1

“ถ้าเราใช้ระเบิดนิวเคลียร์ แล้วหยุดกองทัพจีนไม่ได้ เราควรขยับไปถล่มจุดอื่น เช่น เซี่ยงไฮ้”

พลันที่ก่อน ระหว่าง และหลัง แนนซี โพโลซี (Nancy Pelosi) ประธานสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐอเมริกา เดินทางไปเยือนไต้หวัน สถานการณ์ในพื้นที่โดยรอบก็ระอุขึ้นอีกครา เรียกได้ว่าเขย่าขวัญกันทั้งโลก เพราะจีนซึ่งประกาศฮึ่มๆ ไปก่อนหน้านี้ ก็ได้ซ้อมรบแสดงแสนยานุภาพบริเวณโดยรอบไต้หวัน ด้วยกระสุนจริง

โลกดุเดือดขึ้นยิ่งไปกว่าเดิม ท่ามกลางคนจำนวนมากที่หลอนคิดว่า สถานการณ์ขยับเข้าใกล้ภาวะสงครามกันอีกครั้ง เพราะแน่นอนว่าจีนย่อมไม่พอใจกับการเดินทางไปเยือนไต้หวันของบุคคลระดับสูงของสหรัฐแบบนี้ เพราะขัดกับนโยบายจีนเดียวซึ่งพวกเขาประกาศกร้าวไว้นานแล้ว ว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนที่ปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์

อย่างไรก็ดี สถานการณ์ดุเดือดนี้ ไม่ได้เป็นของใหม่ เพราะเมื่อหลายสิบปีก่อน จีนเองก็เคยอหังการจะฮึ่มๆ บุกยึดไต้หวันมาแล้ว

การย้อนรอยความหลังประวัติศาสตร์คงจะพอทำให้เห็นภาพว่าเกิดอะไรขึ้นในน่านน้ำรอบไต้หวันบ้าง

 

2

ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าเกาะไต้หวันเดิม คือเกาะฟอร์โมซา ซึ่งญี่ปุ่นยึดครองไว้ในปี 1895 หลังชนะสงครามกับจีนครั้งแรก และครอบครองจนถึงปี 1945 เมื่อแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 จึงต้องคืนเกาะนี้ให้กับจีน ซึ่งตอนนั้นปกครองโดยนายพล เจียง ไคเช็ก ของพรรคก๊กมินตั๋ง

จากนั้นในปี 1949 เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์จีนเถลิงบังลังก์ชนะสงครามกลางเมือง รัฐบาลของนายพลเจียงจึงอพยพไปอยู่ที่ไต้หวัน โดยพาข้ารัฐการผู้ภักดีรวมถึงประชาชนที่หวาดกลัวภัยคอมมิวนิสต์กว่า 1 ล้านคนมาที่เกาะไต้หวัน เรียกตัวเองว่า ‘จีนคณะชาติ’ ดินแดนของไต้หวันที่ใกล้จีนสุดคือเกาะจินเหมินและเกาะหมาจู่ ซึ่งทั้ง 2 เกาะนี้อยู่ใกล้กับจีนแผ่นดินใหญ่มากกว่าไต้หวันเสียอีก และถือเป็นแนวป้องกันแรกของไต้หวัน

แน่นอนว่า เจียง ไคเช็ก มีความใฝ่ฝันเสมอว่าจะนำทัพจากไต้หวันไปยึดประเทศคืนจากพรรคคอมมิวนิสต์ ขณะนั้น อเมริกาได้ส่งกำลังช่วยเหลืออยู่เนืองๆ จนถึงปี 1954 ความขัดแย้งระหว่างไต้หวันกับจีนคอมมิวนิสต์ก็ระเบิดขึ้น 

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังสงครามเกาหลี ตอนนั้นรัฐบาลอเมริกาที่ยอมรับการมีอยู่ของไต้หวันว่าเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการของจีน เห็นว่าไต้หวันเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ ที่จะต้องป้องกันการคุกคามของคอมมิวนิสต์ แม้ตอนนั้นพวกเขามองว่าแนวคิดการบุกของเจียง ไคเช็ก จะยากที่จะทลายพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้

แต่การพ่ายแพ้ให้กับคอมมิวนิสต์เป็นไปไม่ได้ในสายตามหาอำนาจอเมริกา ดังนั้น จึงต้องส่งกำลังช่วยเหลือ และสุดท้ายความขัดแย้งนั้นก็จบลง โดยที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในแนวรบ ตอนนั้นอเมริกามีการพูดถึงระเบิดนิวเคลียร์ว่าควรถล่มเพื่อหยุดจีนแดงในการรุกรานไต้หวันหรือไม่ แน่นอนว่าผู้นำหลายชาติคัดค้านเรื่องนี้โดยเด็ดขาด

ในเดือนกันยายนปี 1954 ทางกองทัพปลดแอกประชาชนได้ปูพรมถล่มเกาะจินเหมินและเกาะมาจู่ ซึ่งอยู่ห่างไม่กี่กิโลเมตรจากแผ่นดินใหญ่ หลังพบว่านายพลเจียงนำกำลังทหารหลายพันนายไปประจำการบนเกาะทั้งสอง

อย่างไรก็ดี จีนแดงเองก็ไม่กล้าผลีผลาม เพราะขณะนั้นพวกเขาทราบมาว่า ถ้าโดนอเมริกาถล่มด้วยนิวเคลียร์จริง สหภาพโซเวียต มิตรแท้ร่วมอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ปฏิเสธที่จะใช้นิวเคลียร์ต่อต้าน นั่นทำให้สุดท้ายจีนแดงก็ต้องหยุดมาตรการคืบหน้าไปมากกว่านี้ ทุกอย่างกลับไปตึงเครียดเหมือนเดิม

จากนั้นในปี 1958 จีนคอมมิวนิสต์ ซึ่ง โจว เอินไหล นายกรัฐมนตรี เคยประกาศว่าจะต้องปลดปล่อยไต้หวันให้ได้ พวกเขาก็วางแผนและเริ่มการบุกด้วยการถล่มปืนใหญ่ครั้งใหญ่ ซึ่งความขัดแย้งครั้งที่ 2 ระหว่างจีนกับไต้หวันนี้ เป็นอีกครั้งที่โลกเฉียดเข้าใกล้การใช้ระเบิดนิวเคลียร์อีกครา

 

3

วันที่ 23 สิงหาคม 1958 พรรคคอมมิวนิสต์จีนสั่งยิงถล่มเกาะจินเหมิน เกาะหมาจู่อย่างหนักหน่วงรุนแรง เพื่อปูทางสู่การยกพลขึ้นบกของกองทัพแดงอีกครั้ง โดยมีการยิงปืนใหญ่ไปถึง 4.7 แสนลูก ตลอด 44 วันแห่งความขัดแย้งนี้

อย่างไรก็ดี ทางทหารหาญแห่งไต้หวัน ต่างระดมกำลังมารับมือป้องกันเกาะอย่างสุดความสามารถ

ทหารผ่านศึกจากเหตุดังกล่าวรำลึกความหลังว่า ทหารเรือของไต้หวันต่างป้องกันเกาะเต็มที่จากการรุกราน แม้กระทั่งแพทย์ยังเข้าไปช่วยทหารที่บาดเจ็บ ขณะที่มีแผลถูกยิงเข้าที่ท้องด้วย

“ช่วงเวลานั้น ทุกคนต่างช่วยซึ่งกันและกัน ไม่มีใครคิดถึงความเป็นความตาย มันไม่สำคัญอีกแล้ว แน่นอนว่ามันอาจฟังดูแปลกๆ แต่เวลานั้น มันเป็นเรื่องปกติมาก”

กองทัพอเมริกาจึงส่งกองเรือรบที่ 7 เข้าประจำใกล้กับไต้หวัน มีการส่งอาวุธยุทโธปกรณ์สมัยใหม่ให้ไต้หวัน ซึ่งช่วยในการต่อสู้กับการยิงถล่มจากปืนใหญ่ของจีนแดงอย่างมาก การสู้รบดุเดือด มีคนตายหลายพันหลายหมื่น แต่กองทัพปลดปล่อยประชาชนของคอมมิวนิสต์ก็ไม่อาจบุกขึ้นเกาะ ซึ่งอยู่ใกล้แผ่นดินตัวเองมากได้

สาเหตุหนึ่งคือพวกเขาไม่อาจครองน่านฟ้าได้อย่างเต็มพิกัด เพราะอาวุธของพวกเขาก็ล้าสมัยมาก และนี่ไม่ใช่สงครามที่คุ้นชิน เนื่องจากก่อนหน้านี้ก็รบแต่ในแผ่นดินมาตลอด นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ต้องยกพลขึ้นบก ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย และอาวุธของไต้หวันที่ทันสมัยกว่ามาก จึงทำให้จีนแดงต้องครุ่นคิดอย่างหนัก

ประการสำคัญก็คือ พวกเขาก็หวั่นๆ ว่าอเมริกาจะใช้ระเบิดนิวเคลียร์เหมือนกัน

 

4

อเมริกาใช้ระเบิดนิวเคลียร์กับญี่ปุ่นเพื่อหยุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในช่วงเวลานั้นพญาอินทรีเหมือนเป็นเจ้าโลก ด้วยการผูกขาดอาวุธมหาประลัยนี้ จนเมื่อถึงปี 1958 แม้สหภาพโซเวียตจะมีระเบิดนิวเคลียร์แล้ว แต่สถานการณ์ที่จีนหมายมั่นจะบุกไต้หวันนั้น ทำให้เหล่านายพลอเมริกาเสนอให้ใช้ระเบิดนิวเคลียร์อีกครั้ง โดยใช้ถล่มท่าเรือจีน เพื่อหยุดยั้งศักยภาพในการยกพลขึ้นบกไปบุกไต้หวัน

เหล่านายพลเสนอว่า หากหย่อนระเบิดปรมาณูแล้ว ยังหยุดกองทัพจีนไม่ได้ พวกเขาก็ต้องขยับเป้าหมายไปถล่มเมืองใหญ่ของจีน ซึ่งมีการเล็งเซี่ยงไฮ้ไว้

ประธานาธิบดีในขณะนั้น อย่าง ดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์ (Dwight D. Eisenhower) วีรบุรุษสงครามโลกครั้งที่ 2 ปฏิเสธแนวคิดนี้ เนื่องจากเป็นความคิดที่บ้าบิ่นเอามากๆ เพราะเหล่านายพลอเมริกายังเผยว่า

“ถ้านโยบายของเราคือป้องกันเกาะแห่งนี้ไว้ ดังนั้น ผลที่จะเกิดขึ้นตามมาก็ต้องยอมรับมัน ให้ได้”

ไม่มีใครอยากเสี่ยงเป็นคนจุดชนวนสงครามโลกครั้งที่ 3 อเมริกาจึงทำได้เพียงส่งอาวุธ เครื่องบินให้กับไต้หวัน และเมื่อกองทัพปลดปล่อยประชาชนไม่อาจครองน่านฟ้าไต้หวัน ซึ่งเป็นจุดชี้ขาดว่าจะสามารถยกพลขึ้นบกได้หรือไม่ การบุกจึงต้องยุติลง

การเจรจาทางการทูตเกิดขึ้นหลังจากนั้น จนในเดือนตุลาคม จึงมีการยุติใช้ปืนใหญ่ถล่ม ท่ามกลางผู้เสียชีวิตจากความขัดแย้งนี้เป็นจำนวนมาก

นั่นคือเรื่องราวในปี 1958 ซึ่งกองทัพจีนยังด้อยประสิทธิภาพ และตอนนั้นอเมริกายังยอมรับว่าประเทศจีนคือไต้หวัน จนในปี 1971 เมื่อจีนแผ่นดินใหญ่เข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ พร้อมกับเฉดไต้หวันออกไป พร้อมนโยบายจีนเดียว นั่นก็คือจีนที่ปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์ แต่อเมริกาก็ยังมีพันธะผูกพันกับไต้หวันอยู่

แต่ในปี 2022 นี้ จีนมีระเบิดนิวเคลียร์ มีระบบเศรษฐกิจที่ดีกว่าเมื่อปี 1958 ความตึงเครียดระหว่างไต้หวัน จีน อเมริกา จึงน่ากลัวยิ่งกว่าเมื่อหลายทศวรรษก่อนอย่างมาก

 

5

นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ว่า หากจีนจะบุกไต้หวัน ต้องเริ่มจากอะไรก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่ง แน่นอนว่ากองทัพปลดแอกของจีนคอมมิวนิสต์มีการวางแผนว่าจะรุกรานไต้หวันอย่างไรมานานหลายปีแล้ว ยิ่งศักยภาพของพวกเขาเพิ่มขีดความสามารถกองทัพให้เกรียงไกรยิ่งขึ้น แผนของพวกเขาก็ยิ่งปรับให้เหนือชั้นเข้าไปใหญ่

คาดการณ์กันว่าสิ่งแรกที่จีนต้องทำ จะต้องเริ่มจากการปิดล้อมเกาะหมาจู่ และเกาะอื่นๆ ที่อยู่ใกล้จีน และเป็นดินแดนของไต้หวันก่อน

การปิดล้อมครั้งนี้ จีนจะต้องบดขยี้ความพยายามฝ่าวงล้อมของไต้หวันและพันธมิตรอย่างอเมริกาให้ได้ เพื่อบีบให้ไต้หวันเข้าสู่การเจรจาในการรวมชาติ โดยจีนแดงต้องลดแสนยานุภาพกองทัพไต้หวันรอบเกาะหมาจู่ก่อน จากนั้นจึงตามมาด้วยการรุกรานเกาะจินเหมินอย่างเต็มรูปแบบ

คาดกันว่าพวกเขาจะถล่มเกาะจินเหมินอย่างไม่ทันตั้งตัว เน้นทำลายฐานทัพ ระบบป้องกันตัวเองในเกาะ และอาจส่งพลร่มโดดลงไปในเกาะเพื่อรุกคืบพิชิตจินเหมิน โดยเป้าหมายหลักคือยึดสนามบิน ระหว่างนั้นกองทัพจีนแดงจะต้องสร้างท่าเทียบเรือ ส่งรถสะเทินน้ำสะเทินบกลำเลียงกำลังพลเข้าเกาะอย่างต่อเนื่อง ไม่ต่างจากเหตุการณ์ดีเดย์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

หากทหารที่ยกพลขึ้นบกกับพลร่มประสานกันเป็นหนึ่งได้ ระบบขีปนาวุธในเกาะถูกทำลายราบคาบ การรุกครั้งนี้ของจีนก็จะถือว่าประสบความสำเร็จ

แต่จุดนี้มีสิ่งที่จีนต้องแลก นั่นก็คืออาจถูกคว่ำบาตรจากทั่วโลกเหมือนกรณีรัสเซียรุกรานยูเครน พวกเขาจะต้องทนจุดนี้ไปให้ได้ ภายใต้สมมติฐานว่าอเมริกากับญี่ปุ่นจะต้องมองว่าดินแดนตรงนี้ไม่พร้อมที่จะเปิดศึกสงครามครั้งใหญ่

จากนั้นพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะปิดล้อมเกาะไต้หวันทั้งหมด ไม่ให้มีการนำเข้าและส่งออกสินค้าทั้งหมด โดยถือว่าดินแดนตรงนี้เป็นอธิปไตยของจีน ใครฝ่าฝืน จีนมีอำนาจในการโจมตีเต็มรูปแบบ ยุทธการนี้มีขึ้นเพื่อบีบให้ไต้หวันต้องเจรจารวมชาติ ยิ่งเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ไต้หวันจะยิ่งขาดแคลนสินค้าแทบทุกอย่าง คนจะเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า

หากยังไม่ยอมเจรจารวมชาติอีก จีนก็จะตัดขาดไต้หวันจากโลกภายนอก ปิดกั้นเต็มรูปแบบ สั่งให้เรือรบไต้หวันต้องยอมแพ้ หากใครปฏิเสธก็จะถูกยิงให้จมลงหมด พร้อมกันนั้นพวกเขาก็จะกันไม่ให้อเมริกาหรือญี่ปุ่นเข้ามาในพื้นที่นี้เด็ดขาด และจีนต้องรับมือกับความพยายามฝ่าการปิดล้อมจากอเมริกาให้ได้ หากพวกเขาทำได้ ก็จะบีบให้สหรัฐฯ ต้องมาเจรจาหาทางออกเรื่องไต้หวัน

ระหว่างนั้นอาจมีความยินยอมให้ส่งผ่านสินค้าแก่ไต้หวันบ้าง เพื่อไม่ให้คนในเกาะอดตาย

ขั้นต่อมาคือการถล่มเกาะไต้หวันด้วยขีปนาวุธและการทิ้งระเบิดทางอากาศ ทั้งเป้าหมายทางทหารและพลเรือน เพื่อทำให้ไต้หวันหมดสมรรถภาพการรบ แน่นอนว่าจุดนี้จะเป็นสงครามที่เดือดอย่างยิ่ง ไต้หวันอาจยิงจรวดถล่มจีนแดงถึงแผ่นดินใหญ่ด้วย

วัตถุประสงค์นี้ยังคงเป็นความพยายามบีบไต้หวันเข้าสู่วงเจรจายอมรวมชาติ

หากยังไม่ยอม! ขั้นตอนสุดท้ายคือบุกไต้หวันเต็มรูปแบบ มันจะเป็นมหาสงครามครั้งใหญ่ โดยจีนจะต้องถล่มฐานทัพอเมริกาในกวมและญี่ปุ่น เพื่อทำให้อีกฝ่ายหมดศักยภาพในการส่งกำลังป้องกันไต้หวันด้วย แน่นอนว่าการรุกรานเกาะนี้ จะต้องใช้ทั้งกองทัพคนจริงๆ สงครามไซเบอร์เพื่อสร้างความสับสนให้กับไต้หวันที่ตอนนี้ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รัฐบาลของไต้หวันต้องไปตั้งกองบัญชาการใต้ดินแทน

ทหารหน่วยรบพิเศษ พลร่ม กองทัพเรือจะบุกเต็มพิกัดเพื่อยึดเกาะไต้หวัน ซึ่งสุดท้ายมันอาจหมายถึงสงครามในเอเชียตะวันออกอีกครั้ง นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา

ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนมีเดิมพันสูง เพราะในปีนี้เขาจะต้องสร้างฐานอำนาจเพื่อต่ออำนาจตัวเองเป็นสมัยที่ 3 และปูทางสู่การเป็นผู้นำตลอดชีวิต ประเด็นไต้หวันจึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อนต่อทั้งโลก ในจีนเอง และตัวสี จิ้นผิงด้วย สงครามการยึดเกาะไต้หวันอาจปูทางไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 ยิ่งกว่าที่รัสเซียบุกยูเครนด้วยซ้ำไป

สงครามซึ่งหมายถึงการมีคนบาดเจ็บล้มตายสูญเสียเป็นจำนวนมาก

แต่ดังที่สีประกาศกร้าวไว้ต่อประเด็นไต้หวัน นั่นก็คือ มันเป็นความฝันของเขาในการรวมชาติจีน ไต้หวันจะต้องรวมเป็นชาติเดียวกับจีนให้ได้

สีเผยถึงความฝันที่คล้ายกับอุดมการณ์อันบ้าคลั่งของกองทัพสมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่นได้เคยทำมาแล้วในสงครามโลกครั้งที่ 2 จนนำไปสู่หายนะอย่างมาก นั่นก็คือ

“ทั้งหมดนี้ ทำไปเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นแห่งศตวรรษดุลอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของเอเชีย”

 

Tags: , , , , , , ,