การค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะที่โคจรรอบดาวฤกษ์อื่นที่ไม่ใช่ดวงอาทิตย์นั้น เป็นข่าวคราวที่มีการประกาศอยู่บ่อยๆ จนหลายคนอาจไม่รู้สึกตื่นเต้นนัก
แต่ล่าสุดองค์การนาซาประกาศว่า นักดาราศาสตร์ใช้กล้องโทรทรรศน์อวกาศสปิตเซอร์ (Spitzer Space Telescope) ค้นพบว่าดาวฤกษ์ TRAPPIST-1 ที่อยู่ห่างจากโลกเราไป 40 ปีแสง มีดาวเคราะห์ขนาดพอๆ กับโลก 7 ดวงโคจรอยู่! ซึ่งสามดวงในนั้นโคจรในระยะห่างพอเหมาะที่น้ำสามารถดำรงสถานะเป็นของเหลวที่ผิวดาวได้
นี่เป็นครั้งแรกที่นักวิทยาศาสตร์พบดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะที่น้ำมีโอกาสเป็นของเหลวเป็นจำนวนมากที่สุด ซึ่งน้ำเป็นองค์ประกอบสำคัญของร่างกายสิ่งมีชีวิตบนโลกของเรา
คำถามที่ว่า ‘โลกเราเป็นสถานที่เดียวที่มีสิ่งมีชีวิตหรือไม่?’
เป็นหนึ่งในคำถามที่มนุษย์เราอยากรู้คำตอบมากที่สุดมาช้านาน ซึ่งการค้นหาดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะและการค้นพบในครั้งนี้น่าจะเป็นการก้าวกระโดดเข้าไปใกล้คำตอบนี้ครั้งสำคัญ
จริงๆ แล้วในปี ค.ศ. 2016 นักดาราศาสตร์เคยค้นพบดาวเคราะห์รอบๆ ดาวฤกษ์ดวงนี้มาแล้วแต่ค้นพบเพียง 3 ดวงเท่านั้น ต่อมาจึงมีการค้นพบเพิ่มเติมอีกจนเป็น 7 ดวง
ในตอนนี้นอกจากจะค้นพบแล้ว นักวิทยาศาสตร์ยังสามารถระบุขนาดดาวเคราะห์ได้ครบทุกดวงและหามวลดาวเคราะห์ได้ถึง 6 ดวง ทำให้นักดาราศาสตร์รู้ความหนาแน่นโดยเฉลี่ยของดาวเคราะห์ 6 ดวงนี้
จากข้อมูลความหนาแน่นทำให้นักดาราศาสตร์เชื่อว่ามันน่าจะเป็นดาวเคราะห์หินอย่างโลกของเรา
อย่างไรก็ตาม ดาวฤกษ์ TRAPPIST-1 เป็นดาวฤกษ์ประเภทดาวแคระเย็นจัด (ultra-cool dwarf) ที่มีขนาดเล็กกว่าดวงอาทิตย์ 10 เท่า และมีอุณหภูมิที่ผิวราวๆ 2,277 องศาเซลเซียส (ในขณะที่ดวงอาทิตย์ของเรามีอุณหภูมิที่ผิวสูงถึง 5,500 องศาเซลเซียส)
ด้วยอุณหภูมิที่ค่อนข้างต่ำของ TRAPPIST-1 ทำให้ดาวเคราะห์ที่น้ำมีโอกาสอยู่ในสภาพของเหลวต้องโคจรใกล้กับดาวฤกษ์ดวงนี้มากพอ ซึ่งดาวเคราะห์ทั้ง 7 ดวงนี้ล้วนแล้วแต่โคจรใกล้กับดาวฤกษ์ TRAPPIST-1 มากๆ (ใกล้ยิ่งกว่าระยะที่ดาวพุธ ซึ่งเป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดโคจรรอบดวงอาทิตย์เสียอีก)
ที่น่าสนใจคือ ดาวเคราะห์แต่ละดวงล้วนโคจรใกล้อย่างยิ่ง นักดาราศาสตร์เปรียบเทียบว่าหากเราไปยืนบนหนึ่งในดาวเคราะห์เหล่านั้น เราอาจมองเห็นผิวดาวเคราะห์หรือเมฆบนชั้นบรรยากาศของดวงเคราะห์ดวงอื่นๆ ได้เลย พูดง่ายๆ ว่าดาวเคราะห์ดวงอื่นจะปรากฏให้เห็นใหญ่กว่าดวงจันทร์บนท้องฟ้าเสียอีก
ในอนาคตอันใกล้นี้ นักดาราศาสตร์ตั้งเป้าจะใช้กล้องโทรทรรศน์อื่นๆ พุ่งเป้าศึกษาชั้นบรรยากาศของพวกมันว่ามีสภาพเป็นอย่างไร และมีองค์ประกอบของน้ำอยู่จริงหรือไม่
ถึงวันนั้นคงได้เวลาประเมินกันอีกครั้งว่า มีโอกาสพบสิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์เหล่านี้มากน้อยแค่ไหน
*งานวิจัยนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการชื่อดังอย่าง Nature
อ้างอิง:
Tags: earth, Space, Nasa