1

“เพื่อนวัยเด็กเรียกเขาว่า ซัดดัมน้อย”

นักข่าวตะวันตกได้พูดคุยกับแหล่งข่าวชาวซาอุดีอาระเบียคนหนึ่ง แม้จะเป็นประเทศที่ดูร่ำรวย ผู้หญิงสามารถขับรถได้ มีการจัดแสดงคอนเสิร์ต คนไปชมภาพยนตร์ได้ แต่ดูเหมือนซาอุดีอาระเบียตอนนี้จะดูน่าวังเวงกว่าเดิม

แหล่งข่าวคนนี้เก็บมือถือไว้มิดชิด เพื่อป้องกันการถูกดักฟัง นั่นเป็นสิ่งที่พบเห็นได้เป็นปกติในประเทศจีน แต่ไม่ใช่ในซาอุฯ มหามิตรสนิทกับอเมริกา

ว่ากันว่า แม้แต่คนที่ไม่สนใจเรื่องการเมือง ยังไม่อยากเอามือถือมาไว้ใกล้ตัวเลย

นี่คือซาอุดีอาระเบียยุคใหม่ ภายใต้กษัตริย์ซัลมาน บิน อับดุล อาชิช อัล ชาอุด ซึ่งขึ้นครองราชย์ในปี 2015 และเขาได้แต่งตั้งรองมกุฎราชกุมารที่ชื่อว่า เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน (Mohammed bin Salman – ซึ่งบทความนี้เราจะเรียกเขา ตามที่เจ้าตัวบอกให้คนทั้งโลกเรียกย่อๆ ว่า MBS) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความวังเวงนี้

เจ้าชาย MBS เป็นโอรสองค์โตของกษัตริย์ซัลมานกับพระมเหสีองค์ที่ 3 ทุกวันนี้องค์ชายแทบจะเป็นผู้ปกครองตัวจริงในซาอุดีอาระเบีย เขากุมอำนาจ เขาโหดเหี้ยม เขารุนแรงไม่สนใจต่อความเห็นต่าง แต่ก็ยังฉลาดเฉลียว หลักแหลม เข้าใจศิลปะแห่งอำนาจ เท่าทันตะวันตกและการปรับตัว

ยืนหยัดในกระแสโลก ท่ามกลางความวุ่นวาย ซาอุดีอาระเบียเป็นตัวแปรสำคัญที่มหาอำนาจละเลยไม่ได้ ดังนั้น MBS ก็คือชายที่ทั่วทั้งโลก ประมาทไม่ได้เด็ดขาด

ทั้งที่ไม่มีใครคิดมาก่อนว่าพระองค์จะก้าวเดินมาได้ไกลถึงขนาดนี้

เอาแค่ว่าจากจุดเริ่มต้นที่เป็นเพียงอันดับ 3 ของประเทศ เขากลับขยับตัวเองมาเป็นอันดับ 2 และแทบจะเป็นเบอร์ 1 ของซาอุฯ กลายๆ ในตอนนี้

นี่ไม่เรียกว่ามาไกล ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว

2

สมัยเด็กไม่มีใครอยากเตะฟุตบอลกับ MBS แม้จะรู้ว่านี่คือเจ้าชาย แต่ในประเทศที่มีองค์ชายเกือบ 1.5 หมื่นคน มันก็ยากหน่อยที่เขาจะโดดเด่นมาได้

พระองค์เป็นโอรสของมเหสีที่มาจากเผ่าพื้นเมืองในประเทศ แตกต่างจากเมียของกษัตริย์ซัลมาน ที่เป็นผู้หญิงมีการศึกษา ขณะที่ลูกคนอื่นๆ ถูกส่งไปเรียนมหาวิทยาลัยที่อเมริกาหรือไม่ก็อังกฤษ MBS น้อย กลับได้ไปเรียนใมหาวิทยาลัยในประเทศแทน ท่ามกลางคำเย้ยหยันจากเจ้าชายองค์อื่นว่า “นี่เป็นองค์ชายชนเผ่า”

แม้ MBS จะมีศักดิ์สูงส่งในสังคมชนชั้นของซาอุฯ แต่พระราชบิดาไม่ค่อยมาเยี่ยมหรืออยู่ด้วยบ่อยนัก ตอนที่พวกราชนิกุลไปแล่นเรือยอร์ชที่ฝรั่งเศส MBS น้อย เป็นเพียงเด็กรับใช้ที่วิ่งไปหยิบบุหรี่ ทำธุระให้ตามที่คนอื่นสั่ง ตอนถ่ายภาพหมู่ ดูเหมือนเขาจะอยู่ที่ขอบภาพ ไม่ได้มีความสำคัญอะไรแม้แต่น้อย

แต่ในประเทศซาอุดีอาระเบียนั้น เจ้าชายก็คือเจ้าชาย แม้จะด้อยกว่าฐานันดรเดียวกัน แต่เขาก็ยังสูงส่งกว่าคนทั่วไปเสมอ

ว่ากันว่า การที่เจ้าชายได้ทรงศึกษาต่อในประเทศ ทำให้เขามีโอกาสใกล้ชิดพระราชบิดามากกว่าเดิม สิ่งที่ทำให้โอรสองค์นี้ก้าวเข้าไปเป็นลูกรักของกษัตริย์ซัลมานได้นั้น ก็เพราะกษัตริย์เองทรงมีพระจริยวัตรที่เป็นระเบียบเป๊ะ จะเริ่มทำงานตอนแปดโมงเสมอ และสมัยกษัตริย์ซัลมานเป็นมกุฎราชกุมาร พระองค์ดูสนใจการบริหารกรุงริยาด เมืองหลวงซาอุฯ มากกว่าจะไปทำงานในคณะกรรมาธิการหรูหรา

แม้ถึงปัจจุบันกษัตริย์ซัลมานก็ยังมีรูปแบบการทำงานเหมือนเดิม ขณะที่ลูกหลานของพระองค์มีความหรูหราตามแบบตะวันตก แต่องค์ชาย MBS จะดูติดดินกว่า เพราะเรียนหนังสือในประเทศ และได้รับอุปนิสัยจากพ่อ นั่นก็คือการทำงานหนัก จุดนี้ทำให้ได้ใกล้ชิดพระราชบิดา แม้จะเป็นราชนิกุลชายขอบ แต่ก็ได้รับการศึกษาอย่างเต็มที่ จนได้รับความไว้วางใจจากพ่อมากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อกษัตริย์ซัลมานครองราชย์ MBS ก็ได้รับตำแหน่งการทำงานที่ก้าวหน้ามากกว่าเดิม จากนั้นเขาก็ดำเนินการปฏิรูปหลายด้าน บางอย่างก็คล้ายการรัฐประหาร

แม้จะเป็นเพียงเบอร์ 2 ในประเทศตอนนี้ แต่ด้วยสังขารของกษัตริย์ซัลมานที่ชราลงเรื่อยๆ เจ้าชาย MBS จึงฉายแสงและมีบทบาทในประเทศมากกว่าเดิม

“ตอนนี้กษัตริย์ซัลมานแทบจะไม่ได้ปฏิบัติพระราชกรณียกิจเยี่ยงพระราชาอีกแล้ว”

3

มกุฎราชกุมาร MBS มีความหลงใหลในเรื่องราวของตำนานกษัตริย์อเล็กซานเดอร์มหาราช ตั้งแต่วัยรุ่น ชอบเกมส์ Call of Duty อย่างมาก พระองค์ไม่ทนเสียงคัดค้านวิจารณ์ เขาได้รับฉายาอย่างลับๆ ว่า เจ้าพ่อกระสุน เพราะเวลาไม่พอใจอะไรก็ยิงกระสุนสนั่นวัง แม้แต่พระราชมารดา ซึ่งเคยโต้เถียงกัน ก็เคยโดนกระสุนสาดใส่เพดานมาแล้ว

มีเสียงร่ำลือว่าพระองค์เล่นยา กินดื่มบ้าง แน่นอนว่าทางการซาอุฯ ได้ออกมาปฏิเสธ แต่ยามที่เดินทางไปตะวันตก ล่องเรือส่วนตัวในมหาสมุทร ใครเล่าจะรู้ สื่อมวลชนที่ไปทำข่าวบอกว่า ภาษาอังกฤษของ MBS ดีขึ้นกว่าเดิมเยอะเลยตั้งแต่ปี 2016

จากองค์ชายชนเผ่า เมื่อถึงปี 2015 เขาก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองมกุฎราชกุมาร พร้อมมอบหมายงานให้เป็นรัฐมนตรีกลาโหม และงานแรกของ MBS ก็คือการบุกโจมตีเยเมน เพื่อสกัดอิทธิพลของอิหร่าน การรุกรานครั้งนี้ แม้กระทั่งมหามิตรอย่างอเมริกาก็เพิ่งมารู้ในช่วงนาทีท้ายๆ ก่อนการบุกด้วย

การขยับจากรองมกุฎราชกุมารมาเป็นมกุฎราชกุมารนั้น MBS ทำได้อย่างเรียบง่ายแต่ลือลั่น ในปี 2015 ขณะนั้นมกุฎราชกุมารตัวจริงเป็นเจ้าชายที่คุมข่าวกรองของประเทศ มีบทบาทในการจัดการกลุ่มผู้ก่อการร้ายเคียงข้างอเมริกา

ในวันหนึ่งมกุฎราชกุมารได้รับแจ้งให้ไปเข้าเฝ้ากษัตริย์ เขาเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์มาที่วัง เมื่อมาถึงกลับไม่พบกษัตริย์ซัลมาน แต่ดันเจอ MBS และคนของเขาที่สั่งปลดอาวุธและยึดมือถือ ก่อนตรงเข้าไปหอมแก้มอย่างรักใคร่ แล้วบอกให้สละตำแหน่งนี้ไปเสียเถอะ

ท้ายที่สุดเจ้าชายผู้คุมข่าวกรองก็ออกจากตำแหน่งมกุฎราชกุมาร และถูกกักขังในตอนนี้ ว่ากันว่าการเชือดรัฐประหารแบบนี้ เป็นวิธีการเดียวกับที่ซัดดัม ฮุสเซน อดีตประธานาธิบเผด็จการของอิรักเคยใช้มาก่อน

หมากตานี้จบลงที่ MBS ขยับมามีอำนาจมากขึ้นกว่าเดิม

เสี้ยนหนามที่ขวาง MBS ยังไม่หมดสิ้น และหากอยากจะเป็นใหญ่ ก็ต้องกำจัดศัตรูให้ราบคาบ เดือนตุลาคม 2017 เขาจัดงานประชุมการลงทุนในโรงแรมหรู มีการเชิญนักธุรกิจระดับโลก คนในแวดวงการเมืองระดับตำนาน MBS ขายฝันเรื่องสมาร์ทซิตี้ การพลิกฟื้นซาอุฯ

แน่นอนว่าเหล่าราชนิกุลในประเทศก็ต้องเข้าร่วมด้วย เพราะนี่คือโอกาสทองของการหาสายสัมพันธ์ขยายผลทางธุรกิจ อย่างไรก็ดี เมื่อพวกเขามาถึง คนต่างชาติที่มีชื่อเสียงได้กลับไปหมดแล้ว พวกเขาอยู่ในห้องประชุมที่ไม่มีอะไรใช้เป็นอาวุธได้เลย

หลังจากนั้น พวกเขาถูกจับกุมอยู่หลายสัปดาห์ ราชนิกุลผู้ร่ำรวยถูกทุบตีข่มขู่ทรมาน โดยมีข้อตกลงคือต้องยอมก้มหัวศิโรราบให้กับ MBS พร้อมกับโอนเงินทรัพย์สินรวมกันกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกาคืนแก่พระคลังซาอุดีอาระเบีย

วินาทีนี้มกุฎราชกุมารใหญ่จริง และหากใครคิดว่าเกิดเป็นเจ้าชายและเจ้าหญิงในซาอุดีอาระเบีย แล้วใครจะแตะต้องไม่ได้ นั่นเป็นสิ่งที่ไม่จริงอีกแล้ว แม้กระทั่งเจ้าหญิงลูกกษัตริย์ซัลมาน ลูกพี่ลูกน้องกับ MBS ก็ยังเคยถูกจับติดคุก 3 ปี โดยไม่มีการแจ้งข้อหา แม้จะปล่อยตัวออกมา แต่ก็ยังต้องใส่กำไลอีเอ็มอยู่ตลอดเวลา

นักข่าวที่เขียนประวัติ MBS บอกว่า องค์ชายแจ้งว่าราชนิกุลซาอุดีอาระเบียมีส่วนในการยักยอกเงินหลวง นี่คือการจัดการปราบคอรัปชันในประเทศ 

“แต่เท่าที่สังเกต นี่มันคือการกรรโชกทรัพย์แบบพวกมาเฟีย มากกว่ากระบวนการยุติธรรมเสียอีก”

หลังจากเหตุการณ์นี้ MBS ก็คือผู้ยิ่งใหญ่ตัวจริงของซาอุดีอาระเบีย ที่คนในประเทศทำอะไรไม่ได้ จนเมื่อจามาล คาช็อกกี คอลัมนิสต์สื่อวอชิงตันชาวซาอุฯ โพสต์วิจารณ์ MBS อย่างรุนแรง ทำให้มีการสั่งหน่วยสังหารเดินทางไปสถานทูตซาอุในตุรกี เมื่อคาช็อกกีเดินทางเข้าไปในสถานทูต เพื่อทำเรื่องขอหย่ากับภรรยา เพื่อจะได้แต่งงานใหม่ นักฆ่าได้โผล่มาสังหาร ก่อนหั่นศพ แยกย้ายเอาไปทิ้ง

เหตุการณ์นี้ช็อกโลกอย่างมาก ไม่นับว่ามันเป็นการคุกคามเสรีภาพสื่อ แต่ยังเป็นการก่อเหตุสะเทือนขวัญ ที่กระทบทั้งอเมริกา ตุรกีและซาอุดีอาระเบียด้วย

ทางการตุรกีไม่ทนต่อเรื่องนี้ พวกเขาสืบสวนและลอบปล่อยคลิปเสียงตอนสังหาร มีการโชว์วงจรปิดภาพผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นคนใกล้ชิด MBS ทั้งหมด แม้จะมีการจับกุมลงโทษในซาอุฯ แต่ใครเล่าจะเชื่อว่าคนพวกนี้ทำโดยพลการ หน่วยข่าวกรองซีไอเอยืนยันว่าเจ้าชายคือผู้บงการและเป็นคนอนุมัติปฏิบัติการนี้ด้วยซ้ำไป

ผู้ใกล้ชิดเจ้าชายเผยว่า พระองค์ถึงกับงงเป็นอย่างมาก ที่ถูกทั้งโลกประณาม เพราะก่อนหน้านี้เขาทั้งเก็บเจ้าชายด้วยกันเอง อุ้มฆ่านักกิจกรรมในประเทศ ซึ่งหลายประเทศก็รับรู้ แต่พอเป็นการฆ่าหั่นศพคาช็อกกี ทำไมถึงมีกระแสตีกลับรุนแรงแบบนี้

“ทำไมพวกเขาถึงเป็นเอามาก กับการฆ่านักข่าวแค่คนเดียวนะ” ช่างเป็นคำถามที่ MBS สงสัยเป็นอย่างมาก

กว่าจะได้รับคำตอบ ภาพลักษณ์ของเจ้าชายนักปฏิรูปก็แปรเปลี่ยนเป็นเผด็จการสุดเหี้ยมโหดเสียแล้ว ทำเอาซาอุดีอาระเบียสะเทือนสั่นไหว แม้แต่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ขณะหาเสียงได้กล่าวโจมตี MBS และยืนยันว่าจะไม่ขอพบหน้าพูดคุยด้วยเด็ดขาด

แต่สถานการณ์ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป พลันที่มีเผด็จการรายใหม่ที่เหี้ยมกว่าเดิมเกิดขึ้น เมื่อ วลาดีมีร์ ปูติน ของรัสเซียรุกรานยูเครน

ปธน.ไบเดนถึงกลับต้องกลืนน้ำลายเดินทางไปพบ MBS เกจิการเมืองระหว่างประเทศถึงกับพูดว่า

“มันเหมือนการตบหน้าไบเดนเลย”

4

มีคนบอกว่าหากคุณเป็นเผด็จการที่ร่ำรวยมากๆ เดี๋ยวก็จะมีใครเข้าหาเอง สิ่งนี้สะท้อนถึงเจ้าชาย MBS ได้เลย แม้พระองค์จะทำซาอุดีอาระเบียตกที่นั่งลำบาก หลังสร้างความโหดร้ายสะเทือนโลก แต่เพราะเขามีเงินมหาศาล เพราะเขาเล็งเห็นความก้าวหน้าบางอย่าง ที่ทำให้สังคมซาอุฯ มีเจริญทางวัตถุขึ้น ทำให้โลกจับตา แต่สำหรับคุณค่าประชาธิปไตยแล้ว นั่นไม่ใช่สิ่งที่พระองค์สนใจ

ก่อนการลอบสังหารคาช็อกกี ดูเหมือน MBS จะได้รับความนิยมในอเมริกามาก เพราะเขามีเงินมหาศาลที่จะอยากลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยี แต่เมื่อการฆ่าเกิดขึ้น ทุกคนก็ต้องถอยห่าง จนเมื่อรัสเซียรุกรานยูเครน ความพยายามปิดล้อมรัสเซียไม่ได้จำกัดแค่ในยุโรปเท่านั้น แต่ยังลามไปทั่วโลก

อเมริกาต้องดึงทั้งโลกคว่ำบาตรรัสเซีย และซาอุฯ จ้าพ่อบ่อน้ำมัน ก็ต้องมีส่วนร่วมด้วยเพื่อปิดล้อมไม่ช่วยซื้อขายสินค้าจากรัสเซีย

MBS ได้เปรียบอย่างสูงจากการพบไบเดน เขาใช้มันเป็นโอกาสทองบีบปธน. เยเมนให้ลาออกจากตำแหน่ง เขาใช้มันเป็นโอกาสทองในการสานสัมพันธ์กับอเมริกา เพื่อดึงดูดนักลงทุนให้กลับมาซาอุฯ ใหม่ เขาได้ภาพลักษณ์ที่ดูดียิ่งขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะมีเพียงปูตินที่อยากญาติดีกับเจ้าชายเท่านั้น

ที่สำคัญ MBS ได้คำตอบเป็นบทเรียนล้ำค่าว่า “อย่าฆ่านักข่าวที่พบปะกับนักการเมืองในสภาอเมริกาเด็ดขาด”

นี่คือชายที่โหดเหี้ยม แต่เปิดกว้างบางอย่าง ด้วยวัยไม่ถึง 40 ปี เขากระทำการหลายอย่างที่ดูรุนแรง ก้าวหน้า และพาซาอุดีอาระเบียไปในทิศทางที่เขาต้องการ

ไม่มีใครรู้ว่าด้วยอายุที่มากขึ้น เมื่อถึงวันที่เขาก้าวสู่ตำแหน่งกษัตริย์ ซาอุดีอาระเบียจะเป็นอย่างไร แต่ทุกหมากก้าวย่างของ MBS นั้นไม่ธรรมดา เขาแพรวพราวกว่าที่คิด จากองค์ชายที่ไม่มีใครสนใจ ก้าวสู่ชายที่มีอำนาจและเป็นที่รู้จักกันทั้งโลก

ซาอุดีอาระเบียวันนี้มีความฝันจะเป็นเมืองสุดอลังการที่ลดการพึ่งพิงน้ำมันน้อยลง ดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลก เขามีความคิดจะจับมือกับอิสราเอล ซึ่งกษัตริย์ซัลมานยับยั้งไว้ก่อน แต่มันหยุดความฝันเขาไม่ได้แน่ในอนาคต

ประเทศกว้างใหญ่แห่งนี้กำลังเปลี่ยนไป แต่คนเห็นต่างก็ต้องเงียบเสียงลงกว่าเดิม ความเจริญมากกว่านี้มาแน่ แต่การครอบงำสอดส่องมีเยอะขึ้น ประเทศใต้อุ้งมือของ MBS จะดูวังเวงน่ากลัวขึ้น และเจ้าชายจะยังมีบทบาทในซาอุไปอีกยาวนาน

ดังนั้น ทุกคนต้องปรับตัว ไม่มีใครกล้าพูดจากล่าวหาว่าร้ายต่อ MBS อีกต่อไป ซาอุดีอาระเบียยุคใหม่ไร้ซึ่งเสียงด่าทอวิจารณ์ผู้ปกครอง มันไม่มีอีกแล้ว ทุกคนล้วนต้องปรับตัวตามเส้นทางที่เจ้าชายกำหนด หากยังหวังอยากมีชีวิตรอด ตามที่นักวิเคราะห์การเมืองบอกกับสื่อตะวันตก แบบไม่ขอเปิดเผยชื่อโดยเด็ดขาดว่า

“ฟังนะ ผมอยู่รอดมา 4 แผ่นดินแล้ว ดังนั้น ขอให้ผมได้อยู่รอดต่อไป ในแผ่นดินที่ 5 เถอะ”

 

อ้างอิง

https://www.washingtonpost.com/business/energy/all-about-mohammed-bin-salman-the-prince-at-the-center-of-us-saudi-reset/2022/06/08/35167b98-e74d-11ec-a422-11bbb91db30b_story.html

https://www.aljazeera.com/features/2017/12/14/profile-crown-prince-mohammed-bin-salman

MBS: despot in the desert | The Economist

https://www.theatlantic.com/magazine/archive/2022/04/mohammed-bin-salman-saudi-arabia-palace-interview/622822/

Tags: , , , ,