ย้อนกลับไปวันที่ 5 มิถุนายน ปี 1963 เกิดเหตุการณ์สำคัญครั้งยิ่งใหญ่บนแผ่นดินประเทศอิหร่าน ซึ่งภายหลังเรียกกันว่า ‘15 กอร์ดัด 1342’ (15 Khordad 1342 Uprising) หลังจาก อะยา ตอลลาห์ โคไมนี (Ayatollah Khomeini) ผู้นำด้านจิตวิญญาณแห่งศาสนาอิสลาม และผู้นำทางการเมืองฝ่ายอนุรักษ์ ตัดสินใจประกาศปลุกระดมประชาชนนับล้านให้ออกมาปฏิวัติโค่นล้มการปกครองระบอบกษัตริย์ ภายใต้อำนาจของ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี (Mohammad Reza Pahlavi) หรือ พระเจ้าชาร์ (Shahanshah Aryamehr) แห่งเปอร์เซีย ที่ทรงครองราชย์มานานถึง 38 ปี แม้บ้านเมืองขณะนั้นจะมีความเจริญอย่างมาก ทั้งด้านระบบสาธารณูปโภค โครงสร้างทางสังคม และสิทธิสตรี

สาเหตุหลักที่ทำให้ประชาชนชาวอิหร่านตัดสินใจลุกขึ้นมาโค่นล้มบัลลังค์พระเจ้าชาร์ เพราะความเจริญดังกล่าว ล้วนตกอยู่กับฝ่ายข้าราชการ และชนชั้นสูง ไม่ใช่ประชาชนระดับรากหญ้า ขณะเดียวกัน วัฒนธรรมฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะจากประเทศสหรัฐฯ ได้หลั่งไหลเข้ามามีบทบาทและอิทธิพล จนกลุ่มนักการเมืองฝ่ายซ้าย นักอนุรักษนิยม ขบวนการนักศึกษา และผู้นับถืออิสลามแบบสุดโต่ง เกิดอาการหวั่นวิตกว่า ศาสนาประจำชาติ รวมถึงอธิปไตย จะถูกกลืนกินอีกครั้งแบบไม่รู้ตัว

นอกจากนี้ อีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้อิหร่านเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบกษัตริย์ไปสู่ระบอบสารธารณรัฐอิสลาม เนื่องจากราชาของพวกเขาเลือกที่จะกำจัดผู้เห็นต่างทางการเมือง และหันปากกระบอกปืนไปยังผู้ประท้วง ส่งผลให้การประท้วงครั้งนั้นมีประชาชนเสียชีวิตถึง 15,000 ราย ส่วน อะยา ตอลลาห์ โคไมนี ต้องถูกเนรเทศไปยังประเทศอิรักในฐานะนักโทษทางการเมือง

อย่างไรก็ดี อีก 16 ปีต่อมา (1979) อำนาจของพระเจ้าชาร์ได้เสื่อมถอยลง และเป็น อะยา ตอลลาห์ โคไมนี พร้อมกลุ่มผู้ประท้วง ที่สามารถขีดเขียนประวัติศาสตร์ชาติอิหร่านขึ้นมาใหม่ ด้านความเชื่อศาสนาอิสลามถูกชำระขัดเกลาให้กลับมามีความเคร่งครัด ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าข้อกฎหมาย และวัฒนธรรมจากชาติตะวันตกได้ถูกลบล้าง ถึงขั้นกลายเป็นข้อบาดหมางระหว่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งเหตุการณ์บางส่วนได้ถูกหยิบยกไปสร้างเป็นภาพยนตร์รางวัลออสการ์เรื่อง Argo เมื่อปี 2012

เนื่องในเดือนชนวนเหตุแห่งการปฏิวัติประเทศอิหร่าน Ways of Being Wild EP4 ขอชวนผู้ฟังร่วมถกประเด็นว่า เหตุใดศาสนาอิสลามจึงมีอิทธิพลต่อประเทศมหาอำนาจแห่งตะวันออกกลางประเทศนี้ พร้อมคำบอกเล่าผ่านมุมมองของ พงศ์ศรณ์ ภูมิวัฒน์ จากเพจ The Wild Chronicles เกี่ยวกับสภาพประเทศอิหร่าน และสถานทูตอเมริกันยุคปัจุบัน หลังจากผ่านร่องรอยการปฏิวัติมายาวนานกว่า 43 ปี

Tags: , ,