ก่อนที่รางวัล 50 ร้านอาหารที่ที่ดีที่สุดของเอเชียจะถูกประกาศออกมา มีรางวัลอื่นๆ ประกาศผลออกมาแล้ว อย่าง Icon Award รางวัลสำหรับเชฟที่เป็นแบบอย่างให้คนรุ่นหลัง ซึ่งเชฟ Yoshihiro Murata เชฟชาวญี่ปุ่นคว้ารางวัลนี้ไปครอง ส่วนรางวัล Best Female Chef สุดยอดเชฟผู้หญิงตกเป็นของเชฟชาวเกาหลี Cho Hee-sook เชฟเจ้าของร้าน Hansikgonggan ในกรุงโซล และรางวัลล่าสุด One To Watch ร้านอาหารที่น่าจับตามองในปีนี้เป็นของร้าน Masque ในเมืองมุมไบที่เด่นเรื่องอาหารสไตล์ฟาร์มทูเทเบิล
น่าเสียดายที่เราไม่มีโอกาสได้รายงานผลประกาศรางวัลจากเมืองซากะ เนื่องจากงานถูกยกเลิกไป แต่การประกาศผลยังคงมีอยู่ แต่ก่อนที่จะรู้ว่าใครคือร้านอาหารอันดับ 1 ของเอเชีย เราต้องไปพิสูจน์ด้วยตัวเองก่อนว่า Odette ดีพอที่จะได้อันดับ 1 อีกสมัยหรือไม่ หลังจากที่เชฟกากัน อนันต์ จากร้าน Gaggan เคยทำได้ถึง 3 สมัยซ้อน
เรากดจองมื้ออาหารของ Odette ได้เมื่อปลายปีที่ผ่านมา เหมือนจะยากแต่ก็ง่ายด้วยระบบการจองของสิงคโปร์ที่ต้องบอกว่าดีมาก ได้ก็ไปไม่ได้ก็รอร้านว่างแค่นั้น ไม่ต้องมานั่งโทรทุกเดือนให้เบื่อเปล่าๆ แต่ข้อเสียอย่างหนึ่งของร้านอาหารในสิงคโปร์ก็คือ ไม่มีมื้อกลางวันราคาถูกเลย ราคาเทียบเท่ากับมื้อเย็นเกือบทั้งหมด เมื่อเราเทียบกับ Foodie Destination อย่างฮ่องกงที่มีตัวเลือกให้เราสะสมดาวจากร้านอาหารรางวัลได้ในราคาสบายกระเป๋า
เชฟจูเลียน โรเยอร์
เราโชคดีมากที่วันที่เราเจอเชฟจูเลียน โรเยอร์ (Julien Royer) เชฟผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของร้านเข้ามาดูแลร้านพอดีในมื้อเที่ยงของเรา เชฟจูเลียนเป็นคนฝรั่งเศสจากครอบครัวเกษตรกร ทำให้ตัวเขาใช้เวลากับการเพาะปลูก เก็บเกี่ยว และหาวัตถุดิบมาโดยตลอด เชื่อว่าการเติบโตในสิ่งแวดล้อมแบบนั้นจึงมีส่วนที่ทำให้เขาเข้าใจธรรมชาติของวัตถุดิบได้ดีมาตั้งแต่เด็กๆ ก่อนที่จะออกเดินทางในเส้นทางของเชฟ แต่ที่ทำให้เขาเริ่มฉายแววโดดเด่นในฐานะเชฟก็คือการมาถึงประเทศเกาะเล็กๆ อย่างสิงคโปร์ ที่ร้านอาหาร Jaan ที่ทำให้เขากลายเป็นดาวรุ่งในฐานะเชฟ และได้รับโอกาสมีคนช่วยลงทุนเปิดร้านอาหาร Odette ขึ้นมาเมื่อปลายปี 2015 ซึ่งชื่อร้านก็คือชื่อยายของเชฟจูเลียน เพราะคุณยายคือคนที่สอนเขาเกี่ยวกับเรื่องอาหาร จะบอกว่าเป็นอาจารย์คนแรกก็คงได้
24 เดือนโฟมพาร์มีซาน
ทาร์ตพาร์สนิป
อาหารของ Odette เป็นอาหารฝรั่งเศสสมัยใหม่ที่เข้าถึงคนได้ง่ายกว่าอาหารฝรั่งเศสดั้งเดิมที่อร่อยแต่ก็ไม่ได้น่าตื่นเต้น เมื่อได้กินเราคิดว่าสมราคาอันดับ 1 ของเอเชีย เราคิดว่าเขามีโอกาสได้อันดับ 1 อีกครั้ง เพียงแต่เราไม่แน่ใจว่าร้านอื่นๆ เองมีพัฒนาไปมากน้อยอย่างไรบ้าง
ทาโก้กุ้งโบตั๋น
มื้อกลางวันของ Odette มีให้เลือกระหว่าง 4 Acts และ 6 Acts ส่วนมื้อค่ำ 8 Acts เราเลือกมื้อกลางวัน 6 Acts แน่นอนว่ามันไม่ได้มีเพียงอาหาร 6 คอร์ส แต่มีอะมุชบุชหลายสิ่งอย่างให้กินก่อนเข้าสู่อาหารจานแรก จะบอกว่ามันอีกการแสดง 6 องค์ของละครเวทีก็ได้ “ทาโก้กุ้งโบตั๋น” วัตถุดิบญี่ปุ่นที่นำมาทำในรูปแบบของอาหารเม็กซิกันแต่เสิร์ฟในมื้ออาหารฝรั่งเศส มันคือ Multicultural Cuisine ซึ่งเป็นรากเหง้าของอาหารสมัยใหม่ “ทาร์ตพาร์สนิป” ผักหัวอย่างพาร์สนิปตีกับครีมออกมาคล้ายมันบดเนื้อเนียนแต่ยังคนกลิ่นเอกลักษณ์ของผักหัวชนิดนี้มาบนแป้งทาร์ตกรอบๆ “24 เดือนโฟมพาร์มีซาน” โฟมรสชีสที่มาในแป้งกรอบ
ซาบายองราดด้วยซุปเห็ดกับขนมปัง
ดูเหมือนว่าอะมุชบุชยังไม่จบ “ซาบายองราดด้วยซุปเห็ดกับขนมปัง” เชฟนำเอาเห็ดแห้งไปทำเป็นคอมซอมเม่ที่มีอุมามิสูงราดลงบนซาบางยองที่มีเนื้อเห็ดหลากหลายชนิด เรียกว่าเป็นอุมามิในอุมามิก็ได้ กินกับขนมปัง
Marukyo Uni
มาที่ Acts แรก “Marukyo Uni” มาเป็น 2 คำในคอร์สเดียวกัน ทาร์ทาร์กุ้ง หอยแมงภู่ และครีมอูนิ โรยด้วยคาเวียร์ กินกับอูนิโทสต์ที่มีเนื้อของหอยเม่นมาแบบเป็นต่อนๆ และกินเต็มคำ เป็นหนึ่งในเมนูที่ใครมากินก็ต้องชอบ ชวนให้นึกถึงอาหารญี่ปุ่นแต่มันก็ไม่ใช่
Heirloom Beetroot Variation
Acts 2 “Heirloom Beetroot Variation” มันคือเมนูที่ทางร้านบอกว่าเป็น Iconic เลย ยังไงก็เอาออกจากเมนูไม่ได้ หลากหลายเรื่องเนื้อสัมผัสและรสชาติของบีทรูทที่มีมากกว่าเพียงความเอิร์ธตี้ บีทรูทที่อบกับเกลือให้สุกไม่เค็มแต่เพิ่มรสหวานด้วยความร้อน เพราะเกลือเป็นแค่ผิวนอกที่เคลือบไว้ ไอศกรีมบีทรูท บีทรูทดอง เมอแรงก์บีทรูท กินกับครีมชีสและเจลลีทับทิม มีครบรสทั้งเปรี้ยวหวานเค็มและเอิร์ธตี้
Rosemary Smoked Organic Egg
Acts 3 ต้องบอกว่าเป็นเมนูที่เหมือนเดินเล่นในทุ่งโรสแมรี่ เพราะหอมกลิ่นโรสแมรี่ไปทั่วทั้งร้าน “Rosemary Smoked Organic Egg” ไข่ที่ผ่านการรมควันด้วยโรสแมรี่ ไข่แบบออนเซ็นที่ผ่านการรมควันตอกลงในซุปบัตเตอร์สควอชที่มีโชริโซ เหมือนกินอาหารเช้าหน่อยๆ แต่เป็นเวอร์ชันที่ล้ำกว่ามาก
Wild Atlantic Turbot
Acts 4 “Wild Atlantic Turbot” ชื่อเมนูอาจจะบอกเพียงวัตถุดิบหลัก แต่กลับมีองค์ประกอบอื่นอยู่ด้วยอย่างกุ้ง และปลาหมึก ราดด้วยซอสซัฟฟรอนผสมดีล เรียกว่ากลิ่นรสของซอสก็เด่น แถมมีพูเรหวานๆ มาตัดกลิ่นเครื่องเทศสมุนไพรแรงๆ
Kampot Pepper Crusted Pigeon
อีกหนึ่งไฮไลต์ Acts 5 “Kampot Pepper Crusted Pigeon” เชฟนำเอาพริกไทยคัมปอตจากกัมพูชาไปรมควันนกพิราบทั้งตัวก่อนนำเอาเนื้อส่วนอกไปเคลือบเป็นครัชด้วยพริกไทยคัมปอต ราดด้วยซอสจากเนื้อนกพิราบ กินกับกระเทียมดำ ฟักทองพูเร และลูกฟิกซ์สด มาพร้อมกับขานกพิราบเสียบไม้ย่าง นักเก็ตนกพิราบ และทาร์ต
Yuzu Tart
ล้างปากด้วยกรานิต้ามะกรูดและส้มสด ก่อนจบด้วย Acts สุดท้ายของหวาน “Yuzu Tart” โฟมยูซุ เมอแรงก์ยูซุ ไอศกรีมเบซิล และครีมยูซุ ส่วนเปอติตโฟร์เป็นลิ้นจี่โรเซ่ คานาเล่วานิลลาฝรั่งเศส และช็อกทาร์ตกับทองก้าบีน และเมลอน
จบมื้อนี้ในเวลา 2 ชั่วโมง พอๆ กับการนั่งดูการแสดงดีๆ ถามว่าควรค่าแก่อันดับ 1 ไหม ก็ต้องบอกว่าควรค่า เพียงแต่สุดท้ายแล้วคนตัดสินไม่ใช่เรา แต่เป็นนักชิมจากทั่วเอเชียที่จะโหวตให้ Odette ได้อันดับ 1 อีกครั้ง แต่เดาได้ว่าน่าจะรักษา 3 ดาวไว้ได้แน่ๆ
Fact Box
- Odette ตั้งอยู่ภายใน National Gallery สามารถเดินทางด้วย MRT มาที่สถานี City Hall จองได้ผ่าน www.odetterestaurant.com