สถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เมืองหาดใหญ่จมไปกับสายน้ำภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง และยังคงมีประชาชนอีกจำนวนมากที่รอคอยการเข้ามาช่วยเหลือจากรัฐบาล

ในเวลาเดียวกัน อีกหลายจังหวัดภาคใต้ ยังเป็นพื้นที่เสี่ยงในการเป็นพื้นที่ประสบภัยต่อไป ไม่ว่าจะ พัทลุง สตูล นราธิวาส หรือสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ สิ่งที่น่าตระหนกคือหลังน้ำลด จะพบความเสียหาย และพบผู้เสียชีวิตอีกเป็นจำนวนมาก

รายการ b-holder LIVE ทาง The Momentum ชวน ช่อ-พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า มาพูดคุยถึงปัญหาน้ำท่วมครั้งใหญ่และการจัดการสถานการณ์ภัยพิบัติของรัฐบาลที่ยังหละหลวม

พรรณิการ์ได้อธิบายถึง 3 ปัญหาหลักที่หนักหน่วงมากที่สุด คือ หนึ่ง ความอันตรายของพื้นที่ในการเข้าช่วยเหลือเพราะกระแสน้ำที่ไหลแรง สอง คือ ข้อมูลจากผู้ประสบภัยที่มากจนซ้ำซ้อน และ สาม การไม่มีผู้บัญชาการหน้างาน ซึ่งเป็นปัญหาที่สำคัญที่สุด

“ตอนนี้ทีมอาสาสมัครหลักๆ เริ่มแบ่งงานกันเองแล้ว แต่มันจะมีประสิทธิภาพสูงสุดก็คือ ต้องมีแม่งานมาขีด สมมติแบ่ง 30 โซน 30 ทีม พื้นที่ใด ใครจัดการอะไร และเดินทางเข้าพื้นที่อย่างไร”

นอกจากนี้ ทางรัฐบาลควรมีการอำนวยความสะดวกในการลำเลียงอาหาร เครื่องดื่ม และยาหรือของใช้จำเป็นให้กับผู้ประสบภัย ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดขณะนี้ โดยพรรณิการ์ได้ชี้ว่า สิ่งที่สามารถนำมาใช้อำนวยความสะดวกได้จริง คือ โดรนเกษตรกรรม ที่สามารถลำเลียงอาหารและของใช้จำเป็นได้ภายใต้สภาพอากาศที่ฝนตกหนัก ซึ่งข้อมูลที่พบ กว่าจะเข้าได้เร็วที่สุด ต้องรอถึงวันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน จึงจะเข้าพื้นที่ได้

“จริงๆ กรมอุตุนิยมวิทยาของไทยพยากรณ์ตรง และระบบพยากรณ์อากาศในประเทศไทยพัฒนาไปไกลมากแล้ว แต่คนที่จะประเมินการเกิดภัยพิบัติและนำมาสู่การแจ้งเตือนที่เป็นเชิงนโยบายนั้นขาดไป

“สุดท้ายแล้วเรามีองค์ความรู้ เรามีฐานข้อมูล เรามีชุดกระบวนการตรวจสอบสภาพอากาศ แต่ตรวจสอบเสร็จพบแล้ว ข้อมูลกลับถูกกองทิ้งไว้ตรงนั้น ไม่ได้มีการประเมินโดยผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญและนำไปสู่การแจ้งเตือนจริงว่าจะเกิดภัยพิบัติต้องเร่งอพยพ”

ขณะเดียวกัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ซึ่งมีหน้าที่ประเมินสถานการณ์อุทกภัย เป็นข้อต่อสำคัญในการดำเนินงาน เมื่อไม่มีการประเมินและการแจ้งเตือนอย่างที่ควรจะเป็น ทำให้สถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ควบคุมได้ยากและส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง

“เมื่อไม่มีการบริหารจัดการทำให้ชีวิตของคนนับร้อยนับพันเสียไปโดยไม่จำเป็น ชีวิตของคนนับแสนนับล้านต้องตกระกำลำบากโดยไม่จำเป็น อย่าพูดว่ามันเป็นภัยธรรมชาติที่ป้องกันไม่ได้ คุณป้องกันให้ฝนไม่ตกไม่ได้ แต่คุณสามารถทำให้น้ำท่วมน้อยกว่านี้ และสามารถให้ประชาชนอพยพก่อนได้”

ในท้ายที่สุดแล้ว ปัญหาน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้มีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการเมืองเองและคนที่กุมอำนาจในการตัดสินใจ เรามีข้อมูลสำหรับเตรียมตัวรับมือ แต่กลับไม่ได้ถูกใส่ใจหรือถูกหยิบยกไปใช้เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น

“ถ้าพรรคประชาชนได้เป็นรัฐบาล ข้อแรกก็คือ เราจะไม่ละเลยข้อมูลที่เป็นวิทยาศาสตร์เหล่านี้ ข้อที่สองคือ ระบบการโยกย้ายอพยพคน การเตือนภัยจะต้องเป็นไปอย่างกระชับฉับไว”

พรรณิการ์กล่าวทิ้งท้ายว่า รัฐบาลในอนาคตซึ่งหวังว่าจะเป็นรัฐบาลพรรคประชาชน จะต้องไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น นายกรัฐมนตรีจะต้องนั่งหัวโต๊ะเพื่อรับมือกับสถานการณ์ เพราะการบริหารจัดการในภาวะภัยพิบัตินั้นต้องการการตัดสินใจที่รวดเร็วจากผู้มีอำนาจสูงสุด

Tags: , , ,