Bleed for This คนระห่ำหมัดหยุดโลก ภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องจริงของ วินนี-วินเซนโซ ปาเซียนซา (Vincenzo Pazienza) รับบทโดย ไมลส์ เทลเลอร์ (Miles Teller) อดีตนักมวยชาวอเมริกันที่ต้องประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ จนทำให้เขาคอหักและเกือบเสียชีวิต แม้สภาพร่างกายจะย่ำแย่ แต่วินนีก็ตัดสินใจฝ่าฟันอุปสรรคในการหาหนทางคืนสู่สังเวียนอีกครั้ง
The Momentum ได้รวบรวมเรื่องราวที่คุณอาจจะไม่เคยรู้ของภาพยนตร์เรื่องนี้ ก่อนจะไปร่วมลุ้นเอาใจช่วย วินเซนโซ ปาเซียนซา ให้กลับมาวาดลวดลายลีลาบนสังเวียนผ้าใบอีกครั้งหนึ่ง
1. สร้างจากเรื่องจริงที่น่าทึ่งของ ‘วินเซนโซ ปาเซียนซา’
วินเซนโซ ปาเซียนซา หรือปีศาจแพซมาเนียน (The Pazmanian Devil) อดีตนักมวยสายเลือดอเมริกัน-อิตาลี รุ่นไลต์มิดเดิลเวต’ (Light Middleweight) สร้างชื่อจากการคว้าแชมป์ WBA World Jr. Middleweight Champion และ USBA Championship ในปี 1991 จนทำให้เขากลายเป็นนักมวยคนที่สองในประวัติศาสตร์ (ณ ช่วงเวลาดังกล่าว) ที่คว้าทั้งแชมป์รายการ Lightweight and Junior Middleweight World Championships ในเวลาไล่เลี่ยกัน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวถูกปรามาสว่าเป็นนักมวยรองบ่อนมาโดยตลอด
หลังจากนั้นไม่นานชีวิตของปาเซียนซาก็เกิดความพลิกผันจนทำให้เขาต้องสละแชมป์ด้วยความไม่เต็มใจ วินนีประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนทำให้คอหักและเกือบเสียชีวิต แพทย์ต่างวินิจฉัยและลงความเห็นว่า ‘เขาอาจจะเดินไม่ได้อีกต่อไปและอาจจะต้องแขวนนวมก่อนวัยอันควร’ ยอดนักสู้จากอเมริกาต้องใช้ชีวิตโดยมีอุปกรณ์ ‘เฮโล’ (อุปกรณ์ที่ป้องกันเส้นกระดูกสันหลังฉีกขาด) พยุงหัวและหลังของเขาเพื่อยึดกระดูกให้เข้าที่เป็นเวลากว่า 3 เดือน ก่อนที่จะใช้ระยะเวลาถึง 13 เดือนในการหวนคืนสู่สังเวียนอีกครั้ง
2. ใช้ถ่ายทำเวลาเพียง 26 วัน ที่โรดไอแลนด์ ‘Rhode Island’
เบน ยังเกอร์ (Ben Younger) และทีมงานของเขาใช้เวลาเพียง 26 วันในช่วงปลายปี 2014 สำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Bleed for This ในสถานที่จริงที่ปาเซียนซาผ่านแมตช์สำคัญๆ มาทั้งหมดในรัฐเล็กๆ ทางตะวันออกของประเทศสหรัฐอเมริกา ‘โรดไอแลนด์’ (Rhode Island) ทั้งยังช่วยควบคุมงบประมาณงานสร้างของภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เป็นอย่างดีที่ 6,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ
เบนกล่าวว่า “เราสามารถสร้างภาพยนต์เรื่องนี้ที่ดูเผินๆ เหมือนจะเป็นหนังที่ใช้งบประมาณกว่า 20,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ ให้น้อยกว่านั้นมาก ต้องขอบคุณรัฐโรดไอแลนด์ และผู้คนที่ต้อนรับเราเป็นอย่างดี มันเป็นการเติมเต็มสิ่งพิเศษให้กับภาพยนตร์ สำหรับฉากฝูงชน กับการที่ทุกคนสามารถนำชุดเก่าๆ ที่มีไปปัดฝุ่นแล้วนำกลับมาสวมใส่อีกครั้ง ทำให้เราได้กลิ่นอายบรรยากาศแวดล้อมของปี 1988 พร้อมกับความสมจริงในภาพยนตร์เรื่องนี้”
3. ขุนร่างกายให้หนักเพื่อก้าวขึ้นสู่สังเวียน
ภายหลังที่ได้รับการทาบทามให้เข้าร่วมแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ ไมลส์ เทลเลอร์ แทบจะไม่เสียเวลาในการตัดสินใจเลยด้วยซ้ำ “ผมมองหาคาแรกเตอร์ที่ท้าทายกับการสวมบทบาทตัวละครที่มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ผมหลงรักเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับวินนี เขาเป็นถึงแชมป์มวยโลก เป็นตัวละครที่น่าเล่นมาก ผมสนใจเรื่องราวที่เขาสามารถกลับคืนสู่สังเวียนได้อีกครั้ง จนทำให้เขากลายเป็นตำนาน”
แม้จะกล่าวเช่นนั้น แต่ก็ใช่ว่า ไมลส์ เทลเลอร์ จะสวมบทบาทยอดนักชกวินนี ปาเซียนซา ได้โดยไร้การเตรียมพร้อม เพราะก่อนที่จะเริ่มถ่ายทำ ไมลส์ต้องเข้าคอร์สปรับโภชนาการอาหารการกินกับ แกรี โคแบต (Gary Kobat) โภชนากรชื่อดังที่เคยดูแลอาหารการกินให้กับ มิตช์ เกย์ลอร์ด (Mitch Gaylord) นักยิมนาสติกเหรียญทองโอลิมปิกมาแล้ว ซึ่งก่อนที่จะเข้ารับโปรแกรมดังกล่าว เจ้าตัวมีไขมันมากถึง 20% ของร่ายกาย และมีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 85 กิโลกรัม!
ในขณะที่เข้าคอร์สปรับปรุงโภชนาการ ไมลส์ต้องฝึกซ้อมเบสิกและชั้นเชิงการชกมวยควบคู่ไปด้วยกัน โดยมี ดาเรลล์ ฟอสเตอร์ (Darrell Foster) อดีตผู้ฝึกซ้อม ชูการ์ เรย์ ลีโอนาร์ด (Sugar Ray Leonard) นักชกชื่อดังเมืองมะกันยุค 80’s และ วิล สมิธ (Will Smith) นักแสดงเจ้าบทบาทที่เคยรับบท มูฮัมหมัด อาลี (Muhammad Ali) เป็นผู้ฝึกซ้อม ซึ่งภายหลังการทุ่มเทอย่างหนักทุกๆ วันในระยะเวลากว่า 5 เดือน หุ่นของไมลส์ก็ดูล่ำขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยท้ายที่สุดแล้วเจ้าตัวสามารถรีดไขมันให้เหลือเพียง 6% ของร่างกาย และมีน้ำหนักอยู่ที่ 76 กิโลกรัมที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม
4. ไมลส์ เทลเลอร์ กับอุบัติเหตุทางรถยนต์
ดูเหมือนจะมีเหตุการณ์ที่ทำให้ ไมลส์ เทลเลอร์ ดาราหนุ่มมากฝีมือต้องเข้าไปพัวพันกับอุบัติเหตุทางรถยนต์อยู่เป็นประจำ หากใครยังจำได้ ในฉากหนึ่งของหนังตีกลองเรื่อง Whiplash แอนดรูว์ ตัวเอกของเรื่องก็ต้องเผชิญจุดเปลี่ยนกับอุบัติเหตุรถชนมาแล้ว เช่นเดียวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ตัวละครวินเซนโซที่เขาต้องสวมบทบาทก็ประสบกับอุบัติเหตุรถชนอีกเช่นเคย เรียกได้ว่าอาจจะเป็นคนที่มีดวงไม่ค่อยดีนักกับประสบการณ์เฉียดตายทางรถยนต์
ในชีวิตจริงของไมลส์ ครั้งหนึ่งเจ้าตัวก็เฉียดตายกับอุบัติเหตุทางรถยนต์มาแล้ว และหนึ่งปีให้หลังจากอุบัติเหตุครั้งดังกล่าว เพื่อนสนิทของเขาก็ต้องจบชีวิตลงจากเหตุรถชน ทุกวันนี้ไมลส์จึงสวมสร้อยข้อมือสีเขียวที่สลักข้อความว่า ‘Buckle up for Bo’ เพื่อไว้อาลัยให้เพื่อนรักของเขา และหากไม่ติดเรื่องความขัดแย้งของลักษณะตัวละครในหนังแต่ละเรื่องที่เจ้าตัวต้องสวมบทบาท ไมลส์ก็มักจะสวมสร้อยข้อมือดังกล่าวถ่ายทำในภาพยนตร์ทุกๆ เรื่องที่เขาเล่น
อ้างอิง:
– http://www.historyvshollywood.com/reelfaces/bleed-for-this/
– http://www.imdb.com/title/tt1620935/?ref_=tttr_tr_tt
– https://en.wikipedia.org/wiki/Vinny_Paz
DID YOU KNOW?
- จากการเปิดเผยของ วินเซนโซ ปาเซียนซา กับสำนักข่าว Daily Mail เจ้าตัวเล่าว่าตลอดชีวิตการสวมนวม เขาจมูกหักไปมากกว่า 100 ครั้ง
- ในชีวิตจริงของวินเซนโซ หลังจากที่หมอบอกเขาว่า จะไม่มีวันกลับไปเป็นนักมวยได้อีกครั้ง เจ้าตัวไม่เชื่อคำพูดเหล่านั้นพร้อมตอบกลับหมอไปว่า “พวกนายแม่งไม่เข้าใจหรอกว่าฉันเป็นคนยังไง”
- มีการเปิดเผยเพิ่มเติมว่าต้นตอของอุบัติเหตุที่ร้ายแรงครั้งดังกล่าว เกิดจากวินเซนโซไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับเอง พร้อมกับเผยสาเหตุสุดเพี้ยนไว้ว่า “เพราะว่าผมมันบ้าไง ผมเป็นนักสู้ ผมปล่อยหมัด และผมก็ไม่ได้คิดถึงอุบัติเหตุหรอก”
- วินเซนโซ ปาเซียนซา แขวนนวมในปี 2004 ด้วยสถิติสวยหรู ขึ้นชก 60 ครั้ง แพ้เพียง 10 ครั้ง และชัยชนะ 30 จาก 50 ครั้งนับเป็นการชนะแบบน็อกเอาต์ทั้งสิ้น