ธุรกิจที่เดิมพันกับความเสี่ยงอย่างการประกันชีวิต มักจะอยากขายประกันให้แต่กับคนสุขภาพแข็งแรง แต่ดูอย่างไรว่าแข็งแรง บางทีเรื่องแบบนี้ก็มีอคติเข้ามาแฝง ดังเช่นปัญหาที่กลุ่มชายรักชายในอเมริกาจำนวนหนึ่งถูกปฏิเสธการทำประกันแบบคุ้มครองตลอดชีพ เพียงเพราะใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวี
เคสหนึ่งที่ นิวยอร์ก ไทมส์ ยกขึ้นมาเป็นตัวอย่าง คือกรณีของ ดร.ฟิลิป เจ. เช็ง ศัลยแพทย์ทางเดินปัสสาวะ ซึ่งเคยทำมีดบาดตัวเองขณะเตรียมผ่าตัดคนไข้ที่มีค่าเอชไอวีเป็นบวก
ต่อแต่นั้นมา เขาจึงใช้ยาต้านเอชไอวี ที่ชื่อว่า ทรูวาดา (Truvada) เป็นเวลาหนึ่งเดือนตามนโยบายของโรงพยาบาล และแม้จะครบกำหนดแล้ว เขาก็ยังใช้ต่อเนื่องมาเรื่อยๆ เพราะตัวเขาเป็นเกย์โสดที่ไม่มีความสัมพันธ์ผูกมัดกับใคร ทั้งนี้เพื่อจะป้องกันตัวเองจากเชื้อเอชไอวีที่อาจมาจากการมีเพศสัมพันธ์
การใช้ยาต้านนี้เรียกกันว่า PrEP ย่อมาจาก pre-exposure prophylaxis หรือ การให้ยาต้านไวรัสแก่ผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อเอชไอวี
ปัญหาก็คือ เมื่อ ดร. ฟิลิป ไปทำประกันการทุพลภาพ เขากลับได้ระยะเวลาคุ้มครองเพียง 5 ปีเท่านั้น ทั้งที่สุขภาพแข็งแรงทุกอย่าง ไม่เคยเข้ารับการผ่าตัดหรือต้องกินยาอะไรในปัจจุบัน โดยได้รับคำอธิบายว่า เป็นเพราะเขาใช้ยาทรูวาดา
“ผมช็อก เพราะว่า PrEP เป็นสิ่งที่ควรจะทำ มันเป็นยาที่ใกล้เคียงกับวัคซีนเอชไอวีที่สุด เทียบกับยาอื่นที่เรามีใช้กันในตอนนี้”
นอกจากนี้ ตัวแทนบริษัทฯ ยังบอกว่า เขายังไม่แน่ใจผลข้างเคียงที่เกิดจากการใช้ยาตัวนี้ ทั้งๆ ที่ FDA ได้อนุมัติยาตัวนี้มาตั้งแต่ปี 2004 และงานวิจัยปี 2016 ก็สรุปว่ายานี้ปลอดภัยกว่าแอสไพริน หากมองในระยะยาว
![]()
แต่ ดร.ฟิลิป ก็ยอม เหมือนกับที่ชายเกย์หลายๆ คนยอม คือเลิก PrEP ไป แล้วจึงไปสมัครประกันในบริษัทแห่งอื่น ผลคือได้รับการคุ้มครองตลอดชีพ
เรียกได้ว่าเป็นเรื่องกลับหัวกลับหางกับหลักจัดการความเสี่ยง เพราะผู้ชายที่ป้องกันตัวเองกลับไม่ได้รับความคุ้มครอง แต่คนที่ไม่ป้องกัน กลับได้รับการคุ้มครองเต็มที่
แม้จะไม่มีตัวเลขสถิติที่เป็นทางการ แต่กลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิของเกย์บอกว่ามีเคสแบบนี้เกิดขึ้นหลายครั้งหลายหน
ดร. โรเบิร์ต เอ็ม. แกรนต์ นักวิจัยด้านเอดส์ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย กล่าวว่า การปฏิเสธผู้ทำประกันเช่นนี้ “เป็นเรื่องโง่เง่า เหมือนกับปฏิเสธที่จะให้ความคุ้มครองใครคนหนึ่ง เพียงเพราะเขาคาดเข็มขัดนิรภัย”
บางคนมองไกลไปถึงขั้นว่า นี่คือการกีดกันสิทธิ์ของชาวเกย์ บางบริษัทให้เหตุผลว่า ที่พวกเขาปฏิเสธก็เพราะเชื่อว่า บุคคลเหล่านี้มีพฤติกรรมการร่วมเพศที่ีสุ่มเสี่ยงสูง
อย่างไรก็ตาม ปกติแล้วบริษัทต่างๆ จะไม่เปิดเผยข้อมูลมาตรฐานในการกำหนดเงื่อนไขการคุ้มครอง เพราะพวกเขาบอกว่า การที่จะให้หรือไม่ให้ประกันใคร เป็นเวลานานเท่าใด ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่หลากหลายกว่านั้น เช่น ข้อมูลทางการแพทย์อื่นๆ อย่างน้ำหนัก ความดันเลือด ระดับคอเลสเตอรอล การสูบบุหรี่ ฯลฯ
ที่มา:
https://www.nytimes.com/2018/02/12/health/truvada-hiv-insurance.html?




