วันนี้ (8 ธันวาคม 2568) ที่ทำเนียบรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง จากกรณีเหตุปะทะบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาที่กลับมาปะทุขึ้นอีกครั้ง
อนุทินให้สัมภาษณ์ว่า ปัจจุบันกองทัพมีแนวทางในการดำเนินการแล้วเพื่อรักษาอธิปไตย เกียรติภูมิ และประชาชน และจากแสนยานุภาพของกองทัพไทย มีความเชื่อมั่นว่า ไม่ควรมีการโจมตีเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านได้
หลังจากนั้น อนุทินเปิดเผยต่อว่า คงไม่มีการเจรจาแล้ว เพราะประเทศคู่ขัดแย้งดำเนินการกับประเทศไทยถึงขนาดนี้ และไทยตอบโต้กลับไป ไม่ใช่เพื่อส่งสัญญาณใดๆ แต่เป็นเพื่อการบอกว่า กัมพูชาไม่ควรเข้ามาคุกคามอธิปไตยของไทยอีกแล้ว ดังนั้นการเจรจาหลังจากนี้จะไม่มี หากกัมพูชาต้องการ ‘ยุติ’ การสู้รบ ก็ต้องปฏิบัติตามสิ่งที่ประเทศไทยกำหนด
ขณะที่ประเด็นสื่อต่างประเทศรายงานว่า ไทยเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงครั้งนี้ก่อน นายกฯ แย้งว่า สื่อต่างชาติจะต้องเชื่อข้อมูลจากประเทศไทย เพราะประเทศไทยได้พิสูจน์ในหลายเวทีแล้วว่า เรารักสงบอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งไทยเป็นฝ่ายที่ถูกคุกคาม ถูกกระทำ ถูกรุกราน และยั่วยุในทุกกรณี
จะเห็นได้จากหลักฐานที่ปรากฏ รวมถึงการทำหนังสือแจ้งไปยังองค์กรนานาชาติต่างๆ รัฐบาลจึงมั่นใจว่า ได้พิสูจน์และยืนยันว่า ไทยไม่ใช่ฝ่ายรุกรานใคร แต่ก็ไม่ยอมให้ใครรุกรานเข้ามาเช่นกัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา (Joint Declaration) ที่ได้ลงนามเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมาที่ประเทศมาเลเซีย อนุทินกล่าวสั้นๆ ว่า “ไม่มีแล้วครับ จำไม่ได้”
นายกฯ ทิ้งท้ายอีกว่า ตนยังไม่ได้พูดคุยกับ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา รวมถึง อันวาร์ อิบราฮิม (Anwar Ibrahim) นายกฯ ของมาเลเซีย เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องระหว่างประเทศไทยกับประเทศคู่กรณี และตนก็ไม่เป็นกังวลกับเรื่องเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน
“ถ้าจะบอกให้ประเทศไทยทำอะไร ผมก็วิงวอนว่าคนที่เกี่ยวข้อง คนที่เป็นพยานควรจะไปพูดกับคนที่รุกรานประเทศไทยให้หยุดการกระทำเช่นนั้นเสียก่อน ไม่ใช่มาบอกให้ประเทศไทยอดทนต่อไป ยังต้องหยุด ยังต้องดำเนินการอะไรด้วยตัวเองไม่ได้ มันเลยเวลานั้นมาแล้ว ถ้าอยากจะหยุดก็ต้องไปบอกคนที่รุกรานเราให้หยุด” อนุทินทิ้งท้าย
ภาพ: อานันท์ ชนมหาตระกูล/ Thai News Pix
Tags: ทหาร, นายกรัฐมนตรี, โดนัล ทรัมป์, อนุทิน, อันวาร์, ไทยกัมพูชา
