นี่ไม่ใช่ ‘Photobomb’ แต่เป็น ‘Videobomb’ กลางรายการข่าวของสถานีโทรทัศน์บีบีซี ซึ่งเกิดขึ้นในระหว่างที่ผู้ประกาศข่าวกำลังสัมภาษณ์ โรเบิร์ต อี. เคลลี (Robert E. Kelly) ผู้เชี่ยวชาญด้านคาบสมุทรเกาหลีเกี่ยวกับการถอดถอนปาร์กกึนเฮออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี แต่ลูกๆ ของเขาดันพรวดพราดเข้ามาขณะที่เขากำลังให้สัมภาษณ์ผ่าน Skype!

หลังจากนั้นคลิปนี้ถูกเผยแพร่ต่อโดยสื่ออื่นๆ อย่างกว้างขวาง จนเขาได้รับคำยกย่องจากชาวเน็ตว่าเป็น ‘ดาราหน้ากล้อง’ ที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างมืออาชีพ จนเขาเองถึงกับโพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า “สรุปแล้วนี่จะเป็นสิ่งที่คนให้ความสำคัญจริงๆ หรือ?”

ล่าสุดเมื่อวานนี้บีบีซีได้พลิกวิกฤตเป็นโอกาส เชิญทั้งครอบครัวของเขาที่กลายเป็นคนดังชั่วข้ามคืนมาสัมภาษณ์ผ่าน Skype สดๆ เกี่ยวกับ Videobomb ในวันนั้นและสถานการณ์ในเกาหลีใต้ซะเลย!

 

via GIPHY

ช็อต Videobomb ที่กลายเป็นคลิปไวรัลบนอินเทอร์เน็ต

เมื่อวันศุกร์ที่ 10 มีนาคม 2017 โรเบิร์ต อี. เคลลี อาจารย์คณะรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยปูซานแห่งชาติของเกาหลีใต้ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบีบีซี เกี่ยวกับการถอดถอนปาร์กกึนเฮออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีผ่านโปรแกรมวิดีโอคอล Skype

และก่อนหน้าที่เขาจะให้สัมภาษณ์กับบีบีซี 10 นาที เขาได้โพสต์บนทวิตเตอร์ว่า “ผมจะให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบีบีซีเกี่ยวกับการถอดถอนประธานาธิบดีเกาหลีใต้ในอีก 10 นาที”

เมื่อเขาปรากฏบนหน้าจอของบีบีซี เขาอยู่ในชุดสูทและเนกไทสีแดงดูเป็นทางการ แต่เมื่อ เจมส์ เมเนนเดซ (James Menendez) ผู้ประกาศข่าวบีบีซีเริ่มถามคำถาม ทันใดนั้นมีเด็กผู้หญิงเปิดประตูเข้ามาภายในห้องและเดินเข้ามาด้วยท่าทางตลก

ซึ่งผู้ประกาศข่าวได้พูดกับเขากลางรายการสดว่า “ผมคิดว่าลูกของคุณเพิ่งเดินเข้ามาในห้องนะครับ” จากนั้นผู้ประกาศข่าวพยายามถามคำถามต่อไปเพื่อดำเนินรายการให้เป็นไปตามปกติ แต่หนูน้อยได้เข้ามาเล่นอยู่ข้างหลังเขาและเริ่มทำให้เขาเสียสมาธิ จนเขาต้องเอ่ยขอโทษกลางรายการว่า “ผมขอโทษครับ…ขอโทษด้วย”

จากนั้นสถานการณ์เริ่มวุ่นวายมากขึ้นไปกว่าเดิม เพราะเด็กเล็กซึ่งอยู่ในรถเข็นได้เข้ามาในห้องอีกหนึ่งคน! ก่อนที่ จุง-อา คิม (Jung-a Kim) แม่ของเด็กทั้งสองจะพรวดพราดเข้ามาแล้วพาเด็กทั้งสองคนออกไปจากห้อง ซึ่งในขณะนั้น โรเบิร์ต อี. เคลลี ได้แต่ยิ้มเบาๆ และพยายามตอบคำถามกับผู้ประกาศข่าวบีบีซีให้ราบรื่นที่สุด

หลังจากนั้นคลิปการให้สัมภาษณ์ของเขาถูกส่งต่อไปทั่วสังคมออนไลน์ และสื่อหลายสำนักอย่าง Buzzfeed, The Guardian และ CNN ได้นำเรื่องนี้ไปนำเสนอ ซึ่งชาวเน็ตต่างพากันเข้ามาแสดงความคิดเห็นยกย่องศาสตราจารย์เคลลีว่า เขานั้นเป็น ‘ดาราหน้ากล้อง’ ที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างมืออาชีพ และไม่แสดงสีหน้าตกใจใดๆ

อย่างไรก็ตามเมื่อสื่อต่างๆ เข้ามาถามเขาผ่านทวิตเตอร์ว่า จะสามารถแชร์คลิปวิดีโอช่วงที่ลูกของเขาเข้ามาเล่นในห้องได้หรือไม่ เขาได้ตอบกลับด้วยความผิดหวังว่า “คุณหมายความว่าอย่างไร คุณจะเล่นคลิปวิดีโอนี้ซ้ำบนโทรทัศน์ของบีบีซีหรือทวิตเตอร์ นี่จะเป็นใจความของเนื้อหาที่จะถูกส่งต่อไปเรื่อยๆ และถูกพูดถึงเหรอ”

เนื้อหาสำคัญๆ ภายในคลิปสัมภาษณ์ เขาได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในเกาหลีใต้ว่า การปลดปาร์กกึนเฮสะท้อนให้เห็นพัฒนาการทางประชาธิปไตยของเกาหลีใต้ ที่การประท้วงไร้ความรุนแรง และขั้นตอนการถอดถอนเป็นไปตามขั้นตอนประชาธิปไตย รวมถึงการล้มอำนาจเก่าในเกาหลีใต้ตั้งแต่สมัยพ่อของปาร์กกึนเฮ ที่ถือว่าเป็นคนที่ชาวเกาหลีใต้มองว่า แม้จะเป็นอำนาจทหารแต่ก็เป็นผู้ที่สามารถพัฒนาเศรษฐกิจเกาหลีใต้ให้เป็นประเทศอุตสาหกรรมได้สำเร็จ

สัมภาษณ์ทั้งครอบครัวเกี่ยวกับสถานการณ์ในเกาหลีใต้

ล่าสุดเมื่อวานนี้ (14 มีนาคม 2017) สถานีโทรทัศน์บีบีซีได้สัมภาษณ์ทั้งครอบครัวของศาสตราจารย์เคลลีอีกครั้งผ่าน Skype โดยครั้งนี้ เจมส์ เมเนนเดซ  ผู้ประกาศข่าวคนเดิมได้พูดกับเขาว่า “ครั้งที่แล้วผมไม่มีโอกาสได้พบกับครอบครัวของคุณอย่างเหมาะสม ครั้งนี้ผมจึงอยากให้คุณแนะนำสมาชิกในครอบครัวของคุณครับ”

จากนั้นผู้ประกาศข่าวจึงใช้โอกาสนี้สัมภาษณ์ภรรยาของเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ในเกาหลีใต้ หลังจากมีคำสั่งถอดถอนปาร์กกึนเฮออกจากตำแหน่งประธานานาธิบดี ซึ่งเธอก็ได้แสดงความคิดเห็นว่าสถานการณ์ภายในประเทศตอนนี้กำลังตึงเครียด แต่เธอเชื่อว่ามันจะดีขึ้นในอนาคต

ขณะที่ศาสตราจารย์เคลลีเปิดเผยว่า หลังจากนั้นเขาได้รับอีเมลและโทรศัพท์อย่างล้นหลามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และกังวลว่าบีบีซีอาจจะไม่โทรมาสัมภาษณ์ขอความเห็นจากเขาอีก พร้อมอธิบายว่าขณะนั้นภรรยาของเขากำลังอัดการสัมภาษณ์กับบีบีซีในอีกห้องหนึ่ง จนทำให้ลูกๆ ทั้งสองเผลอเข้ามาในห้องระหว่างการสัมภาษณ์ได้ แต่เขายืนยันว่ามันเป็นความผิดของเขาเองที่ไม่ได้ล็อกประตู ซึ่งไม่ใช่ความผิดของภรรยา อีกทั้งเขานั้นใส่กางเกงอยู่แน่นอนระหว่างการให้สัมภาษณ์ เพราะชาวเน็ตบางคนถึงกับตั้งข้อสังเกตว่า เขาไม่ลุกขึ้นไปอุ้มลูกออกไป เพราะเขาไม่ได้ใส่กางเกง

ด้านเมเนนเดซ ผู้ประกาศข่าวออกตัวด้วยอารมณ์ขันว่า “จริงๆ แล้วเป็นความผิดของผมด้วย เพราะผมมีหน้าที่จะต้องตัดการสัมภาษณ์นั้นเข้ารายการ แต่ถ้าผมตัดเข้ารายการกลางคัน ทุกคนก็จะไม่ได้สนุกสนานกับคลิปนี้”


อ้างอิง:

Tags: , , , ,