ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา วัฒนธรรมการดื่มในบ้านเราเติบโตอย่างรวดเร็ว จากเดิมที่เราดื่มค็อกเทลกันในโรงแรม ทุกวันนี้เราเห็นค็อกเทลบาร์เปิดใหม่มากมาย หลายร้านก็ได้รางวัลทั้งระดับเอเชียและระดับโลก พร้อมกับการสร้างสรรค์ค็อกเทลใหม่ๆ อย่างไม่รู้จบ

อีกหนึ่งเทรนด์ที่น่าสนใจคือการจับคู่ของเครื่องดื่มและอาหาร เพื่อยกระดับการกินดื่มให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งโดยมากเราจะเห็นการจับคู่อาหารฝรั่งกับไวน์ตามวิถีของคนโลกตะวันตก แต่แท้จริงแล้วเราสามารถจับคู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทอื่นก็ได้เช่นกัน เช่น วิสกี้ จิน รัม กับอาหารหลายชาติได้เช่นกัน โดยเฉพาะอาหารไทย

ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ DMHT ผู้นำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับโลก ที่เรารู้จักกันดีก็อย่าง ‘จอนห์นี่ วอล์กเกอร์’ ได้จัดกิจกรรมการจับคู่เครื่องดื่มกับอาหารไทยอีสานภาคตะวันออก ที่ร้านบูรพา สุขุมวิท 11

บอกก่อนว่าร้านบูรพาเป็นร้านอาหารที่ต่อยอดมาจากร้านศรีตราด ที่นำเสนออาหารภาคตะวันออกให้คนกรุงเทพฯ ได้กิน ส่วนร้านบูรพามาในคอนเซ็ปต์การเดินทางของผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งรถไฟจากภาคตะวันออกไปภาคอีสาน แล้วได้เห็นวิถีชีวิต อาหารการกินของคนอีสาน เลยกลายเป็นอาหารอีสานในมุมมองของคนภาคตะวันออก ในบรรยากาศเหมือนนั่งอยู่ในตู้เสบียงรถไฟโดยแท้

แต่ถ้าพูดถึงอาหารไทยกับการจับคู่กับค็อกเทล มักไม่ค่อยเป็นที่นิยม ซึ่งต่างจากอาหารฝรั่ง ส่วนหนึ่งคือการที่อาหารไทยมีรสชาติที่ครบเครื่องอยู่แล้ว หมายถึงเค็ม เผ็ด เปรี้ยว หวาน ในจานเดียว ซึ่งการจะหาเครื่องดื่มที่มาเติมเต็มรสชาติเลยดูเป็นเรื่องยาก 

สำหรับการทำงานร่วมกันระหว่างดิอาจิโอที่เอาเครื่องดื่มตัวใหม่มาจับคู่กับอาหารไทยของบูรพา จึงเหมือนเป็นคล้ายงานทดลอง ที่ทำให้เราก็รู้สึกสนุกกับประสบการณ์กินดื่มแบบใหม่ด้วยเช่นกัน

เครื่องดื่มตัวแรกเป็นซิงเกิลตัน ดัฟทาวน์ ซิงเกิลมอลต์ (The Singleton) แน่นอนว่าความเป็นซิงเกิลมอลต์จะให้รสชาติที่มีความซับซ้อน ช่วงหลังได้รับความนิยมจากนักดื่มที่ต้องการอะไรที่ยูนีค มีเอกลักษณ์ และการดื่มซิงเกิลมอลต์ยังให้ภาพลักษณ์ที่ดูเท่ มีรสนิยม

สำหรับซิงเกิลตันตัวนี้มาจากโรงกลั่นในเขตสเปรย์ไซด์ (Speyside) ของสกอตแลนด์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีโรงกลั่นวิสกี้อยู่จำนวนมาก ด้วยอุณหภูมิและบรรยากาศที่เหมาะสม โดยรสสัมผัสจะได้กลิ่นวนิลา มีความหวานที่ปลายลิ้น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรสเผ็ดอย่างรวดเร็ว และมีกลิ่นไม้บางๆ ในตอนท้าย

ยิ่งจับคู่กับยำแหนมข้าวทอดของร้านบูรพาที่ความพิเศษคือใช้นำพริกกุ้งมะพร้าวคลุกข้าวและนำไปทอด ใส่เครื่องสมุนไพรต่างๆ และยำให้รสจัด โดยไม่ใช้หนังหมู แต่ใช้แมงกะพรุนที่ผ่านการเซียร์กับน้ำมันงา จึงให้ความกรุบกรอบที่ดีกว่าหนังหมูที่เห็นได้ทั่วไป

การดื่มซิงเกิลตันกับยำแหนมข้าวทอดคล้ายกับเป็นการกระตุ้นการดื่มกินของเราได้ดี ด้วยรสชาติความเผ็ดของยำแหนมข้าวทอดที่เผ็ดจริงจัง พอดื่มซิงเกิลตันเข้าไปด้วยแล้วความเผ็ดนั้นยิ่งยาวนานมากขึ้นไปอีก

ตัวที่สองเป็นคอปเปอร์ ด็อก วิสกี้ (Copper Dog) ตัวนี้เป็นเบลนเดด วิสกี้ ที่เอาวิสกี้จาก 8 โรงกลั่นในเขตสเปรย์ไซด์มารวมกันแล้วสร้างคาแรกเตอร์ใหม่ จนกลายเป็นเบลนเดด วิสกี้ที่ดื่มได้ง่ายและทูกรูปแบบ โดยครั้งนี้เราดื่มแบบผสมกับโซดา ทำให้รสชาติจะซาบซ่า มีความหวานเล็กน้อย และจบด้วยความเผ็ดร้อน

 

คอปเปอร์ ด็อก ได้จับคู่กับเนื้อและหมูแดดเดียวคั่วสมุนไพร โดยคอปเปอร์ ด็อก จะเป็นตัวช่วยในการตัดเลี่ยนของเมนูนี้ได้เป็นอย่างดี และยังทำให้เรากินได้ตลอดจนไม่อยากหยุดเลยทีเดียว ถือว่าเป็นการเข้าคู่กันดีที่งาม

ส่วนเมนูสุดท้ายที่เรารู้สึกเซอไพรซ์ และไม่คิดว่าจะจับคู่กันได้คือ กอร์ดอน พิงค์ พรีเมียม จิน (Gordon’s Pink) กับมะม่วงเบา น้ำปลาหวาน โดยจินตัวนี้มีความโดดเด่นที่กลิ่นของจูนิเปอร์ เบอร์รี (Juniper Berry) ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการทำจิน 

 

กอร์ดอน พิงค์ เสิร์ฟมาในแก้วทรงกว้างที่ช่วยให้กลิ่นของจูนิเปอร์ เบอร์รี ลอยมาเตะจมูกเรา แม้ยังไม่ได้ดื่มก็ตาม แต่ก็ช่วยเรียกน้ำย่อยให้อยากจะดื่มเสียเดี๋ยวนั้นเลย ยิ่งมาพร้อมกับมะม่วงเบา น้ำปลาหวาน ที่เห็นแล้วก็รู้สึกเปรี้ยวเข็ดฟัน นับเป็นการเสริมกันได้อย่างดี 

ใครว่าอาหารไทยจับคู่กับเครื่องดื่มดีๆ อย่างวิสกี้หรือจินไม่ได้ ต้องบอกว่าคิดใหม่และอยากให้คุณได้ลองมาที่ร้านศรีตราดหรือบูรพาก็ได้ เพราะทั้งสองร้านนี้เขาจริงจังมาก เรื่องการจับคู่อาหารไทยกับค็อกเทล

Tags: , ,