ลึกลับ พิศวง แต่อบอุ่นหัวใจ ‘Ace of Cups’ พื้นที่ปลอดภัยของผู้รักในเวทมนตร์

จุดหมายในวันนี้ เป็นอาคารขนาด 1 คูหาเล็ก ตั้งอยู่ในย่านที่มีชื่อว่า ‘นาคนิวาส’ เป็นจุดสัญจรที่อยู่ด้านหลังถนนลาดพร้าวตอนกลางช่วงซอย 71 ไม่ไกลจากย่านโชคชัย 4

แม้นาคนิวาสจะไม่ถือว่าเป็นถนนเส้นเลือดใหญ่ของลาดพร้าวเสียทีเดียว แต่กลับเป็นย่านที่มีผู้คนอาศัยอยู่ค่อนข้างหนาแน่น อีกทั้งยังมีพัฒนาการเติบโตของสังคมเมืองที่น่าสนใจไม่แพ้ย่านอื่นใดในกรุงเทพฯ

แน่นอน หนึ่งในความน่าสนใจที่ว่า หนีไม่พ้นร้านกาแฟแม่มดลือชื่อที่อยู่คู่กับย่านนาคนิวาสมาเป็นเวลายาวนานถึง 10 ปี

‘Ace of Cups’

ชื่อร้านนี้มีที่มาน่ารักๆ จากความหมายของไพ่ทาโรต์ 1 ถ้วย (Ace of Cups) อันเชื่อมโยงกับคำทำนายถึงการเริ่มต้นครั้งใหม่กับสิ่งที่รัก นอกจากจะสามารถสื่อถึงฤกษ์งามยามดีในการเปิดร้านที่ให้บริการแสนแปลกใหม่แล้ว คำว่า Cups (ถ้วย) ยังสื่อถึงหัวจสำคัญของร้าน นั่นคือชาและกาแฟ

‘A Witch lives here with her little monsters.’

คือข้อความชวนให้ฉงนสงสัยบนป้ายแผ่นแรกที่สะดุดตา แต่เมื่อชะเง้อคอมองไปก็จะพบคำอธิบายของแผ่นป้าย นั่นคือ ไวน์-อธิวัน คงสอน เจ้าของร้านที่กำลังง่วนอยู่กับการตระเตรียมชา โดยมีกลุ่มแมวตัวกลมๆ นิสัยสงบเสงี่ยมเงียบขรึม สมเป็นสัตว์เลี้ยงของผู้ทรงเวทย์ นอนเอกเขนกอยู่ไม่ห่าง

จากนั้นช่วงเวลาดื่มชายามบ่ายจึงเริ่มต้นขึ้น ด้วยชาเบลนด์สูตรแม่มดประจำฤดูกาล ‘Memoria Serum’ ตามคำแนะนำของเจ้าของร้าน หลังจากเขาได้รับโจทย์จากช่างภาพทีม The Momentum ว่า สนใจอยากลองดื่มชาที่ทำให้รู้สึก ‘ผ่อนคลายและมีสมาธิ’

กลิ่นแรกที่ลอยขึ้นมาหลังลิ้มรสน้ำชาอุ่นร้อน คือกลิ่นหอมเบาสบายของคาร์โมไมล์และโรสแมรี ชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย

‘สมุนไพรศาสตร์และการปรุงยา’ ถือเป็นวิชาที่ผูกพันใกล้ชิดกับศาสตร์ของแม่มด หากจะมีเมนูใดในร้านที่อธิวันมีโอกาสได้นำองค์ความรู้ด้านเวทมนตร์และจิตวิญญาณที่เขาเชี่ยวชาญมาใช้ได้อย่างคุ้มค่าที่สุด เมนูที่ว่าก็คงจะต้องเป็นสูตรชาที่อธิวันเบลนด์เองสดๆ ก่อนชงทุกแก้วนี่แหละ

“หลายครั้ง ลูกค้าประจำของเราจะมาที่ร้านโดยไม่ได้มีเมนูอะไรอยู่ในใจ แต่เขาจะมาพร้อมกับโจทย์หรือปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ที่อยากให้เราช่วยเหลือ เช่น ตึงเครียดจากงาน ไอแห้ง เจ็บคอ ไม่สบายกาย ไม่สบายใจ”

แม้กวาดตามองผ่านๆ จะดูเหมือนเป็นธีมคาเฟ่ธรรมดาๆ แต่หากลองตั้งคำถามและจับจ้องไปยังสิ่งของรอบร้าน (ที่เราอาจเผลอคิดไปว่าเป็นเพียงของตกแต่ง) ด้วยสายตาใคร่รู้สักหน่อย  ก็จะสังเกตเห็นองค์ประกอบที่ดู ‘ศักดิ์สิทธิ์’ และ ‘น่าพิศวง’ มากมาย  

ไม่ว่าจะเป็นแท่นสวดภาวนาขนาดย่อมๆ หนังสือและตำราว่าด้วยเวทมนตร์ ปรัชญา และประวัติศาสตร์  รวมถึงชื่อ ‘บริการทางจิตวิญญาณ’ ที่ถูกขึ้นกระดานพร้อมระบุราคา ตั้งแต่การร่ายมนต์คาถาพื้นฐาน เริ่มต้นที่ 350 บาท พิธีปัดเป่าขับไล่สิ่งชั่วร้าย ราคาอยู่ที่ 2,000-6,000 บาท ไปจนถึงพิธีชำระล้าง ซึ่งมีราคาเริ่มต้นที่ 6,500 บาท

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเครื่องยืนยันชั้นดีว่า นี่ไม่ใช่แค่ร้านคาเฟ่ทั่วไป ที่นำเอาเพียงธีมเวทมนตร์มาใช้ออกแบบร้านและคิดชื่อเมนู เพื่อความสวยงามและสนุกสนานเพียงเท่านั้น

แต่เป็น ‘ร้านแม่มด’ ที่ให้บริการด้านเวทมนตร์และจิตวิญญาณกับลูกค้าอย่างแท้จริง โดยเจ้าของซึ่งเป็นผู้ฝึกตนที่เรียกตนเองว่า ‘Witch’ ได้อย่างเต็มปาก 

ในที่สุด บทสนทนากับอธิวันก็เริ่มต้นขึ้น หลังจากจำนวนลูกค้าในร้านเริ่มซาลง เขาผละจากเครื่องไม้เครื่องมือในครัว ก่อนเดินออกมาพร้อมน้ำร้อนสำหรับชงชากาใหม่ รวมถึง ‘Zodiac Soda’ ซึ่งมีสีสันและรสชาติที่เข้ากับบุคลิกของราศีเมถุน และมัทฉะลาเต้อีกหนึ่งแก้ว ที่เราตัดสินใจสั่งมาเพิ่ม เพราะถูกใจลาเต้อาร์ตลายเก๋แปลกตา

ในฐานะคนที่ทำงานด้านเวทมนตร์และจิตวิญญาณโดยตรง อธิวันย่อมรับรู้ถึงเทรนด์ ‘มูเตลู’ ที่กำลังเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของคนรุ่นใหม่มากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นในป็อปคัลเจอร์กระแสหลักก็ดี หรือผ่านวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ก็ดี

อธิวันได้ให้คำตอบถึงมุมมองของเขาเกี่ยวกับความนิยมใน ‘เรื่องเหนือธรรมชาติ’ ของคนไทยได้อย่างน่าสนใจ

“ความสนใจในเวทมนตร์และจิตวิญญาณไม่ได้เป็นเทรนด์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก หากลองมองไปในอดีต เราจะเห็นว่านี่เป็นเหตุการณ์ที่เหวี่ยงกลับมา เหมือนกับลูกตุ้มที่มีการแกว่งเข้าและแกว่งออกตลอดเวลา ส่วนรูปแบบการแกว่ง หรือความเร็วแรงก็จะแตกต่างกันไปแล้วแต่ปัจจัยของการเหวี่ยงที่เกิดขึ้นแต่ละครั้ง”

เขายกตัวอย่างถึงกระแสการเล่นหรือสะสมหินกันอย่างเป็นจริงเป็นจังที่เกิดขึ้นในช่วงก่อนหน้า หรือเก่ากว่านั้นก็จะมียุคที่เรื่องทางพลังจิต (Psychic) ได้รับความนิยมอย่างมาก

“ผมมองว่าความนิยมเหล่านี้เป็นเหมือนคลื่นที่ถูกผลักดันและดึงรั้ง สลับกันไปมาอยู่ตลอด คล้ายกับแฟชั่น อะไรก็ตามที่มันเบ่งบานงอกเงยขึ้นมา พอถึงจุดหนึ่ง ผู้คนก็จะได้รับรู้ถึงด้านที่ทั้งโอเคและไม่โอเค นำไปสู่การที่สังคมเริ่มตั้งคำถามกับความนิยมนั้นๆ

“เมื่อถึงตอนนั้น พลังความนิยมของมันก็จะค่อยๆ ลดทอนลงทีละน้อย แล้วเวทมนตร์ก็จะถอยตัวเองกลับเข้ามาสู่พื้นที่ปลอดภัยภายใต้คลื่นความนิยมอีกครั้ง แน่นอนว่าเมื่อเวลาผ่านไป มันก็จะกลับมาเติบโตอีก เป็นเสมือนวัฏจักร”

และนั่นก็ไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับความสนใจในเวทมนตร์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นความนิยมชมชอบในสิ่งใด ล้วนมีวงจรการ ‘ลุกขึ้น’ และ ‘ถอยลง’ สับเปลี่ยนกันไปมาเช่นนี้ เพียงแค่บังเอิญว่าเวทมนตร์นั้น เป็นหนึ่งในหัวข้อที่ทำงานกับความอัศจรรย์ใจของผู้คน ทำให้มันไม่เคยห่างหายไปจาก ‘เวทีความนิยม’ ได้นานเลยสักที

ในระหว่างการจิบเรื่องเล่า เคล้ากลิ่นชา แกล้มด้วยเค้กเรดเวลเวตและเค้กแคร์ร็อตวอลนัตเนื้อฉ่ำ รสชาติกลมกล่อม หวานพอดี เราได้พบว่าอธิวันเป็นชายที่เต็มไปด้วยแนวคิดและเรื่องเล่า

ไม่ว่าสมาชิกในทีมจะเกิดสงสัยเรื่องอะไรขึ้นมา เขาก็มักจะมีคำตอบและแง่มุมใหม่ๆ ที่คาดไม่ถึงเสมอ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าตัวตนและบทสนทนาของอธิวันได้บังเอิญไปทำให้ Ace of Cups มีฟังก์ชันเหมือนวัดในพุทธศาสนา หรือโบสถ์ในคริสต์ศาสนาโดยไม่ได้ตั้งใจ

ไม่ใช่ในแง่ของการผูกมัดให้เข้าร่วม แต่เป็นแง่ของการที่พื้นที่หนึ่งๆ ได้โอบรับวิถีชีวิตของกลุ่มคนที่แบ่งปันความเชื่อร่วมกัน

อธิวันหัวเราะเมื่อเราบอกกับเขาเช่นนั้น

“จะว่าอย่างนั้น ในแง่หนึ่งก็คงใช่ ผมตั้งใจให้ที่นี่เป็นเหมือน Sanctuary (คำนี้สามารถแปลเป็นภาษาไทยได้ทั้ง ‘สถานที่ศักดิ์สิทธิ์’ และ ‘สถานที่หลบภัย’) ที่เปิดรับให้ทุกคนที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับเวทมนตร์และจิตวิญญาณ สามารถเข้ามาพบปะ พูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้โดยไม่รู้สึกเคอะเขิน หรือหวาดระแวงว่าโต๊ะข้างๆ จะมองคุณด้วยสายตาแปลกๆ”