ไม่ใช่ครั้งแรกและจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่รัฐบาลฟิลิปปินส์ยื่นมือเข้ามาจัดการกับการทำงานของสื่อมวลชน โดยมีความพยายามจะสั่งแบนแฟรนไชส์ของช่อง ABS-CBN ภายในฟิลิปปินส์ ผ่านการเรียกร้องให้ศาลฎีกายกเลิกแฟรนไชส์ อ้างทำผิดกฎหมาย-มีต่างชาติถือครองเบื้องหลัง ก่อนถูกโจมตีกลับโดยฝ่ายตรงข้ามและนักเคลื่อนไหวว่าการฟ้องร้องต่อศาลเป็นไปเพื่อโจมตีสื่ออิสระที่ไม่จำนนต่อรัฐบาลภายใต้การนำของ โรดริโก ดูแตร์เต (Rodrigo Duterte)
ในขณะที่รัฐบาลระบุว่าบริษัทสื่ออายุ 66 ปีที่ทำให้ประธานาธิบดี โรดริโก ดูแตร์เต โกรธจัดจากการเผยแพร่ข่าวสารช่วงเลือกตั้งได้ละเมิดกฎหมายความเป็นเจ้าของ โดยมีบริษัทต่างชาติถือครองบริษัทเบื้องหลัง และมีส่วนร่วมในการหมิ่นประมาทอย่างรุนแรง พร้อมส่งทนายความ โจเซ่ คาลิดา (Jose Calida) มาชี้แจงว่า ABS-CBN แสดงความโลภมานานและบริษัทยังละเมิดด้วยการใช้สิทธิพิเศษอย่างไม่เหมาะสม พร้อมเก็บค่าใช้จ่ายที่ถือเป็นการเอาเปรียบสมาชิกนับล้านของช่อง
ด้าน ABS-CBN ปฏิเสธและเผยว่าการฟ้องต่อศาลของรัฐบาลน่าจะเป็นความพยายามในการปิด ABS-CBN ซึ่งจะนำไปสู่ความเสียหายต่อชาวฟิลิปปินส์นับล้าน โดยสามปีที่ผ่านมาประธานาธิบดี โรดริโก ดูแตร์เต ข่มขู่สถานีเรื่องการต่ออายุแฟรนไชส์ของ ABS-CBN มาโดยตลอด และเรียกร้องให้สถานีออกอากาศโฆษณาหาเสียงของเขา แต่สถานีปฏิเสธ โดย ยูเฮนนิโอ โลเปซ (Eugenio Lopez) ประธานบริษัทกล่าวในการประชุมผู้ถือหุ้นว่า “นี่เป็นส่วนหนึ่งของงานของเราในฐานะสถาบันสื่อ” พร้อมระบุว่า บริษัทจะจัดการกับปัญหานี้เป็นการภายใน
ก่อนหน้าที่รัฐบาลฟิลิปปินส์ในยุคของดูแตร์เตเคยยึดใบอนุญาตของเว็บไซต์ข่าว Rappler ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบประธานาธิบดีอย่างหนัก โดยเฉพาะคดีสงครามยาเสพติดที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 6,000 คน ทำให้สหภาพนักข่าวแห่งชาติฟิลิปปินส์ออกมาแถลงว่าศาลฎีกาและสภาคองเกรสมีโอกาสที่จะพิสูจน์ว่าพวกเขาเป็นอิสระต่อดูแตร์เต
“เราต้องไม่ยอมให้ความพยาบาทของชายคนหนึ่งสามารถออกมายุ่งย่ามกับเสรีภาพสื่อมวลชนและการแสดงออกของผู้คน ไม่ว่าเขาจะมีพลังมากแค่ไหน”
ฟากโฆษกของประธานาธิบดียืนยันว่านายของพวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟ้องร้องครั้งนี้แต่อย่างใด
ที่มา
https://www.nytimes.com/2020/02/10/world/asia/philippines-abs-cbn-franchise.html
ภาพ: Ted ALJIBE / AFP
