1

“การหาเสียงของเขา ไม่เคยดูถูกคนอื่น ไม่เคยว่าใคร เขาเป็นคนที่ดีมากๆ”

ฟิลิปปินส์กำลังจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ ในวันที่ 9 พฤษภาคมนี้ หากไม่มีอะไรผิดพลาด ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของประเทศนี้จะชื่อว่า เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ หรือบองบอง ลูกชายของอดีตประธานาธิบดี เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ผู้ปกครองฟิลิปปินส์อย่างยาวนานและอื้อฉาว

มาร์กอสคนพ่อชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในปี 1965 แต่แล้วพอถึงปี 1972 ขณะกำลังจะหมดวาระประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ซึ่งตามรัฐธรรมนูญเดิมกำหนดให้ประธานาธิบดีอยู่ได้แค่ 2 สมัยเท่านั้น เขาได้ประกาศกฎอัยการศึก จับกุมทรมานประชาชนผู้เห็นต่าง ปิดสื่อ กวาดล้างคนไปหลายหมื่นคน มีผู้เสียชีวิตพันกว่าราย เพียงเพื่อจะอยู่ต่อในอำนาจได้อย่างสบายใจ และหวังจะเป็นประธานาธิบดีตลอดกาล

จนถึงปี 1986 หลังโกงการเลือกตั้ง สังหารศัตรูทางการเมืองอย่างอื้อฉาว คนฟิลิปปินส์ก็เหลืออด ลุกมาประท้วง แม้มาร์กอสจะปรากฏตัวขณะทำพิธีสาบานตนดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกวาระ แต่ต่อมา เขาและครอบครัวก็เดินทางลี้ภัยไปฮาวาย สหรัฐอเมริกา ปิดฉากยุคสมัยมาร์กอส 21 ปี โดยเขาและครอบครัวยักยอกทรัพย์สินแผ่นดินไปหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ประชาชนฟิลิปปินส์เฉลิมฉลองชัยชนะ มันเป็นการปฏิวัติโดยประชาชนอย่างแท้จริง หากเรื่องราวนี้จบลงอย่างสวยงามก็คือ มาร์กอสจะต้องติดคุก ถูกยึดทรัพย์ ผู้มีส่วนร่วมในการทรมานเข่นฆ่าประชาชนภายใต้กฎอัยการศึกจะต้องถูกดำเนินคดี

อย่างไรก็ดี โลกแห่งความเป็นจริง หลายครั้ง มันก็ไม่ได้สวยงามอย่างที่เราหวัง

2

อดีตประธานาธิบดีมาร์กอส เสียชีวิตหลังตกจากอำนาจในปี 1989 ขณะที่ทางการฟิลิปปินส์ก็พยายามยึดทรัพย์สินที่ถูกยักยอกไป ภรรยาของมาร์กอสอย่าง อิเมลดา มีตำนานรองเท้าจำนวนมหาศาลกว่าพันคู่ รวมถึงทรัพย์สินแบรนด์เนม ซึ่งรัฐบาลยังคงเก็บไว้เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจ ถึงการโกงกินของครอบครัวมาร์กอส

อย่างไรก็ดี หลังการปฏิวัติประชาชนในฟิลิปปินส์เมื่อปี 1986 ผ่านไป 30 กว่าปี ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของอดีตประธานาธิบดีมาร์กอส ที่ตั้งชื่อตามพ่อ กำลังจะได้เป็นประธานาธิบดี ตำแหน่งที่พ่อเคยเป็นมาก่อนอย่างน่าตื่นตะลึง

เกิดอะไรขึ้นกับฟิลิปปินส์ ราวกับเรื่องตลกที่ลูกของอดีตผู้นำเผด็จการ ที่ถูกคนทั้งประเทศขับไล่ จะกลับมาฉายแสงมีอำนาจอีกครั้ง ในระบอบประชาธิปไตย

นักวิเคราะห์ชี้ให้เห็นว่า คนรุ่นใหม่ที่เกิดไม่ทันยุคมาร์กอส และไม่ทันได้เห็นการชุมนุมประท้วงขับไล่ครั้งใหญ่ พวกเขาเหล่านี้ไม่มีความทรงจำในเรื่องนี้เลย ราวกับว่าเหตุการณ์ประวัติศาสตร์นี้อยู่ไกลตัวจากพวกเขามาก และมีหลายคนที่ไม่รู้จักเหตุการณ์นี้

ประวัติศาสตร์การลุกฮือขับไล่ผู้นำเผด็จการ ไม่เคยถูกสอนในห้องเรียนของฟิลิปปินส์ คนรุ่นใหม่มองว่า บองบองเป็นคนที่น่าสนใจ โดยไม่รู้ภูมิหลังครอบครัวแสนอื้อฉาวนี้ หลายคนมองว่า บองบองปราศรัยหาเสียง โดยเน้นให้สมัครสมานสามัคคีกันไว้ (Unity) ไม่กล่าวให้ร้ายใคร และเขาให้ความหวังในประเทศที่ระบบเศรษฐกิจซบเซา และต้องเผชิญกับปัญหาโควิด-19 ระบาดหนักมาก บองบองยืนยันและสัญญาว่า จะลงทุนก่อสร้างโครงการใหญ่ๆ สร้างโรงพยาบาล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฟิลิปปินส์ให้กลับมาเติบโตอีกครั้ง

คำสัญญานี้ ทำให้ตัวบองบองได้รับคะแนนนิยมสูงลิ่ว นำหน้าผู้สมัครคนอื่นๆ ไปลิบตา ไม่เพียงการปราศรัยที่เฉียบขาดเท่านั้น แต่ทีมงานบองบองเอง ยังใช้สื่อในโลกออนไลน์กระตุ้นความนิยมด้วย เพจเฟซบุ๊กของเขามีคนตามหลายล้านคน และเหล่าเยาวรุ่นฟิลิปปินส์หลายคนตัดสินใจแล้วว่า จะเลือกลูกชายอดีตประธานาธิบดีเผด็จการคนนี้

การใช้สื่อออนไลน์ของทีมงานบองบองนั้น บางส่วนใช้ตอบโต้กับความจริงในประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะเรื่องมาร์กอสคนพ่อ พวกเขาเปลี่ยนภาพลักษณ์จากผู้นำเผด็จการโกงชาติเสียใหม่ ให้เป็นมาร์กอสผู้ทำประเทศรุ่งเรือง ชายที่เคยประกาศว่าจะทำให้ฟิลิปปินส์ยิ่งใหญ่ ภาพลักษณ์จอมเผด็จการผู้สั่งจับคนไปทรมานและฆ่า ถูกแปรเปลี่ยนให้เป็นรัฐบุรุษของประเทศ

ทั้งนี้ คนฟิลิปปินส์ใช้สื่อออนไลน์มากสุดติดอันดับโลก โดยเฉลี่ยวันหนึ่ง พวกเขาจะใช้เวลา 4 ชั่วโมง 15 นาที ในการท่องโลกออนไลน์ ทีมงานบองบองใช้ประโยชน์ตรงนี้ เผยแพร่เนื้อหาซึ่งบางครั้งหาที่มาไม่ได้ ไม่อาจสรุปได้ว่าจริง โดยเปลี่ยนภาพลักษณ์และตอบโต้ข้อกล่าวหาที่มาร์กอสคนพ่อโกงชาติตลอดเวลา

พวกเขาเปลี่ยนช่วงเวลาที่ฟิลิปปินส์ถูกปกครองด้วยกฎอัยการศึก ให้เป็นยุคทองของฟิลิปปินส์ พวกเขาตอบโต้เหยื่อที่เคยถูกเจ้าหน้าที่รัฐจับกุมทรมานในอดีต และพยายามเตือนสังคมว่า ช่วงนั้นไม่ใช่ยุคทองของประเทศ แต่มันเป็นยุคมืดต่างหาก

แต่ดูเหมือนเสียงของพวกเขาจะเบาเกินกว่าข้อมูลเท็จที่แพร่ระบาดในโลกออนไลน์

3

ไม่เพียงแต่คนรุ่นใหม่ที่จะเข้าคูหาไปเลือกบองบองอย่างคึกคัก แต่คนรุ่นเก่าที่ทันยุคมาร์กอสคนพ่อ ก็สนับสนุนมาร์กอสคนลูกด้วย พวกเขาย้อนมองอดีตว่า แม้ยุคมาร์กอสจะปกครองประเทศด้วยกฎอัยการศึก แต่สิ่งที่ได้มาแลกกับเสรีภาพที่หายไป คือความมีระเบียบ ประเทศสงบเรียบร้อย

ฟิลิปปินส์ยุคมาร์กอสคนพ่อ คอร์รัปชันอย่างมโหฬาร กินกันเป็นระบบ แต่ภายใต้เศรษฐกิจฟิลิปปินส์ที่ย่ำแย่มาหลายสิบปี คนฟิลิปปินส์โหยหาช่วงเวลามาร์กอสครองเมือง สมัยนั้น รัฐวิสาหกิจมีจำนวนมาก ซึ่งเอื้อให้มาร์กอสโกงชาติได้ง่ายขึ้น เวลาต่อมา ฟิลิปปินส์มีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจมากขึ้น ทำให้คนที่เคยทำงานในหน่วยงานของรัฐตกงาน ต้องปรับตัว คนเหล่านี้คิดถึงอดีต โดยให้เหตุผลว่า แม้ยุคนั้นจะแย่ยังไง แต่พวกเขาก็ยังได้เงินเดือนจากรัฐบาล

บองบองพยายามตอกย้ำยุคทองสมัยพ่อตัวเอง เขาบอกให้ทุกคนสามัคคีเข้าไว้ในช่วงเวลาแบบนี้ อภิมหาโปรเจกต์ที่สมัยพ่อริเริ่มไว้ บองบองบอกว่าจะทำมันให้สำเร็จ เช่น โรงงานนิวเคลียร์ ซึ่งพ่อเคยประกาศก่อสร้างมาแล้ว มีการเบิกงบประมาณ แต่ทำไม่สำเร็จ บองบองสัญญาว่าจะสานต่อมรดกของพ่อ เป็นคำสัญญาที่ทุกคนฟังแล้วเคลิบเคลิ้ม ทุกเวทีหาเสียงของบองบอง คนจะไปฟังเป็นจำนวนมาก  

มีคนวิเคราะห์ว่า ว่ากันตามจริงแล้ว การที่บองบองได้รับคะแนนพุ่งขนาดนี้ได้ ก็เพราะว่าประธานาธิบดีคนปัจจุบันที่กำลังจะหมดวาระ อย่าง โรดรีโก ดูเตอร์เต ก็มีส่วนสำคัญในการกรุยทางให้ด้วย

โดยตามรัฐธรรมนูญฟิลิปปินส์นั้น กำหนดให้ประธานาธิบดีอยู่ในตำแหน่งได้ 6 ปี และอยู่ได้สมัยเดียว โดยตำแหน่งรองประธานาธิบดีนั้น ก็จะต้องมีการเลือกตั้งมาด้วย ยุคสมัยของดูเตอร์เตนั้น เขาประกาศสงครามยาเสพติด มีการฆ่าตัดตอนคนในประเทศเป็นจำนวนมาก มีการจับคนติดคุกอย่างมโหฬาร แม้ทั่วทั้งโลกจะประณามฟิลิปปินส์ แต่ดูเตอร์เตก็ไม่สนใจ ยักไหล่ไม่แยแส

เขาปกครองประเทศด้วยความแข็งกร้าว มีการบุกสำนักข่าวอิสระ แจ้งข้อหากลั่นแกล้ง เผยแพร่ข้อมูลเท็จลงไปในโลกออนไลน์ (ทีมงานดูเตอร์เตเองก็ใช้สื่อออนไลน์อย่างหนัก ไม่แพ้ทีมบองบองเช่นกัน)

นักวิชาการชี้ว่า การปกครองประเทศแบบอำนาจนิยมของดูเตอร์เตนี่แหละ เป็นการปูทางให้กับครอบครัวมาร์กอสกลับสู่การเมืองง่ายขึ้น เพราะมันทำให้คนฝันถึงอดีตสมัยมาร์กอสครองเมือง มีความแข็งกร้าว ทำให้ประเทศเป็นระเบียบสงบราบคาบ ช่วงเวลาของดูเตอร์เตกับมาร์กอสนั้นดูคล้ายกันมาก มันทำให้บองบองได้รับอานิสงส์จากตรงนี้ด้วย

ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นว่า โลกเราตอนนี้ อยู่ในยุคเผด็จการอำนาจนิยมขาขึ้น และประชาธิปไตยถดถอยอย่างเห็นได้ชัด

ตอนนี้ดูเตอร์เตเองได้ส่งลูกสาวลงชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีด้วย โดยได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวมาร์กอส โดยเฉพาะบองบอง นั่นทำให้ดูเตอร์เต ซึ่งก่อนหน้านี้เคยพูดถึงบองบองว่า เป็นลูกคุณหนูที่มีแต่คนตามใจ เปลี่ยนมาสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่ หากบองบองได้เป็นประธานาธิบดี และลูกสาวดูเตอร์เตชนะเลือกตั้งได้เป็นรองประธานาธิบดี มันคงเป็นส่วนผสมที่ลงตัว และดูเตอร์เตคงสุขใจเป็นอย่างยิ่ง

เช่นเดียวกับครอบครัวมาร์กอส

4

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ครอบครัวมาร์กอสยังโลดแล่นในการเมืองฟิลิปปินส์ได้อย่างปกติสุขนั้น อาจเป็นเพราะว่า ภายหลังการปฏิวัติประชาชนแล้ว ฟิลิปปินส์ไม่เคยสะสางกับอดีตที่โหดร้ายอย่างจริงจังเข้มข้น พอมาร์กอสตายในปี 1989 ครอบครัวคนที่เหลืออยู่ก็กลับมาประเทศได้ในปี 1991 และเข้าสู่เวทีการเมืองกันเป็นปกติ ราวกับพวกเขาไม่เคยมีมลทินในอดีต ราวกับว่าความตายของมาร์กอส จะเป็นจุดสิ้นสุด ปิดฉากระบอบอันโหดร้ายลงไป โดยไม่ต้องรื้อฟื้นกันอีก

ครอบครัวมาร์กอสกลับฟิลิปปินส์อย่างยิ่งใหญ่ และมีชีวิตราวกับเซเลบคนดัง พวกเขายังคงมีเครือข่ายคนรู้จักมากมาย โดยเฉพาะชนชั้นนำในฟิลิปปินส์ ซึ่ง อิเมลดา มาร์กอส ก็เคยลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 1992 แม้จะแพ้ไป แต่เธอก็ได้รับเลือกเป็น ส.ส. ในเวลาต่อมา

น้องสาวของบองบอง ก็ได้รับเลือกเป็นวุฒิสมาชิกในปี 2019 ก่อนหน้านี้ เธอเป็นผู้ว่าการจังหวัดอีโลกอสมา 9 ปี โดยลูกชายของเธอก็เป็นผู้ว่าการจังหวัดอีโลกอสสืบทอดต่อเช่นกัน ด้านลูกชายของบองบองเอง แม้อายุเพียง 28 ปี แต่กำลังจะเริ่มเข้าสู่เวทีการเมืองแล้ว

สำหรับตัวบองบองนั้น ทางอิเมลดาเคยบอกว่า อยากให้ลูกได้เป็นประธานาธิบดี ตั้งแต่เขายังอายุได้ 3 ขวบ โดยตอนที่พ่อของบองบองถูกโค่นนั้น เขาก็เล่นการเมืองอยู่แล้ว และหลังครอบครัวกลับมาจากการลี้ภัย บองบองก็กลับมาเล่นการเมืองตลอด เขาเป็นวุฒิสมาชิก เคยลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี มีชื่อเสียง มีฐานเสียง เป็นที่รู้จักในสังคมฟิลิปปินส์อย่างยาวนานหลายสิบปี

และการเลือกตั้งครั้งนี้ บองบองกำลังจะทำความฝันของแม่ตัวเองเป็นจริงจนได้

5

ต้องอย่าลืมว่าหลายปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจฟิลิปปินส์ย่ำแย่ลงมาก คนจนเยอะขึ้น หลังการโค่นล้มมาร์กอสลงได้ ประธานาธิบดีคนต่อๆ มา ก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมากไปกว่าสร้างข่าวคาวเรื่องการทุจริต ประเทศก็ไม่ได้เจริญก้าวหน้า หลายคนจึงเริ่มฝันถึงอดีต ยุคมาร์กอสที่รุ่งเรือง หลายคนจำได้ถึงยุคที่เงินเปโซ ซึ่งเป็นสกุลเงินของฟิลิปปินส์เข้มแข็ง

พวกเขามองมาร์กอสคนพ่อเป็นรัฐบุรุษของประเทศเสียแล้ว

ด้วยเหตุนี้เอง ตัวบองบองจึงไม่เคยกล่าวขอโทษถึงการจับกุมทรมานคนเห็นต่างในสมัยพ่อแม้แต่คำเดียว โลกออนไลน์ได้สะพัดข้อมูลเท็จหลายอย่างเกี่ยวกับมาร์กอสคนพ่อ ซึ่งทั้งหมดก็เอื้อและเป็นคุณให้กับมาร์กอสคนลูกอย่างมาก นอกจากจะมีคนมาฟังการหาเสียงอย่างล้นหลามแล้ว บางคนยังชูรูปมาร์กอสคนพ่อกับอิเมลดา ในการฟังปราศรัยด้วย

ที่ผ่านมา บองบองเองก็มีข้อครหาเรื่องการคอร์รัปชัน เลี่ยงภาษี แต่ทุกครั้งที่คดีดำเนินไปถึงจุดหนึ่ง ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้จะมีการยึดทรัพย์สินโกงชาติของครอบครัวมาร์กอสบ้าง แต่คนก็ยังนิยมครอบครัวนี้อยู่ดี นักวิชาการชี้ว่า เหตุการณ์นี้เผยให้เห็นความล้มเหลวในกระบวนการยุติธรรมของฟิลิปปินส์อย่างแท้จริง

คาดกันว่า แม้มาร์กอสคนพ่อจะโปรอเมริกาแบบสุดๆ แต่บองบองจะต้องเผชิญกับทางแพร่งอิหลักอิเหลื่ออย่างมาก เพราะว่าตอนนี้ จีนก็มีบทบาทในภูมิภาคนี้มากยิ่งขึ้น เขาจะต้องดำเนินการทูตและรักษาความสัมพันธ์ทั้งจีนและอเมริกา ถ่วงดุลให้ดี นี่ก็เป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก

ส่วนคำถามที่ว่า มาร์กอสคนลูกจะเจริญรอยตามพ่อ เป็นเผด็จการเหมือนกันไหม มีหลายคนวิเคราะห์ว่า ทั้งสองไม่น่าจะเดินตามเส้นทางเดียวกันได้ เพราะตัวบองบองก็ไม่ได้มีความทะเยอทะยานแบบพ่อตัวเองที่คิดว่าตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นของเขาไปชั่วชีวิต

อย่างไรก็ดี การขึ้นมามีอำนาจของบองบอง และการที่เขาจะชนะเลือกตั้งนั้น ก็สะท้อนความล้มเหลวหลายเรื่องในฟิลิปปินส์อยู่ดี ทั้งเรื่องประวัติศาสตร์ที่ถูกทำให้ลืม ทั้งระบบการเมืองที่ถูกผูกขาดเฉพาะในตระกูลชนชั้นนำเสมอ และแน่นอน การที่ลูกเผด็จการจะกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี โดยมีคนฟิลิปปินส์จำนวนมากเลือกเขานั้น มันก็แสดงถึงระบอบประชาธิปไตยที่ไม่มั่นคง ซึ่งไม่ได้มีแค่ฟิลิปปินส์เท่านั้น แต่หลายประเทศในภูมิภาคแห่งนี้ก็มีจุดร่วมแบบเดียวกัน คือประชาธิปไตยอ่อนแอกว่าระบอบอำนาจนิยมเผด็จการ

สำหรับครอบครัวมาร์กอส ทั้งอิเมลดาและตัวบองบอง รวมถึงสมาชิกครอบครัวคนอื่นๆ นั้น หลายปีหลังกลับจากการลี้ภัย พวกเขาอาจแพ้บ้าง ชนะบ้าง ในเวทีการเมือง ถูกยึดทรัพย์ ถูกตราหน้าจากในสังคมและจากคนทั้งโลกว่าเป็นครอบครัวโกงชาติ เป็นเผด็จการ มีคดีมากมายที่กำลังดำเนินไปเรื่อยๆ มีทรัพย์สินที่เสี่ยงถูกยึด แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนสำหรับครอบครัวนี้ และสะท้อนอะไรหลายอย่างในฟิลิปปินส์ได้เป็นอย่างดี ก็คือ

‘ไม่เคยมีคนในครอบครัวมาร์กอสแม้แต่คนเดียวที่ต้องติดคุก’

 

ข้อมูลอ้างอิง

 https://asia.nikkei.com/Spotlight/The-Big-Story/The-Marcos-revival-How-late-Philippine-dictator-s-son-went-from-exile-to-election-favorite

https://www.npr.org/2022/04/12/1090802987/philippines-elections-ferdinand-bongbong-marcos-junior

Why Bongbong Marcos Is Favored in the Philippines Election | Time

 https://thepeople.co/imelda-marcos-first-lady-of-philippines/

Tags: , , , , , ,