คนรักเนื้อคุ้นชินกับเนื้อวากิวระดับ A5 จากญี่ปุ่นหรือออสเตรเลียที่มีไขมันแทรกจนละลายในปาก แต่ Neil’s Tavern Restaurant & Bake Shoppe จะเปิดโลกสเต็กเนื้อในวิถีอเมริกัน ว่าสเต็กแบบเนื้อเน้นๆ รสชาติมันเป็นอย่างไร
Neil’s Tavern Restaurant & Bake Shoppe เป็นร้านสเต็กเนื้อที่อาจเรียกว่าเก่าแก่ที่สุดก็ว่าได้ เปิดร้านมาตั้งแต่ปี 1969 ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่นีล อาร์มสตรองสร้างประวัติศาสตร์เป็นมนุษย์คนแรกที่ขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ นั่นจึงเป็นที่มาของชื่อร้าน
หลังจากเปิดร้านสาขาแรกที่สยามสแควร์นานถึง 9 ปี ก็ย้ายมาอยู่ที่ซอยร่วมฤดีและก็ไม่เคยย้ายไปไหนอีกเลย ถือว่าเป็นร้านอาหารตะวันตกในรูปแบบอเมริกันสเต็กเฮ้าส์ร้านแรกๆ ในยุคที่ยังไม่ค่อยมีคนนำเข้าเนื้อจากอเมริกาและประเทศอื่นๆ มากเหมือนสมัยนี้ ประกอบกับช่วงเวลานั้นเริ่มมีชาวต่างชาติเข้ามาทำงานในเมืองไทยเยอะขึ้น มีสถานทูตชาติต่างๆ เข้ามาเปิดในไทย จึงเป็นโอกาสที่จะเปิดร้านสเต็กร้านนี้ขึ้นมา
ปัจจุบัน เดินทางมาถึงรุ่นที่ 3 ภายใต้การดูแลของตรีวิทย์ พิชณุษากร ที่ยังคงรักษาคุณภาพของอาหารเอาไว้และพัฒนารสชาติและเพิ่มเติมเมนูอื่นๆ เข้ามาเพื่อให้ถูกใจทั้งลูกค้าดั้งเดิมและลูกค้าใหม่ๆ ท่ามกลางการแข่งขันของร้านสเต็กที่เกิดขึ้นใหม่แทบทุกเดือน
สำหรับการตกแต่งร้านจะเป็นแนวคลาสสิกสไตล์อเมริกันคันทรี ดูหรูหราและมีระดับ คล้ายเดินเข้ามาทานอาหารที่บ้าน ในบรรยากาศสลัวๆ แต่อบอุ่นด้วยไม้และผนังอิฐสีส้ม มีให้บริการ 2 ชั้น แต่ละชั้นรองรับลูกค้าได้ถึง 100 คน โดยเฉพาะชั้นสองที่มีห้องจัดเลี้ยงส่วนตัวหรือปาร์ตี้สุดพิเศษก็ทำได้เช่นกัน
พระเอกของงานก็ต้องเป็นริบอายสเต็ก ขนาด 350 กรัม (U.S.D.A Prime Corn-Fed Rib Eye ราคา 2,300 บาท) เนื้อชั้นดีนำเข้าจากสหรัฐฯ ที่ผ่านการเลี้ยงโดยให้กินอาหารที่มีส่วนผสมของธัญพืช เพื่อสร้างไขมันเล็กน้อย จานนี้หอมกลิ่นย่างมาแบบกำลังสุกปานกลาง ข้างในยังพอมีส่วนที่เป็นแดงๆ ไม่สุกหรือดิบจนเกินไป ส่วนรสชาตินั้นไม่ต้องพูดถึง อาจไม่ขนาดละลายในปากเหมือนเนื้อวากิว แต่คุณจะได้รสชาติของเนื้อแบบเต็มคำ
ริบอายสเต็ก ขนาด 350 กรัม
ต่อกันด้วยล็อบสเตอร์ (Phuket Lobster Thermidor with Mushroom & Cheese ราคา 2,850 บาทขึ้นไป) เมนูนี้ทางร้านเลือกใช้วัตถุดิบในประเทศอย่างล็อบสเตอร์จากภูเก็ตนำไปทำเป็นเมนูคลาสสิกแบบฝรั่งเศส ที่เอาเนื้อล็อบสเตอร์ไปผัดกับครีมซอส เห็ด และชีส
จานถัดมาเป็นฟรัวกราส์ (Pan Seared French Foie Gras ราคา 780 บาท) ฟรัวกราส์อย่างดีจากฝรั่งเศส หอมและนุ่ม ตัดเลี่ยนด้วยบัลซามิก ซอสราสเบอร์รี และผักที่เป็นเครื่องเคียง ส่วนหอยเชลล์สแกลล็อป (U.S. Scallop Rockefeller) ก็ดีเพราะนำมาอบกับผักขม เบคอน และชีส หรืออยากลองเมนูปลาหิมะ (Grilled Snow Fish ราคา 1,320 บาท) ปลาหิมมะย่างมาหอมๆ ราดด้วยซอสเห็ดทรัฟเฟิล และโรยหน้าด้วยเห็ดทรัฟเฟิลสด มีหรือที่เราจะไม่ฟิน
ฟรัวกราส์ (Pan Seared French Foie Gras)
หอยเชลล์สแกลล็อป (U.S. Scallop Rockefeller)
ปลาหิมะ (Grilled Snow Fish) ราดซอสเห็ดทรัฟเฟิล และโรยหน้าด้วยเห็ดทรัฟเฟิลสด
ปิดท้ายด้วยของหวานซิกเนเจอร์ Viennese Choc Cake (ราคา 140 บาท) ซึ่งไม่สั่งไม่ได้ เพราะเป็นเมนูที่มีมาตั้งแต่เปิดร้าน และถือว่าเป็นอีกหนึ่งของหวานสร้างชื่อที่ทำให้คนรู้จัก จนต้องเปิดในส่วนที่เป็นเบเกอรีโดยเฉพาะ สำหรับเค้กช็อกโกแลตเป็นสูตรเฉพาะของทางร้านที่เราจะได้เหมือนกลิ่นไหม้นิดๆ แต่หอมและหวานลงตัว
Viennese Choc Cake
แม้ดูเหมือนราคาอาหารของ Neil’s Tavern Restaurant & Bake Shoppe จะสูงพอสมควรเมื่อเทียบกับร้านสเต็กอื่นๆ แต่ด้วยคุณภาพ การคัดสรรวัตุถุดิบ และความเก๋าที่ไว้ใจได้ในการทำสเต็ก เราว่าในราคานี้ก็คุ้มค่าและเหมาะจะเป็นร้านสเต็กที่บอกต่อ
Fact Box
Neil’s Tavern Restaurant & Bake Shoppe เลยที่ 58/4 ซอยร่วมฤดี ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพ 10330 เปิดบริการทุกวันในช่วงกลางวัน 11.30-13.45 น. และช่วงเย็น 17.30-22.30 น. สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือสำรองที่นั่งได้ที่ 0-2256-6874 หรือคลิก https://www.facebook.com/neilstavern