ย้อนกลับไปวันนี้เมื่อปี 2551 ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางทางมาร่วมในพิธีพระราชทานน้ำหลวง อาบศพ บุญเรือน เผ่าจินดา มารดาของ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบกในเวลานั้น ที่วัดโสมนัสวรวิหาร ทำให้ทักษิณได้พบกับ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ บุคคลที่เขาเคยกล่าวว่าเป็น ‘ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ’

เรื่องราวทั้งหมดเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2549 ระหว่างการประชุมหัวหน้าส่วนข้าราชการ ผู้ว่าราชการจังหวัด ตำรวจ และข้าราชการระดับ 10 ขึ้นไป ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดย ทักษิณ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “วันนี้องค์กรนอกรัฐธรรมนูญ คือบุคคลซึ่งดูเหมือนมีบารมีนอกรัฐธรรมนูญเข้ามาวุ่นวายองค์กรที่มีในระบบรัฐธรรมนูญมากไป มีการไม่เคารพกติกาเกิดขึ้น” ถ้อยความดังกล่าวสร้างความสงสัยให้กับสังคมเป็นอย่างมากว่า บุคคลซึ่งดูเหมือนมีบารมีนอกรัฐธรรมนูญนั้นคือใคร

จน 3 ปีต่อมาในช่วงที่กลุ่มคนเสื้อแดงจัดชุมนุมใหญ่ข้างทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2552 เพื่อต่อต้านรัฐบาลของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในวันนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ได้วิดีโอคอนเฟอเรนซ์มายังเวทีชุมนุมและเฉลยว่าใครคือผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญตัวจริง

“จริงๆ แล้วผมหมายถึง พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ แต่ผมไม่กล้าพูดวันนั้น ที่สำคัญ คือมีคนของพลเอกเปรมโทรศัพท์มาให้ผมช่วยพูดให้ชัดว่า ไม่ใช่พลเอกเปรม ซึ่งผมก็ไม่พูด ทำให้หลังจากนั้น ท่านเดินสายใส่เครื่องแบบทหาร ทั้งทัพบก ทัพเรือ ทัพอากาศ และออกเดินสายด่าผม”

ส่วนทางพลเอกเปรม เมื่อทราบเรื่องก็ได้แสดงความเห็นกลับในวันที่ 30 มีนาคม 2552 โดยมีใจความสำคัญว่า “คุณทักษิณ เขาเปิดเผยว่า ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญคือเรา ซึ่งคนเขารู้หมดแล้วตั้งแต่คุณทักษิณพูดวันนั้น แต่เราก็พยายามถามเขาตอนนั้นว่า หมายถึงเราใช่ไหม แต่เขาก็ไม่ตอบ แล้วเราก็ถามอีกว่า ถ้าไม่ใช่เรา ก็ขอให้บอกมาว่าใคร ให้รู้กันชัดๆ ซึ่งผมไม่ได้ถามแต่คุณทักษิณ ยังให้คนถามคุณหญิงอ้อ (คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์) ว่าให้ช่วยพูดหน่อยได้ไหมว่า ที่คุณทักษิณพูดว่า ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญนั้นไม่ใช่ผม เขาก็ไม่พูด ซึ่งจริงๆ เราก็รู้ว่า เขาหมายถึงเรา เพราะตอนนั้นคุณทักษิณไปพูดที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วเปิดเผยว่า ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ คือพลเอกเปรม”

นอกจากเรื่องผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ พล.อ.เปรมยังกล่าวถึงกรณีที่ถูกกล่าวหาว่า อยู่เบื้องหลังการปฏิวัติของ พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน ในการยึดอำนาจจากรัฐบาลทักษิณ เมื่อ 19 กันยายน 2549 ว่า

“เราก็ไม่รู้ว่าจะไปชี้แจงเขาได้อย่างไร เพราะว่าเราไม่ได้อยู่เบื้องหลังการปฏิวัติ เพราะเราไม่มีหน้าที่ที่จะต้องไปปฏิวัติ และเราก็ไม่มีอิทธิพลพอที่จะไปบอกคุณสนธิว่า ปฏิวัติเถอะ อีกอย่างตอนนั้นรัฐบาลคุณทักษิณนี่แย่มากๆ คนกำลังเล่นงานรัฐบาลทักษิณอยู่ ถ้ายังจำได้เขาจึงไชโยกันตอนที่ทหารออกมาปฏิวัติ

“คุณทักษิณก็บอกว่า ป๋าอยู่เบื้องหลังการปฏิวัติครั้งนี้ เบื้องหลังนี่หมายความว่ายังไงก็ไม่รู้ เราสรุปว่า เรานี่คงจะไปยุแหย่ หรือไม่ก็รู้ว่า คุณสนธิจะปฏิวัติ แต่ก็จริงๆ เรามิได้เกี่ยวข้อง เขาก็ปฏิวัติกันไป ก็คิดดูเองก็แล้วกันว่า ถ้าเรามีอิทธิพลพอที่จะไปบอกคุณสนธิว่าคุณไปปฏิวัติสิ คุณสนธิก็แย่เพราะคุณสนธิต้องคิดเองว่า ทำไมถึงต้องปฏิวัติ มีเหตุใดที่จะปล่อยให้รัฐบาลของคุณทักษิณอยู่ต่อไปไม่ได้ ไม่ใช่มาเชื่อเรา ฉะนั้นเราไม่ได้อยู่เบื้องหลังเบื้องหน้า”

สำหรับวันนั้น ที่งานศพนางบุญเรือน เผ่าจินดา นอกจากทหารและนักการเมืองมากมาย ทั้งสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้แทนสำนักพระราชวัง และพลโท ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 แล้ว ทักษิณและพลเอกเปรมก็ได้รับเชิญมาร่วมงานเช่นกัน และถือเป็นการพบกันครั้งแรกของทั้งคู่ นับตั้งแต่เกิดการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549

โดยวันนั้น พลเอกเปรม มาถึงงานเมื่อเวลา 18.25 น. ก่อนที่ ทักษิณจะเดินทางตามมาในเวลา 18.45 น. โดยหลังจากขึ้นมายังศาลาสวดศพ ทักษิณได้ยกมือไหว้พลเอกเปรม และพลเอกสุรยุทธ์ ซึ่งทั้งสองคนก็ยกมือรับไหว้ตามปกติ

จนหลังจากจบการสวดอภิธรรม ทักษิณได้ยกมือไหว้ลาพลเอกเปรม และยืนพูดคุยกันเป็นเวลา 1 นาที เมื่อสื่อเข้าไปสัมภาษณ์ว่าทั้งคู่สนทนาอะไรกัน ทักษิณกลับปฎิเสธจะให้สัมภาษณ์และเดินทางกลับทันที

Tags: , , ,