มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความอยากรู้อยากเห็นโดยธรรมชาติ แค่โหนรถอยู่ยังอยากเหลือบมองหน้าจอคนข้างๆ ยิ่งหากอยากรู้หรืออยากได้ข้อมูลเรื่องอะไรเข้าแล้ว ก็ยินดีเสียเวลาออกแรงซักไซ้ขุดคุ้ยจนได้ความ ตัวอย่างเช่น นักสืบพันทิป เป็นต้น

แต่ทั้งนี้ ทุกคนคงต้องเคยได้พบพานมนุษย์บางคนก็อยากรู้อยากเห็นเกินพอดี มีความอยากรู้เรื่องชาวบ้านเป็นแรงขับเคลื่อนในชีวิต ถามละลาบละล้วงจนยังความรำคาญมาสู่คนอื่นที่อยากจะคงความเป็นส่วนตัวไว้บ้าง

สัปดาห์นี้ เราจะไปดูกันว่า คนที่ชอบใส่ใจเรื่องชาวบ้านเกินขนาด เราเรียกว่าอะไรได้บ้าง และมีสำนวนอะไรที่เราจะนำไปใช้ตอบโต้คนเหล่านี้ได้

ศัพท์เรียกมนุษย์เผือก

Nosy parker

คำนี้ประกอบขึ้นจากสองส่วน ส่วนแรกคือ nosy เป็นคุณศัพท์ของ nose ที่แปลว่า จมูก เดิมทีใช้พรรณนาคนที่จมูกโตหรือยื่นออกมาจากใบหน้ามากหน่อย ต่อมาจมูกเริ่มถูกนำมาโยงกับความสอดรู้สอดเห็น ว่ากันว่าได้แรงบันดาลใจมาจากสัตว์ เช่นสุนัขหรือหมู ซึ่งมักใช้จมูกดมหานู่นนี่ไปเรื่อย คล้ายกับคนที่สู่รู้เรื่องคนอื่น มักเที่ยวดูไปเรื่อยว่ามีเรื่องอะไรให้ตัวเองเผือกหรือเปล่า คำว่า nosy จึงกลายมาหมายถึง สอดรู้สอดเห็น เช่น My nosy aunt asked me whether I had a boyfriend. ก็จะหมายถึงว่า ป้าฉันจุ้นจ้านเหลือเกิน มาถามฉันว่ามีแฟนหรือยัง

ส่วนที่สองที่โผล่ขึ้นมาคือ parker อันนี้หลายแหล่งให้ข้อมูลไม่ตรงกัน บ้างก็บอกว่ามาจากคนที่ชื่อ Parker บ้างก็ว่าหมายถึงคนเฝ้าสวนสาธารณะที่ชอบมาสอดส่องดูคนที่มาเที่ยวสวน

ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อรวมสองส่วนเข้าด้วยกัน ก็จะหมายถึง คนที่สนใจใคร่รู้เรื่องชาวบ้านร้านตลาดจนเกินงาม ส่วนใหญ่ใช้ในภาษาอังกฤษแบบบริติช ตัวอย่างเช่น Many dread the idea of a family gathering because they know they will have to deal with a lot of nosy parkers. ก็จะหมายความว่า หลายคนขยาดงานรวมญาติเพราะรู้ว่าจะต้องเจอพวกสอดรู้สอดเห็นเป็นโขยง

 

Busybody

คนที่เห็นคำนี้เป็นครั้งแรกอาจอดสงสัยไม่ได้ว่า คำว่า busy ที่หมายถึง ‘ยุ่ง’ มาทำอะไรในคำที่ใช้เรียกคนขี้เผือก ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะคำว่า busy นี้แท้จริงแล้ว นอกจากจะแปลว่า ยุ่ง (เช่น a busy person) ยุ่งเหยิง (เช่น a busy design) ไม่ว่าง (เช่น The line is busy.) ยังเคยใช้แปลว่า จุ้นจ้าน ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน ได้อีกด้วย (ปัจจุบันไม่ค่อยพบใช้ในความหมายนี้แล้ว)

เมื่อนำ busy มารวมร่างกับ body ที่ใช้หมายถึง คน แล้ว (คล้ายกับในคำว่า anybody ที่หมายถึง ใครก็ตาม หรือ homebody ที่แปลว่าคนติดบ้าน) จึงหมายถึง ผู้ที่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่น ธุระของเขาก็เหมือนธุระของเรา ตัวอย่างเช่น The busybody of our department has gone and told everyone about my pregnancy. ก็จะหมายความว่า ขาเผือกประจำแผนกเราเอาเรื่องที่ฉันท้องไปเที่ยวเล่าให้ใครต่อใครฟังหมดแล้ว

 

Quidnunc

คำนี้เป็นศัพท์ไฮโซที่อาจจะได้พบเจอน้อยสักหน่อย มาจากภาษาละติน quid nunc? ประกอบขึ้นจาก quid แปลว่า what และ nunc แปลว่า now แปลได้ความหมายในบริบทนี้ทำนองว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอ” อันเป็นหนึ่งในประโยคเด็ดสุดคลาสสิกที่สายเผือกใช้ขุดข้อมูลกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร

ดังนั้น quidnunc จึงหมายถึง คนที่กระหายใคร่รู้เรื่องชาวบ้าน ฝักใฝ่การเม้าธ์และนินทา ตัวอย่างเช่น I think it is unfair to regard me as a quidnunc. I am just solicitous to a fault by nature. ก็จะหมายความว่า เรียกฉันว่าเป็นคนสอดรู้สอดเห็นก็คงไม่ยุติธรรมกับฉันเท่าไร ฉันก็แค่เป็นคนที่เป็นห่วงเป็นใยคนอื่นเกินไปเท่านั้นเอง

 

วลีเด็ดปราบสายจุ้น

Mind your own business!

วลีนี้ไม่ได้เกี่ยวกับจิตใจและธุรกิจ เพราะ mind ในที่นี้แปลว่า ใส่ใจ ดูแล ส่วน business นี้คือ เรื่อง ธุระ ดังนั้นเมื่อแปลตรงตัวจึงหมายถึง สนใจเรื่องของตัวเองเถอะ ซึ่งเป็นการบอกกลายๆ ว่า อย่ามาจุ้นจ้านหรือสอดรู้สอดเห็น ตัวอย่างเช่น Instead of asking me questions, you should mind your own business. ก็จะหมายถึง แทนที่จะมาซักไซ้อะไรฉันมากมาย สนใจเรื่องตัวเองดีกว่าไหม

อีกสำนวนที่ใกล้ๆ กันคือ none of your business ได้ความหมายประมาณว่า ไม่ใช่กงการอะไรของแก ตัวอย่างเช่น ถ้ามีคนถามเราว่าน้ำหนักเท่าไร หากเราไม่สบอารมณ์ก็ตอบกลับไปว่า It’s none of your business. หรือ My weight is none of your business. ก็จะหมายความว่า ฉันจะหนักเท่าไหร่ก็เรื่องของฉัน

 

Butt out!

สำนวนนี้ใช้กันมากในอเมริกาเหนือ มีแฝดคนละฝาคือ butt in ซึ่งหมายถึง พูดแทรก หรือ เข้ามายุ่งวุ่นวาย ดังนั้น butt out จึงหมายถึง ให้เลิกเข้ามาจุ้นจ้าน ใช้เมื่อเริ่มไม่อยากพูดจาสุภาพแล้ว เหมือนภาษาดอกไม้จะไม่เหมาะกับคู่สนทนา ตัวอย่างเช่น This has nothing to do with you, so butt out! ก็จะหมายถึงว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเอ็งเลย อย่ามาแส่

 

Keep your nose out of this!

สำนวนนี้ใช้ความเปรียบเรื่องจมูกกับความอยากรู้อยากเห็นเหมือนในคำว่า nosy ดังนั้นจึงไม่ได้หมายความว่าเอาจมูกออกไป แต่หมายถึงให้เลิกเข้ามารุ่มร่ามจุ้นจ้าน หยุดสอดรู้สอดเห็นเสียที ตัวอย่างเช่น ถ้านักข่าวพยายามสืบเสาะเรื่องการจัดซื้อตู้กรองน้ำ เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่พอใจก็อาจขู่ว่า Keep your nose out of this. Don’t say that I didn’t warn you. ก็จะหมายถึง อย่ามาขุดคุ้ยสอดรู้เยอะ แล้วอย่าหาว่าไม่เตือนนะ

อีกคำพูดที่ใกล้ๆ กันก็คือ Don’t stick your snoot into my business. เพราะ snoot ก็หมายถึงจมูกเช่นกัน

 

Curiosity killed the cat.

สำนวนนี้ว่ากันว่ามีใช้กันมากว่า 400 ปีแล้ว แปลตรงตัวก็คือ ความอยากรู้อยากเห็นเป็นเหตุให้แมวตาย แต่เวลาที่มีใครพูดประโยคนี้ ไม่ใช่เพราะว่ามีแมวตายจริงๆ แต่กำลังพูดกึ่งขู่กึ่งเตือนว่า อย่าสอดรู้สอดเห็นให้มันมากนัก ราวๆ ว่าแมวที่อยากรู้อยากเห็นก็ตายมาแล้ว ถ้าเธออยากรู้อยากเห็นบ้างอาจจะประสบภัยบ้างก็ได้ ตัวอย่างเช่น หากเราถามหญิงสูงวัยว่าอายุเท่าไหร่และอีกฝ่ายไม่ยินดีจะตอบ เราก็อาจได้รับคำตอบกลับมาว่า Curiosity killed the cat. ก็จะหมายความทำนองว่า สอดรู้จริงนะเรา ถามเรื่องอื่นดีกว่าไหม

 

ได้แต่หวังว่าทุกคนคงจะไม่ได้พานพบคนที่จะทำให้ต้องใช้ศัพท์และสำนวนเหล่านี้บ่อยๆ นะครับ

 

 

บรรณานุกรม

  • http://www.etymonline.com/
  • American Heritage Dictionary of the English Language
  • Ayto, John. Oxford Dictionary of English Idioms. OUP: Oxford, 2009.
  • Brenner, Gail. Webster’s New World American Idiom Handbook. Wiley Publishing: Indianapolis, 2003.
  • Cambridge Advanced Learners’ Dictionary
  • Gulland, Daphne M., and Hinds-Howell, David. The Penguin Dictionary of English Idiom. Penguin Books: London, 2002.
  • Longman Dictionary of Contemporary English
  • Oxford Advanced Learners’ Dictionary

  • Shorter Oxford English Dictionary
Tags: ,