วันนี้ (9 มิถุนายน 2568) ปรัก โสคน (Prak Sokhonn) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชาได้ส่งหนังสืออย่างเป็นทางการมาถึง มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย เพื่อขอความร่วมมือกับประเทศไทยในการยื่นข้อพิพาทเรื่องพรมแดนกับศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลก (International Court of Justice: ICJ) ให้ตัดสินอย่างสันติและถูกต้องตามกฎหมาย

โดยเนื้อหาในหนังสืออย่างเป็นการทางระบุไว้ว่า จากความซับซ้อนทางประวัติศาสตร์และความอ่อนไหวในข้อพิพาท เห็นได้ชัดว่า การเจรจาระดับทวิภาคีเพียงอย่างเดียว อาจไม่เพียงพอที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างครอบคลุมและยั่งยืน

รัฐบาลกัมพูชาจึงเห็นว่า การแก้ไขปัญหาพื้นที่ช่องบก ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย โดยศาลโลกเป็นหนทางที่เหมาะสมและสันติมากที่สุด

ปรักยังระบุใจความในหนังสืออย่างการไว้อีกว่า คำตัดสินของศาลโลกตั้งอยู่บนหลักกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นคำตัดสินที่ยุติธรรม ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย และสามารถให้ความชัดเจนในเรื่องข้อพิพาทดินแดนของทั้ง 2 ประเทศ อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมสันติภาพ เสถียรภาพ ตลอดจนความร่วมมือของทั้ง 2 ประเทศ

“แนวทางปฏิบัติดังกล่าวจะยืนยันถึงความมุ่งมั่นร่วมกันของเราในการรักษาหลักนิติธรรม รักษาความสามัคคีในภูมิภาค และส่งเสริมความร่วมกันของประชาชนภายในชุมชนอาเซียน

“จากที่กล่าวมาข้างต้น ฉันขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยพิจารณาร่วมกับรัฐบาลกัมพูชาในการส่งข้อพิพาทเรื่องพรมแดนของเราไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ขอให้ใช้โอกาสนี้ยืนยันความมุ่งมั่นร่วมกันของเรา ในการพูดคุยอย่างสันติ การแก้ไขปัญหาทางกฎหมาย และอนาคตของความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี” ข้อความในจดหมายระบุ

ทั้งนี้ข้อความในหนังสืออย่างเป็นทางการยังสอดคล้องกับท่าทีของ สมเด็จ ฮุน เซน (Hun Sen) ประธานวุฒิสภา องคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ออกมาระบุว่า จะนำข้อพิพาทที่เกิดขึ้นสู่ศาลโลก เนื่องจากการเจรจาระดับทวิภาคีได้ผลเพียงเล็กน้อย ขณะที่พื้นที่อื่นที่ไม่อยู่ในความขัดแย้งจะดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจ (MoU) ปี 2000 ต่อไป

ขณะเดียวกันเมื่อช่วงเวลา 12.45 น. ของวันเดียวกันนี้ กระทรวงกลาโหมของกัมพูชาออกมาแถลงถึงสถานการณ์ล่าสุดในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยระบุว่า

1. ไม่มีการถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ที่อยู่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา และที่ซึ่งกองทัพกัมพูชาประจำการมาเป็นเวลานาน

2. การเตรียมกองกำลังทั้งหมดของกองทัพกัมพูชา รวมทั้งการประจำการ การส่งกำลัง การปรับกำลัง และการระดมกำลัง อยู่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชาเพื่อเตรียมการป้องกันบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชา

3. กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการแก้ไขปัญหาโดยสันติ ทั้งนี้พร้อมปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องดินแดน ไม่ให้มีการรุกรานใดๆ

4. กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะสนับสนุนกลไกการเจรจาชายแดนกับไทย โดยเฉพาะคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Commission: JBC) เพื่อดำเนินการวัดเขตแดนและปักปันเขตแดนที่เหลือระหว่าง 2 ประเทศต่อไป 

อ้างอิง

https://www.phnompenhpost.com/national/foreign-minister-clarifies-kingdom-s-position-to-thai-counterpart

https://www.khmertimeskh.com/501697099/cambodia-urges-thailand-to-jointly-refer-border-disputes-to-icj/ 

https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000053891

Tags: , , , , , , , ,