วันนี้ (30 สิงหาคม 2565) เวลา 14.00 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล อนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยประเด็นที่น่าสนใจคือการชี้แจงบทบาทของคณะรัฐมนตรีกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราวตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2565 เป็นต้นไป หลังดำรงตำแหน่งครบ 8 ปี จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย

สำหรับมติคณะรัฐมนตรีวันนี้ ทุกฝ่ายได้มีมติมอบหมายหน้าที่และมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รับปฏิบัติหน้าที่แทนพลเอกประยุทธ์ รวมไปถึงการปฏิบัติราชการแทนนายกฯ ในกรณีที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไม่อยู่ ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ หรือไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง ตามข้อกำหนดในพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534

นอกจากนี้ ในกรณีที่พลเอกประวิตรไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่แทนได้ ทางคณะรัฐมนตรีมีมติให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับปฏิบัติหน้าที่แทนตามลำดับ ดังนี้

1. วิษณุ เครืองาม – รองนายกรัฐมนตรี

2. อนุทิน ชาญวีรกูล – รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

3. จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ – รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

4. ดอน ปรมัตถ์วินัย – รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

5. สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ – รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

ทั้งนี้ ยืนยันว่าพลเอกประวิตรมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรีทุกประการ และมีอำนาจหน้าที่ในการเป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการหรือองค์กรใดๆ ก็ตาม ส่วนรองนายกรัฐมนตรีรายอื่นในการสั่งงาน บริหารงานบุคคล และอนุมัติเงินงบประมาณต้องได้รับความเห็นชอบจากพลเอกประวิตรก่อน

ด้านรายละเอียดการปฏิบัติหน้าที่ของรองนายกรัฐมนตรี แต่ละราย ทางโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุว่าจะมีการชี้แจงเพิ่มเติมในเร็ววันนี้ แต่หากเกิดกรณีที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อนุชา นาคาศัย ไม่อยู่ ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ หรือไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง ให้รองนายกฯ วิษณุ เครืองาม และอนุทิน ชาญวีรกูล ปฏิบัติหน้าที่แทนตามลำดับ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังระบุเพิ่มเติมปิดท้าย ว่า ครม. ชุดปัจจุบันยังมีอำนาจเต็มทุกประการ ไม่ใช่คณะรัฐมนตรีรักษาการตามที่หลายฝ่ายเข้าใจ และพลเอกประยุทธ์ยังคงสถานะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตามประกาศพระบรมราชโองการ 10 กรกฎาคม 2562 โดยมติดังกล่าวมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยตัดสิน

Tags: , , , , , ,