึงปัญหาในเขตทุกเขต และแสดงว่าเราจะไม่ละเลยปัญหาที่ได้รับร้องเรียนจากประชาชน ซึ่งหน่วยงานทุกเขตต้องรีบไปดูแล้วว่าประชาชนในพื้นที่ตัวเองอยู่ที่ไหนที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข อาจไม่ต้องรอให้ผมลงไปดู เพราะฉะนั้น การลงมาของผมเช่นนี้เป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ว่าเราเอาจริงทุกเขต ทั้งหมดคือเชิงการบริหารที่ไม่ได้แค่ปลีกย่อย แต่เป็นการลงเชิงยุทธศาสตร์ว่าเรากำลังส่งสัญญาณว่าเราให้ความสำคัญกับความทุกข์ร้อนของประชาชน หลายเรื่องไม่ได้แก้ยาก เพียงแค่ต้องรับฟังและพูดคุย ”

ชัชชาติชี้แจงเพิ่มเติมว่าสำนักงานเขตและ กทม. สามารถส่งเสริมช่วยเหลือในส่วนที่ชุมชนต้องการ แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือชุมชนต้องสามัคคี เข้มแข็งและช่วยจับตามองความผิดปกติ ช่วยดูแลชุมชนให้เป็นระเบียบ และสามารถดูแลกันเองได้ หากทั้งชุมชนและหน่วยงานรัฐเข้มแข็ง ก็จะสามารถเดินไปข้างหน้าพร้อมกัน และเมืองก็จะสามารถเดินไปข้างหน้าได้

“การลงพื้นที่แบบนี้ ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาด้วยตัวเองแต่เป็นการส่งสัญญาณไปเขต ว่าต้องดูแลประชาชนเอาโจทย์เป็นที่ตั้ง อนาคตไม่ต้องให้ผู้ว่าฯ กทม. ลงไป ชุมชนกับ กทม. ต้องไปด้วยกัน ผมบอกพี่น้อง และชุมชนเสนอว่า อย่าหวังว่า กทม.จะสามารถทำทุกอย่างได้ ต้องมีความร่วมมือจากทั้ง 2 ฝ่าย เช่น การทิ้งขยะ กทม.สามารถเอาถังขยะมาเพิ่มให้ได้ แต่ชุมชนต้องคอยเป็นหูเป็นตาและดูแลกันเองด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ ในอดีตที่ผ่านมาเหมือน ทั้งสองส่วน อาจขาดความไว้ใจกันและกัน ระหว่างชุมชนกับ กทม. อนาคตจึงต้องสร้างความไว้ใจซึ่งกันและกัน แล้วเมืองจะพัฒนาไปได้เร็ว”

สุดท้าย ชัชชาติยังย้ำและฝากถึง ผู้อำนวยการเขตในทุกพื้นที่ของ กทม. ว่าการทำงานอย่างรวดเร็วรีบแก้ปัญหาให้ประชาชนคือเครื่องมือที่สร้างความไว้ใจให้กับประชาชน หากอยากพัฒนาเมืองต้องเริ่มจากจุดเล็กๆ เหล่านี้ให้ได้เสียก่อน และปัญหาหนึ่งที่ต้องรีบแก้ไขคือการจัดการเรื่องทุจริตในแต่ละหน่วยงานต้องเด็ดขาดและแน่นอน ซึ่ง ฮาร์ท ได้ขนานนามให้กับผู้ว่าคนใหม่ว่า ‘ผู้ว่าฯ ไวไว คลิก’ เนื่องจากเห็นว่า ชัชชาติ เน้นการแก้ปัญหาที่รวดเร็ว สามารถเข้าถึงประชาชนและสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการแสดงความจริงใจต่อประชาชนที่เลือกเขามาเป็นผู้ดูแลกรุงเทพฯ แห่งนี้

Tags: , ,