เพียงชั่วพริบตา สภาพอากาศที่มีแต่ไอร้อนในเดือนเมษายน ก็ถูกสายฝนในเดือนกรกฎาคมดับลงอย่างชุ่มฉ่ำ
เป็นสัญญาณว่า ‘ฤดูร้อน’ ในไทยได้สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว จากท้องฟ้าที่เคยสดใสในเดือนนั้น กลายเป็นอึมครึมด้วยเมฆฝนในเดือนนี้
และมันก็ช่างเป็นเรื่องที่แสนจะปกติ เมื่อฤดูกาลได้ผันเปลี่ยนไป ใครหลายคนก็อาจจะปรับสภาพร่างกายของตนเองไม่ทัน เพียงโดนละอองน้ำฝนสักเล็กน้อย ก็สามารถมีอาการป่วย และนอนซมอยู่ที่เตียงได้อย่างง่ายดาย
ดังนั้นแล้ว หนึ่งในวิธีการป้องกันให้ร่างกายไม่เจ็บป่วย คือการเตรียมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้พร้อม รวมถึงทำให้ร่างกาย ‘ฟิตแอนด์เฟิร์ม’ อยู่ตลอดเวลา
เมื่อตั้งเป้าหมายไว้เช่นนั้นแล้ว วันนี้ The Momentum จึงไม่รอช้าที่จะได้เดินหน้าทำภารกิจ เพื่อตามหาเมนูอาหารที่จะทำให้ร่างกายแข็งแรง โดยจุดหมายปลายทางในวันนี้อยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS) สถานีพร้อมพงษ์สักเท่าไร ภายในซอยสุขุมวิท 33/1
อันเป็นสถานที่ตั้งของร้านอาหารเกาหลีอย่าง ‘เดอะ ทัง (The Tang 더탕)’
หากเดินเข้ามาจากบริเวณหน้าปากซอยราวๆ 100 เมตร จะเจอร้านอาหารสไตล์เกาหลีถูกตกแต่งด้วยความมินิมอลและอบอุ่นในเวลาเดียวกัน บรรยากาศภายในร้านเมื่อเดินเข้ามาแล้วจะสัมผัสได้ถึงความ ‘โฮมมี่’ กลิ่นสมุนไพรอ่อนๆ ของทางร้านลอยหอมโชยออกมาจากก้นครัว การจัดวางโต๊ะนั่งจะมีให้เลือกทั้งแบบกลุ่มหรือแบบเดี่ยว สามารถรองรับลูกค้าที่หลากหลายได้สบายๆ
มานั่งได้เพียงไม่นาน วิกกี้-สุวิมล สุขารมณ์ หรือเรียกอีกชื่อได้ว่า ‘ซุนซู’ ผู้จัดการร้านเดอะ ทัง ก็ปรากฏตัวออกมาทักทายพวกเราด้วยรอยยิ้มและความเป็นมิตร
ซุนซูเริ่มเล่าประวัติของร้านแห่งนี้ว่า เดิมทีแล้วเจ้าของร้านเคยเปิดร้านปิ้งย่างเกาหลีในซอยสุขุมวิท 39 มาก่อนหน้าอย่างร้าน SURA KOREAN BBQ แต่พอในช่วงเกิดโรคระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า จึงทำให้พวกเขาตัดสินใจเปิดร้านอาหารเกาหลีอีกแห่งอย่าง ‘เดอะ ทัง’ เพื่อเป็นตัวเลือกแก่ผู้บริโภคที่รักสุขภาพ เพราะเมนูส่วนใหญ่ที่อยู่ในร้านแห่งนี้จะเป็นเมนูที่มีส่วนผสมของสมุนไพร และช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง
“มีเมนูอยากแนะนำพวกเราบ้างไหม” เราถาม ซุนซูยิ้มและคัดเลือกเมนูที่เป็น ‘ไม้เด็ด’ ของทางร้านมาพิชิตใจเหล่าทีมงาน The Momentum
ในเมนูแรกที่เป็น Signature Dish ของทางร้าน ที่ไม่ว่าใครมาเยือนแล้วต้องสั่งเมนูนี้ให้ได้ อย่างเมนู ‘ไก่ตุ๋นโสม’ หรือ ‘ซัมกเยทัง’ (Samgyetang: 삼계탕) ในภาษาเกาหลี ที่ซุนซูเล่าให้ฟังว่า ปกติแล้วชาวเกาหลีจะนิยมทานเมนูนี้ในช่วงฤดูร้อน เนื่องจากในไก่ตุ๋นโสมจะมีส่วนผสมของสมุนไพรที่มีฤทธิ์ขับลม ป้องกันอาการร้อนในได้ ถึงแม้ว่าเมนูนี้จะมีความร้อนสูงมากก็ตาม
นอกจากนั้นยังมีความเชื่อของคนเกาหลีอีกว่า หากรับประทานอะไรที่ร้อนๆ จะกระตุ้นให้ต่อมเหงื่อในร่างกายทำงานเพื่อขับของเสียออกมาอีกด้วย ซึ่งในช่วงเวลาที่มาเยือนร้านแห่งนี้นั้น ผู้จัดการร้านยังระบุอีกว่า นับเป็นช่วงบังเอิญมากๆ ที่ทางทีม The Momentum ได้มาเยือนที่ร้านในช่วงเวลานี้ เพราะในเดือนนี้ที่ประเทศเกาหลีใต้ก็กำลังมีการจัดงานเทศกาลกินไก่ตุ๋นโสม (Samgyetang Festival) เพราะในช่วงเดือนมิถุนายน-เดือนสิงหาคม จะเป็นช่วงฤดูร้อนในโซนเอเชียตะวันออก
เมื่อ ‘ไก่ตุ๋นโสม’ มาเสิร์ฟ กลิ่นหอมของน้ำซุปและสมุนไพรก็ลอยขึ้นมาแตะจมูกพอดิบพอดี ไม่ฉุนจนเกินไป โดยทางร้านจะเสิร์ฟเมนูนี้มาพร้อมกับเซ็ตผักดองเกาหลี หรือที่คุ้นหูกันว่า ‘กิมจิ’ หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบผักกาดดอง, แบบไชเท้าดอง และแบบแตงกวาดอง ให้ลูกค้าได้เลือกทาน นอกจากนั้นก็ยังมีเกลือในประมาณหยิบมือใส่มาในถ้วยเพื่อทานคู่กันกับเนื้อไก่อีกด้วย
ในด้านรสชาติ เมื่อเริ่มชิมรสที่น้ำซุปจะสัมผัสได้ถึงความหอมของสมุนไพรอ่อนๆ ที่ใช้เวลาต้มถึงเกือบ 7 ชั่วโมง เพื่อดึงให้รสชาติของซุปมีความอ่อนๆ ขณะที่เนื้อไก่จะถูกตุ๋นมาอย่างดีเช่นเดียวกัน เนื้อสัมผัสมีความนุ่มและเปื่อยกำลังดี ด้านในของไก่จะถูกยัดไส้ด้วย ‘ข้าวเหนียว’ และ ‘เมล็ดถั่วทอง’ เพิ่มรสสัมผัสเวลาทาน
ระหว่างทานอาหารนั้น ซุนซูก็คอยแนะนำวิธีการรับประทาน โดยในขั้นแรกเขาได้นำน้ำซุปไก่ตุ๋นโสมไปผสมกับ ‘เกลือ’ ที่ทางร้านเตรียมมาให้ หลังจากนั้นก็โรย ‘พริกไทยเกาหลี’เพียงเล็กน้อยเพื่อเพิ่มกลิ่นหอมให้มากขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง
ต่อมาในขั้นที่ 2 เขาแนะนำให้เราฉีกเนื้อไก่ออกมาเพื่อจิ้มกับน้ำจิ้มเกลือที่ได้จัดเตรียมไว้ ดึงอรรถรสความอร่อยให้สูงขึ้นไปอีก แต่ผู้จัดการร้านฯ บอกเพิ่มเติมว่า ไม่ควรใส่เกลือลงไปในน้ำซุป เพราะมันจะเป็นการทำลายรสชาติของไก่ตุ๋นโสมทั้งหมด
อีกเมนูหนึ่งที่น่าสนใจคือ ‘บะหมี่ไก่ซอสเผ็ด’ หรือ ‘ทักบกอึมทังเมียน’ (Dakbokeumtangmyeon: 닭볶음탕면) เป็นเมนูประเภทเส้นที่สั่งมาเพื่อทานในวันนี้ มีเนื้อสัมผัสคล้ายกับสตู โดยรสชาติของซอสจะมีความเผ็ดนำและหวานตาม ขณะที่เนื้อไก่ร้านก็ยังทำออกมาได้ดี มีความนุ่ม และซอสซึมเข้าเนื้ออย่างเข้มข้น
อีกจานหนึ่งที่ซุนซูแนะนำคือ ‘ซุปเนื้อวัว’ หรือ ‘โซ กอมทัง’ (So Gomtang: 소곰탕) ที่จะมีลักษณะคล้าย ‘ข้าวต้ม’ โรยหน้าด้วยเนื้อแสนหนุ่ม ไม่เหนียวจนเกินไป ประกอบกับความหอมของกลิ่นเนื้อและรสชาติกลมกล่อมของน้ำซุป อีกทั้งน้ำซุปในเมนูนี้ยังช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้เป็นอย่างดี เพราะใช้สมุนไพรกว่า 12 ชนิดในการเคี่ยว จนได้รสชาติที่เข้มข้นและหอมชวนลิ้มลอง นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้จานนี้เป็นอีกหนึ่งจานที่ชื่นชอบของทีมงาน
ขณะที่จานสุดท้ายที่ได้ออเดอร์มาในวันนี้เป็นเมนู ‘ซุปไก่’ หรือ ‘ดั๊กกมทัง’ (Dakgomtang: 닭곰탕) เป็นซุปสะโพกไก่ เสิร์ฟมาในซุปสมุนไพรร้อนๆ มาพร้อมกับมันฝรั่งและกระเทียม มาคู่กับข้าวญี่ปุ่นไว้ทานคู่กัน
โดยรวมแล้วรสชาติของเมนูส่วนใหญ่ของร้าน เดอะ ทัง ต้องบอกตามตรงว่า เมนูของร้านนี้ไม่ได้มีรสชาติจัดจ้าน แต่เป็นรสชาติที่กลมกล่อมเสียมากกว่า ซุนซูบอกกับเราว่า รสชาติที่ลูกค้าจะได้ลิ้มรสนั้น เป็นรสชาติต้นตำรับ (Original) ที่เปรียบเสมือนนำเข้าโดยตรงมาจากประเทศเกาหลี จึงทำให้ได้รับกระแสตอบที่ดีจากคนไทยและชาวต่างชาติ
โดยความพิเศษของแต่ละเมนูที่เสิร์ฟมาวันนี้ จะไม่ได้ใช้น้ำซุปในหม้อเดียวกันในการประกอบอาหาร แต่จะมีหม้อเฉพาะของแต่ละเมนู นั่นจึงเป็นสาเหตุให้น้ำซุปของแต่ละจานมีความแตกต่างกันออกไป
ซึ่งรสชาติที่ลูกค้าได้ลิ้มลองของร้านเดอะ ทัง เคยผ่านการเสนอชื่อและได้รับรางวัล Blue Ribbon รางวัลจัดอันดับร้านอาหารจากประเทศเกาหลีใต้มาแล้ว ถึง 4 ปีซ้อน นอกจากนั้น ก็ยังมีเหล่าเซเลบริตีทั้งไทยและเกาหลีใต้มากมายมาพิสูจน์ความอร่อย โดยหากสังเกตจากผนังของร้านจะมีการติดตั้งรูป ไม่ว่าจะเป็น หม่อมหลวงภาสันต์ สวัสดิวัตน์ เชฟชื่อดังเมืองไทย จากรายการ MasterChef Thailand, แบซูจี (Bae Suzy), อีจงซอก (Lee Jong Suk), โจจองซอก (Jo Jung-Suk) นักแสดงชาวเกาหลีใต้, อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ และ แบรี่-ณเดชน์ คูกิมิยะ นักแสดงชาวไทย มาการันตีความอร่อยของร้านอาหารเกาหลีแห่งนี้
สำหรับร้านจะเปิดรอต้อนรับเหล่าคนรักสุขภาพในเวลา 11.30 น.- 21.30 น. ของทุกวัน เพราะฉะนั้นแล้วจะนั่งรออะไรอยู่ รีบไปร่วมสัมผัสประสบการณ์ความเป็น ‘เกาหลี’ ได้แล้ววันนี้ที่ ‘The Tang 더탕 เดอะ ทัง’ ที่ซอยสุขุมวิท 33/1 ณ ใจกลางกรุงเทพฯ
Fact Box
ร้าน The Tang 더탕 เดอะ ทัง ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 33/1 โดยจะเปิดทำการทุกวันตั้งแต่เวลา 11.30 น.-21.30 น. และสามารถโทรจองโต๊ะล่วงหน้าได้ที่เบอร์ 02-120-4393 https://maps.app.goo.gl/PhkNjdW5FEtdJJ8r8