ในปี 2020 ทั่วโลกต่างเผชิญหน้ากับ วิกฤตจากไวรัสโควิด-19 กันถ้วนหน้า ยิ่งในภาคธุรกิจต่างได้รับผลกระทบกันไปตามๆ กัน แต่ธุรกิจ E-commerce (อีคอมเมิร์ซ) กับเติบโตสวนทางธุรกิจอื่นๆ ที่สำคัญยังเติบโตมากกว่าหลายๆ ปีที่ผ่านมา

จุดศูนย์กลางการเติบโตของตลาด E-commerce  อยู่ในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นับว่าน่าจับตามองอย่างยิ่ง เห็นได้จากแพลตฟอร์มซื้อขายออนไลน์ ที่ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด แถมยังแข่งขันกันอย่างดุเดือดข้ามประเทศกันเลยทีเดียว ประโยชน์จึงตกอยู่กับผู้ใช้บริการที่มีทางเลือกมากขึ้น

(นิธิ สัจจทิพวรรณ กรรมการผู้จัดการ และผู้ร่วมก่อตั้ง MyCloudFullfiment)

นิธิ สัจจทิพวรรณ กรรมการผู้จัดการ และผู้ร่วมก่อตั้ง MyCloudFullfiment ออกมากล่าวถึงการเติบโตของ ธุรกิจ E-commerce ไว้ว่า

“ปัจจุบันแนวโน้มตลาดซื้อขายสินค้าออนไลน์ทั่วโลก มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลจาก Statista ออกมาคาดการณ์ไว้ว่าในปีนี้ มูลค่าตลาดทั่วโลกจะอยู่ที่ 75 ล้านล้านบาทไทย เพิ่มขึ้นเป็น 26 % จากปีที่แล้ว ส่วนจำนวนผู้ใช้งานมีจำนวนมากถึง 3,468 ล้านคน คิดเป็น 9.6 % ”

“แต่ความน่าสนใจของตลาด E-commerce ตอนนี้คือรายได้ของทั่วโลก ส่วนใหญ่มาจากทวีปเอเชีย โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 45 ล้านล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 29 % มีผู้ใช้มากถึง 2,133 ล้านคน นับเป็นเปอร์เซ็นต์สูงถึง 61.5 เปอร์เซ็นต์ และหากมองเจาะลึกลงไป จะพบว่าตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีสัดส่วนมูลค่าเติบโตเพิ่มขึ้นมาถึง 44 % ”

มูลค่าตลาด E-commerce ในประเทศไทย ถ้ามองด้วยตาเปล่าก็น่าจะรู้กันเป็นอย่างดีว่าได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงล็อกดาวน์ การซื้อ-ขายออนไลน์เข้ามามีบทบาทอย่างสูงในการใช้ชีวิต ตัวเลขจากธุรกิจประเภทนี้เติบโตสูงถึง 42 % แต่ถึงอย่างไรตัวเลขนี้ยังคงไม่ใช่ตัวเลขสูงสุดในแถบอาเซียน ที่แชมป์ตกเป็นของประเทศอินโดนีเซีย  เพราะปัจจัยหลักของไทยคือประชากรผู้สูงอายุยังคงเข้าถึงเครื่องมือที่ใช้อินเทอร์เน็ตได้ยาก ทำให้พลาดโอกาสฐานจากลูกค้าส่วนนี้ไป

นิธิ ยังให้ความเห็นว่า แม้ E-commerce จะเป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมมากแค่ไหน แต่โจทย์ที่พ่อค้าแม่ขายต้องระวังก็ยังมีอยู่ อย่างการปรับเทรนด์ให้เข้ากับโลกที่หมุนตลอดเวลา พฤติกรรมความนิยมของลูกค้า ที่เปลี่ยนแทบจะทุกวัน การสร้างแคมเปญเพื่อกระตุ้นยอดขาย เรื่องเหล่านี้ล้วนแต่ต้องใช้ความละเอียดเข้าช่วย

สำหรับ MyCloudFulfiment เป็นบริษัทคลังสินค้าออนไลน์ขนาดใหญ่ ที่มีระบบจัดการออเดอร์ และระบบจัดการคลังสินค้า ช่วยร้านค้าขนาดเล็กย่อย ที่ใช้บริการสามารถจัดการสินค้าของตัวเอง ทั้งการเก็บ แพ็ค ส่งสินค้า ซึ่งเชื่อมต่อ API กับแพลตฟอร์มช่องทางการขายต่างๆแบบอัตโนมัติ ที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าทางแบรนด์ธุรกิจ E-commerce ของผู้ประกอบการให้มากขึ้นกว่าเดิม จากการนำฐานข้อมูลการขายมาใช้ประกอบวิเคราะห์ การพัฒนาให้เห็นจุดด้อย จุดแข็ง ที่จะลงทุนต่อ ที่มาจากการจัดการ Supply Chain คำสั่งซื้อทางหลังบ้าน

โดยล่าสุดทางMyCloudFulfiment เพิ่งได้รับเงินทุนมูลค่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากพันธมิตรผู้ลงทุนอย่าง ECG-RESEARCH , Gobi Partners , NVest Venture และ SCB 10X ที่จะมีส่วนทำให้ตลาดธุรกิจออนไลน์ของประเทศไทยแข็งแรงและครบวงจรมากขึ้นเรื่อยๆ

Fact Box

  • ธุรกิจ E-commerce ที่มียอดมูลค่าสูงในประเทศไทย นั้นอยู่ในกลุ่มของผลิตภัณฑ์ประเภท เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว อาหารเสริม ที่ถึงแม้จะขายหน้าร้านไม่ได้ ก็ยังสามารถจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ได้อยุ่ดี แต่ในส่วนของธุรกิจแฟชั่นกลับได้ลดผลกระทบเต็มๆ ในช่วงล็อกดาวน์ เพราะเมื่อไม่สามารถออกไปข้างนอกเที่ยวได้ ผู้คนก็เลือกที่จะใช้ชุดเสื้อผ้าเดิมๆ แทนที่จะซื้อใหม่
  • MyCloudFulfiment วางเป้าหายในอนาคตไว้ว่าจะขยายธุรกิจไปยีงประเทศเพื่อนบ้าน เช่นที่ เวียดนาม ที่มีตลาดความต้องการในด้าน E-Commerce สูงเช่นกัน