เชื่อว่าหลายคนเมื่อนึกถึงประเทศฟิลิปปินส์ ภาพทะเลและชายหาดสวยๆ จะลอยเข้ามาในหัว แต่รู้หรือไม่ว่า จริงๆ แล้วใน ประเทศที่มีเกาะกว่า 7,107 เกาะ มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายรอให้ไปสัมผัส อย่างเช่นที่ ‘เซบู’ เมืองทางตอนใต้ของประเทศ

นอกจากจะเป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนเกาะที่ห้อมล้อมไปด้วยน้ำทะเลแล้ว เซบูยังเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของฟิลิปปินส์อย่างการเคยตกเป็นเมืองขึ้นของสเปน บรรยากาศในพื้นที่จึงมีกลิ่นอายของความเป็นสเปนตามจุดต่างๆ ทั้งสถาปัตยกรรม ชื่อสถานที่สำคัญ ไปจนถึงการนับถือศาสนา 

The Momentum ขอพาทุกท่านเดินทางข้ามทะเลไปยังเซบู สถานที่ที่ได้รับฉายาว่า เป็น ‘ราชินีแห่งเกาะใต้’ พาสัมผัสบรรยากาศเมืองท่องเที่ยวในฟิลิปปินส์ที่ไม่ได้มีดีแค่ทะเล

เซบูเที่ยวได้ตั้งแต่สนามบิน 

ตั้งแต่เครื่องบินเคลื่อนออกจากสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิในช่วงเวลาตี 1 ชีวิต 4 ชั่วโมงบนเครื่องบินของผู้เขียนส่วนใหญ่คือการนอน ก่อนแสงอาทิตย์จะดึงเปลือกตาขึ้นในช่วง 6 โมงเช้า พร้อมเสียงยืนยันจากลูกเรือว่า เราได้เดินทางมาถึงเซบูโดยสวัสดิภาพแล้ว

เมื่อเครื่องบินจอดสนิท สิ่งแรกที่ทำให้ผู้เขียนทึ่งคือความงดงามของสถาปัตยกรรมสนามบินนานาชาติมักตัน-เซบู โครงสร้างส่วนบนของสนามบินทำด้วยไม้โค้งงอเป็นรูปคลื่น ออกแบบโดยช่างฝีมือท้องถิ่นร่วมกับบริษัทสถาปัตยกรรมจากฮ่องกง การออกแบบลักษณะนี้ไม่เพียงแต่แสดงถึงอัตลักษณ์ของเซบูที่เป็นเมืองชายทะเล แต่ยังมีความตั้งใจให้สนามบินสอดรับกับสภาพอากาศ รวมทั้งคำนึงถึงความทนทานจากพายุหมุนเขตร้อนและแผ่นดินไหว 

นอกจากความงดงามของอาคารผู้โดยสารแล้ว บริเวณทางเข้า-ออกของสนามบินยังมีรูปแกะสลักไม้และหิน ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์การล่าอาณานิคมบนเกาะเซบูจัดแสดงอยู่หลายชิ้น โดย คิดลัต ทาฮิมิก (Kidlat Tahimik) ศิลปินเจ้าของผลงานต้องการแสดงถึงบทบาทของเซบูในประวัติศาสตร์โลก ซึ่งสร้างความเพลิดเพลินแก่นักเดินทางที่เดินผ่านไปมาไม่น้อย และถึงแม้ผลงานจะอิงกับเรื่องราวประวัติศาสตร์ในอดีต แต่หากมองเข้าไปใกล้ๆ จะพบว่า มีการนำเอาตัวละครจากภาพยนตร์ยุคปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของผลงานด้วย เช่นสไปเดอร์แมนที่ห้อยตัวอยู่บนหลังม้าโทรจันในผลงาน Trojan Horse of Hollywood 

อีกหนึ่งไฮไลต์ก่อนเดินทางออกจากสนามบินคือ การต้อนรับของคนท้องถิ่นด้วยการมอบสร้อยคอที่ห้อยด้วยงานแกะสลักไม้รูปมะม่วง ผลไม้ท้องถิ่นของเซบู พวกเขาคล้องสิ่งนี้ให้กับเราพร้อมกับการกล่าวคำทักทายว่า ‘Mabuhai’ ถือเป็นการต้อนรับคณะเดินทางสู่อ้อมกอดของเซบูอย่างเป็นทางการ

MACTAN SHIRNE ที่การแพ้-ชนะ อยู่ในที่เดียวกัน

ห่างจากสนามบินราว 8 กิโลเมตร เป็นจุดหมายแรกของการเริ่มต้นสำรวจเซบู สถานที่นี้มีชื่อว่า MACTAN SHRINE เป็นที่ตั้งอนุสาวรีย์ลาปูลาปู (LAPU LAPU) หัวหน้าชนเผ่าวิซายันบนเกาะมักตันและเป็นอนุสรณ์สถานของ เฟอร์ดินานด์ มาเจลลัน (Ferdinand Magellan) นักสำรวจ ชาวโปรตุเกสที่เดินทางมายังฟิลิปปินส์ในปี 1521 

เล่าสักนิดว่า ลาปูลาปูและมาเจลลันเป็นคู่ต่อสู้ในสงครามการล่าอาณานิคมของสเปนในฟิลิปปินส์กับชนเผ่าพื้นเมือง ซึ่งฝ่ายของมาเจลลันเป็นผู้พ่ายแพ้จึงต้องถอนลูกเรือชาวสเปนที่เดินทางมาพร้อมกันออกจากเกาะ มีการเล่าขานว่า จุดที่ใช้ต่อสู้กันคือบริเวณด้านหลัง MACTAN SHIRNE นี่เอง แม้ว่ามาเจลลันจะแพ้แต่เขาก็สามารถเปิดทางให้สเปนมายึดครองฟิลิปปินส์ได้ภายหลัง

ใน MACTAN SHIRNE จุดดึงดูดสายตาคืออนุสาวรีย์ของลาปูลาปูตั้งเด่นอยู่ตรงกลาง ชาวฟิลิปปินส์ที่เดินทางมาพร้อมกันในทริปนี้บอกกับเราว่า อนุสาวรีย์ตรงหน้าเป็นของบุคคลที่ชาวฟิลิปปินส์ยกย่องเป็นวีรบุรุษ ซึ่งเป็นปกติของผู้ชนะที่ควรแก่การได้รับการสรรเสริญ แต่เมื่อผู้เขียนเดินอ้อมมาทางด้านหลังอนุสาวรีย์ลาปูลาปู กลับมีอนุสรณ์สถานของมาเจลลันตั้งอยู่ เพื่อเป็นเกียรติแม้จะเป็นฝ่ายแพ้ในสงครามก็ตาม

โดยปกติเรามักจดจำประวัติศาสตร์ของผู้ชนะและสรรเสริญพวกเขามากกว่าผู้แพ้ แต่สำหรับชาวฟิลิปปินส์ ไม่ว่าจะแพ้-ชนะ สิ่งนี้สามารถตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน เพื่อระลึกถึงเรื่องราวในอดีตได้ และการไม่ตัดใครออกไปจากประวัติศาสตร์ ในมุมมองของผู้เขียนก็อาจจะทำให้เรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นสมบูรณ์ และพร้อมสำหรับการกลับไปพูดถึงโดยไม่ขาดตกสิ่งใดไป

ในฐานะที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว สิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลยคือของฝาก ด้านข้างติดทางออก MACTAN SHIRNE มีร้านขายของแฮนด์เมดน่ารักๆ ทั้งกระเป๋าสาน แก้วน้ำเพนต์ลาย ไปจนถึงอูคูเลเล่ให้นักเดินทางได้ไปแวะอุดหนุน จุดนี้ก็น่าสนใจไม่แพ้อนุสาวรีย์เลย 

เดินเล่นที่ NUSTAR Resort & Spa พื้นที่แห่งความหรูหรา

เราข้ามเกาะมักตันมายังเซบูซิตี พื้นที่ที่ถูกคาดหวังให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของจังหวัดเซบู ไม่แปลกที่เราจะมองเห็นตึกระฟ้ามากมายที่ทั้งสร้างเสร็จแล้วและกำลังก่อสร้าง สองข้างทางแน่นไปด้วยร้านอาหาร รวมไปถึงคาสิโนอย่าง NUSTAR Resort & Spa สถานที่ที่เป็นเป้าหมายของเราในวันนี้

NUSTAR Resort & Spa เป็นตึกระฟ้าที่ใช้พื้นที่แบบมิกซ์ยูสภายในตึกสูงขนาดใหญ่มีทั้งร้านอาหาร ร้านค้าของแบรนด์เนม โรงแรม และคาสิโน สถานที่แห่งนี้จึงไม่ใช่แค่ห้างสรรพสินค้า หรือสถานที่พักผ่อนสุดหรูหราธรรมดาทั่วไป แต่ยังเป็นพื้นที่เสี่ยงโชคของเหล่าเศรษฐีชาวฟิลิปปินส์และชาวต่างชาติ ซึ่งมีตั้งแต่โป๊กเกอร์ บาคาร่า เครื่องเล่นสล็อต และรูเล็ต 

อย่างไรก็ตามการมาเยือนที่ NUSTAR Resort & Spa ของเราครั้งนี้ แม้จะไม่ได้มาในฐานะของเศรษฐีชาวฟิลิปปินส์ แต่ด้วยจำนวนเงินเริ่มต้นที่สามารถเล่นคาสิโนได้คือ 50 เปโซ (ประมาณ 30 บาท) เงินก้นถุงของผู้เขียนจึงมีโอกาสได้เสี่ยงโชคเผื่อได้เงินก้อนใหญ่บ้าง ซึ่งวิธีการในการเล่นก็ไม่ได้ยาก เพราะตามเครื่องเล่นแต่ละประเภทจะมีพนักงานคอยกำกับและชี้แจงวิธีการอยู่ทุกจุด 

ผู้เขียนเลือกเล่นรูเล็ต โดยลงเงินไปราว 200 เปโซและเลือกที่จะวางเงินตามเพื่อนร่วมทริป ซึ่งรอบแรกๆ นั้นก็ต้องบอกว่า ทุกอย่างเดินไปด้วยดี และมีโอกาสได้กำไรกับเขาบ้าง แต่นานเข้าทุนทรัพย์ในมือเริ่มเบาบางกระทั่งเหลือเงินไม่ถึง 100 เปโซ เมื่อรู้ว่าโชคไม่เข้าข้างจึงวางมือและไว้เพียงเท่านี้

เหนือสิ่งอื่นใด คาสิโนไม่ใช่ทั้งหมดของ NUSTAR Resort & Spa ใครที่อยากจะมาแฮงเอาต์ นั่งชิลๆ ริมทะเลก็สามารถแวะเวียนเข้ามาได้ หรือจะใช้เป็นหมุดหมายแวะมาอิ่มท้องก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน 

เดินเล่นท่ามกลางความศรัทธา Basilica Minore del Sto. Niño de Cebu 

ผละจากแสงสีเสียง ขอพามาชมความวิจิตรของมหาวิหารซานโตนิโญแห่งเซบู (Basilica Minore del Sto. Niño de Cebu) สร้างขึ้นครั้งแรกในปี 1565 โดยนักบุญชาวสเปน ก่อนรีโนเวตในปี 1735 ถือเป็นโบสถ์คาทอลิกที่เก่าแก่ที่สุดในฟิลิปปินส์

ซานโตนิโญแห่งเซบูมีลักษณะหลังคาสามเหลี่ยมหน้าจั่ว ด้านหน้าของผนังแกะสลักเป็นรูปของเหล่านักบุญของศาสนาคริสต์ ส่วนตัวโครงสร้างหลักของมหาวิหารก่อสร้างโดยใช้หินตามแบบสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์ ซึ่งช่วยเพิ่มความแข็งแรงในส่วนของกำแพงและตัวโบสถ์ ความวิจิตรงดงามยังเห็นได้จากจิตรกรรมสีเฟรสโกที่อยู่บริเวณเพดาน 

สิ่งที่ดึงดูดชาวฟิลิปปินส์มายังมหาวิหารแห่งนี้ คือความศรัทธาต่อพระกุมารเยซู ซึ่งได้รับมาจากมาเจลลัน และหากได้รู้ว่าประเทศฟิลิปปินส์นับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกมากที่สุดในเอเชีย ก็คงตอบคำถามได้ว่า เหตุใดซานโตนิโญแห่งเซบูจึงเนืองแน่นไปด้วยผู้คนมากมายที่ศรัทธา 

อันที่จริงมหาวิหารซานโตนิโญไม่ได้เปิดรับเฉพาะผู้ศรัทธาในศาสนาคริสต์เพียงอย่างเดียว สถานที่แห่งนี้มีนักท่องเที่ยวจากหลากหลายเชื้อชาติและความเชื่อ แวะเวียนเข้ามาชมความยิ่งใหญ่อยู่ตลอดเวลา ทั้งยังสามารถปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนาร่วมกับคนท้องถิ่นได้ตามสะดวก ซึ่งผู้เขียนขอแนะนำว่า จุดที่นักท่องเที่ยวห้ามพลาดหลังจากการเดินชมมหาวิหารแล้ว คือการเดินไปจุดเทียนสีแดงด้านหน้าโบสถ์ร่วมกับชาวฟิลิปปินส์ จะพนมมือไหว้หรือจะถือเทียนแล้วอธิษฐานในใจก็ได้ ไม่มีผิดไม่มีถูก ขอแค่วางเชิงเทียนในจุดที่เขาจัดไว้ให้ก็เพียงพอแล้ว

และอย่างที่บอกว่า มาเจลลันเป็นผู้มอบพระกุมารเยซู โบสถ์แห่งนี้จึงมีประวัติศาสตร์ส่วนหนึ่งเกี่ยวโยงกับเขา ซึ่งเมื่อออกมาจากมหาวิหาร จุดที่คนฟิลิปปินส์และนักท่องเที่ยวมักจะไปรวมตัวกันคือ Magellan’s Cross ศาลาที่มีไม้กางเขนของมาเจลลันตั้งอยู่ตรงกลาง ซึ่งเขาได้นำมาปักไว้เมื่อแรกเดินทางถึงเกาะเซบู เป็นสัญลักษณ์ของการมาเยือนและการเผยแพร่คริสต์ศาสนา ซึ่งแม้จะเป็นการจำลองไม้กางเขนขึ้นใหม่เพื่อความทนทาน แต่รูปทรงก็ยังคงลักษณะเดิมเอาไว้ 

บริเวณนี้มีการนำสวดโดยหญิงชราชาวฟิลิปปินส์ ที่ไม่ใช่แค่การสวดแบบธรรมดาทั่วไป แต่มีท่วงท่าท่วงทำนองการสวดที่ต้องขยับร่างกายไปพร้อมกับการสวดด้วย และนอกจากจะทำหน้าที่เป็นผู้นำพิธีภายในศาลาแล้ว พวกเธอยังเป็นช่างภาพให้กับนักท่องเที่ยวที่พร้อมสนับสนุนเงินเล็กๆ น้อยๆ ให้ และขอบอกว่า หญิงชราเหล่านี้จัดมุมถ่ายภาพได้ยอดเยี่ยมจริงๆ

See Sea at Cebu

การเดินทางมายังฟิลิปปินส์เชื่อว่า สิ่งแรกที่หลายๆ คนนึกถึงคือภาพตัวเองล่องเรืออยู่กลางน้ำทะเลสีใสจนมองเห็นปลาที่แหวกว่ายใต้น้ำได้ ในขณะที่ผู้เขียนยังพอมีเวลาลงเหลือครึ่งวันก่อนกลับไทย มีหรือที่จะไม่ไปล่องเรือในทะเลทั้งๆ ที่เดินทางมาถึงประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องหมู่เกาะและชายหาดแบบนี้

ห่างจากที่พักไม่เกิน 10 กิโลเมตร เป็นจุดที่ตั้งของท่าเรือท้องถิ่น เรือหลายลำถูกจอดไว้รอรับ ส่งผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางไปยังเมืองอื่น ทั้งยังเป็นจุดรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการชมความยิ่งใหญ่ของท้องทะเลเซบูอย่างฉลามวาฬ คงไม่มีอะไรที่แสดงอย่างเด่นชัดว่า ครั้งหนึ่งได้เดินทางมายังฟิลิปปินส์เทียบเท่ากับการมายืนอยู่ริมทะเล

ไม่พูดพร่ำทำเพลง เรือก็เข้ามาจอดรอรับ ได้จังหวะคลื่นสงบเรือไม่โคลงเคลงก็ขนสัมภาระทั้งผลไม้และเครื่องดื่มลงเรือไป ไม่นานเรือก็ดีดตัวออกจากฝั่งขับฝ่ากระแสลมอุ่นๆ มายังจอดอยู่กลางทะเล 

จุดนี้ทำผู้เขียนสงสัย เพราะหลังเรือจอดผู้ร่วมทริปที่อาศัยอยู่ในฟิลิปปินส์มานานหยิบเอาข้าวหุงออกจากตะกร้าสัมภาระ จนอดคิดไม่ได้ว่าเรากำลังจะได้กินข้าวกลางทะเล ยังไม่ทันจะได้คิดภาพโรแมนติก ข้าวก้อนแรกที่ปั้นอยู่ในมือก็ถูกปล่อยลงสู่ทะเล ใช่แล้ว มันคืออาหารล่อปลาให้มาเข้าใกล้ เพื่อให้นักเดินทางที่ต้องการจะดำน้ำได้สัมผัสกับสัตว์น้ำใกล้ๆ 

สำหรับตัวผู้เขียนนั้นไม่ได้ลงทะเลกับเขา แต่ทำหน้าที่เป็นผู้ล่อปลาให้ว่ายเข้าใกล้เรือ ฝ่ายอื่นๆ ที่ยังหลงเรืออยู่บนเรือต่างผันตัวเป็นช่างภาพให้นักดำน้ำ ไม่ก็เปิดเพลงบิวด์ไม่ให้หลับใหลจากลมทะเลเสียก่อน 

ผ่านไป 3 ชั่วโมง เร็วเหมือนหายใจเข้า-ออก ถึงเวลาที่เรือต้องพาพวกเรากลับขึ้นฝั่ง เพื่อเดินทางต่อไปยังสนามบินในช่วงเย็น ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ผู้เขียนได้อยู่ในอ้อมกอดของทะเล อากาศที่บริสุทธิ์ และผู้คนที่เป็นมิตร แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่ามหาศาล 

อยากจะบอกว่า ในวันนี้ที่นั่งพิมพ์อยู่ ภาพของทะเลยังคงชัดเจนในหัว จำความรู้สึก และบรรยากาศของวันที่ได้เดินอยู่ในเซบูได้ และหากวันไหนภาพเหล่านี้จางลงไป ผู้เขียนก็คิดว่า ถึงเวลาแล้วที่จะได้กลับไปเซบูอีกครั้ง

Fact Box

  • การเดินทางไปยังเกาะเซบู ประเทศฟิลิปปินส์ในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนและการดูแลจาก Angel Explorers ที่ปรึกษาด้านการศึกษา ผู้ที่สนใจศึกษาต่างประเทศเพื่อเพิ่มทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ สามารถติดต่อได้ทางเว็บไซต์ https://th.angelexplorers.net/
Tags: , ,