เกาหลีเหนือเริ่มทำการค้นคว้าด้านอาวุธนิวเคลียร์ตั้งแต่ช่วงปี 1950
และการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ 3 ครั้งในปี 2003, 2006 และ 2009
มีการปลดปล่อยพลังงานอยู่ที่ 2-20 กิโลตัน
ที่แม้กระทั่งการคว่ำบาตรจากนานาชาติก็ไม่สามารถหยุดยั้งคิมจองอึนได้

สำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนักพาดหัวตรงกันว่า วันเกิดครบรอบ 33 ปีของคิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ประมุขของรัฐที่อายุน้อยที่สุดของโลกผ่านไปอย่างเงียบเชียบ ไร้การเฉลิมฉลองอย่างเอิกเกริก ต่างจากการเฉลิมฉลองวันเกิดของอดีตผู้นำอย่างคิมอิลซุง และคิมจองอิล ปู่และบิดาของเขา

ปฏิทินของเกาหลีเหนือยังคงไม่นับว่าวันที่ 8 มกราคม เป็นวันสำคัญของประเทศ

คิมจองอึนพยายามจะให้บทบาทและอำนาจของเขาค่อยเป็นไปค่อยไป แตกต่างจากปู่และบิดาที่ระหว่างการอยู่ในอำนาจทั้งสองคนได้ใช้ Propaganda อย่างหนักหน่วง จนทุกวันนี้รูปปั้นและภาพถ่ายของสองคนนี้ยังพบเห็นได้ทั่วไปในเกาหลีเหนือ รวมถึงในบ้านเรือนของประชาชน

การวางตัวเช่นนี้ของคิมจองอึนถูกมองว่า เป็นการวางตัวที่ถ่อมตัว และพยายามไม่ให้กระทบต่อความรู้สึกของชาวเกาหลีเหนือที่ยังยึดติดกับอดีตผู้นำ

ทว่าในเวทีโลกภาพลักษณ์ของคิมจองอึนไม่ได้เป็นเช่นนั้น แม้วันเกิดของเขาจะไม่เคยมีพิธีการเฉลิมฉลองใดๆ แต่ไม่กี่วันก่อนหน้าวันเกิดของเขาเมื่อปีที่แล้ว สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เขาเฉลิมฉลองวันเกิดด้วยการประกาศว่า เกาหลีเหนือประสบความสำเร็จในการทดลองอาวุธทำลายล้าง อย่างระเบิดไฮโดรเจน

แม้การทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือจะยังพิสูจน์ไม่ได้ และทำให้คิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ กลายเป็นตัวตลกในเวทีโลกหลายครั้ง แต่ถึงวันนี้เมื่อเกาหลีเหนือมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นผู้นำด้านอาวุธอย่างแท้จริง

คำถามคือ โลกควรหยุดหัวเราะเยาะเขาได้หรือยัง?

เกาหลีเหนือกับการเป็นผู้นำด้านอาวุธ

อดีตทูตอังกฤษประจำเกาหลีเหนือออกมาเตือนว่า เป็นอันตรายอย่างมากหากเราคิดอย่างประมาทว่า ไม่มีทางที่ประเทศอย่างเกาหลีเหนือจะตอบโต้ประเทศอื่นๆ ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งได้สร้างคำถามให้กับทั่วโลกว่า เป็นการกระทำที่ฉลาดแล้วหรือที่เราจะหัวเราะเยาะคิมจองอึน ผู้นำที่มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะยิงอาวุธนิวเคลียร์เมื่อไหร่ก็ได้

และแม้เกาหลีเหนือจะไม่มีการฝึกรบอย่างเป็นทางการ แต่เกาหลีเหนือถูกมองว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีกองกำลังทางทหารที่ใหญ่ที่สุดของโลก สหรัฐฯ คาดการณ์ว่าเกาหลีเหนือมีทหารถึงประมาณ 1.2 ล้านคน และเมื่อวันเกิดของเขาเมื่อปีที่แล้ว เขาได้ออกมาประกาศว่า เกาหลีเหนือประสบความสำเร็จในการทดสอบอาวุธไฮโดรเจน ซึ่งหลายคนทั่วโลกต่างหัวเราะเยาะต่อข้อความนี้ของเขา

การทดสอบอาวุธของเกาหลีเหนือแต่ละครั้ง สะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการด้านอาวุธนิวเคลียร์ และความสามารถในการพัฒนาอาวุธทำลายล้างที่มากขึ้นเรื่อยๆ แม้จะยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า การทดลองอาวุธนิวเคลียร์ครั้งล่าสุดนั้นเป็นอาวุธไฮโดรเจนหรือไม่ แต่ชัดเจนว่าเกาหลีเหนือมีเป้าหมายต้องการเป็นผู้นำด้านอาวุธนิวเคลียร์ของโลก

ครั้งสุดท้ายที่โลกรับรู้ว่ามีการทดลองอาวุธไฮโดรเจนคือ ครั้งที่สหภาพโซเวียตทดลองอาวุธไฮโดรเจนในสมัยสงครามเย็น ซึ่งมีการปลดปล่อยพลังงานอยู่ที่ 50,000 กิโลตัน

เกาหลีเหนือเริ่มทำการค้นคว้าด้านอาวุธนิวเคลียร์ตั้งแต่ช่วงปี 1950 และการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ 3 ครั้งในปี 2003, 2006 และ 2009 มีการปลดปล่อยพลังงานอยู่ที่ 2-20 กิโลตัน ที่แม้กระทั่งการคว่ำบาตรจากนานาชาติก็ไม่สามารถหยุดยั้งคิมจองอึนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาถูกรายล้อมด้วยลูกน้องที่บอกกับเขาว่า เขาคือผู้นำที่ไม่มีใครสามารถเอาชนะได้

เรื่องที่หลายคนอาจไม่รู้คือ สหรัฐอเมริกาคือประเทศที่มีการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์มากที่สุดในโลกถึง 1,032 ครั้ง รองลงมาคือสหภาพโซเวียต ซึ่งเกาหลีเหนือมีการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์มากเป็นอันดับสี่ของโลก หากมีการทดสอบจริงตามที่เกาหลีเหนือกล่าวอ้าง

หลังจากมีการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ครั้งล่าสุด โลกได้เห็นภาพถ่ายของชาวเกาหลีเหนือที่ออกมาเฉลิมฉลองความสำเร็จดังกล่าว ชาวเกาหลีเหนือเชื่อว่า จะไม่มีประเทศไหนสามารถโจมตีเกาหลีเหนือได้

รวมถึงความเชื่อที่ว่าพวกเขามีอุโมงค์ใต้ดินไว้สำหรับหลบภัย หากถูกโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์จากตะวันตก

เมื่อเทียบจำนวนอาวุธที่เกาหลีเหนือมีกับจำนวนประชากร
เกาหลีเหนือยังเป็นประเทศที่ครอบครองอาวุธมากที่สุด
โดยคาดว่าเกาหลีเหนือมีอาวุธกว่า 1.17 ล้านชิ้น

คิมจองอึนทุ่มงบประมาณเกือบหนึ่งในสี่ไปกับการสร้างกองทัพ

เกาหลีเหนือคือประเทศที่ใช้งบประมาณด้านทหารสูงที่สุดในโลก เมื่อเทียบกับค่าจีดีพีของประเทศ ตั้งแต่ปี 2002-2012 เกาหลีเหนือใช้งบประมาณเกือบหนึ่งในสี่ของจีดีพีไปกับการลงทุนด้านอาวุธ ซึ่งคิดเป็นประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อปี

แม้เมื่อเทียบกับสหรัฐฯ ที่ลงทุนด้านอาวุธประมาณ 650,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี จำนวนเงินที่เกาหลีเหนือลงทุนด้านอาวุธจะยังถือว่าทิ้งห่าง แต่เมื่อเทียบกับค่าจีดีพีแล้ว เกาหลีเหนือคือประเทศที่ยอมควักงบประมาณมากที่สุดไปกับการลงทุนด้านอาวุธและกองกำลัง

นอกจากนี้เมื่อเทียบจำนวนอาวุธที่เกาหลีเหนือมีกับจำนวนประชากร เกาหลีเหนือยังเป็นประเทศที่ครอบครองอาวุธมากที่สุด โดยคาดว่าเกาหลีเหนือมีอาวุธกว่า 1.17 ล้านชิ้น

ขณะที่เกาหลีใต้ศัตรูสำคัญของเกาหลีเหนือนั้น มีอาวุธเพียงประมาณ 600,000 ชิ้น

ท่าทีของเกาหลีเหนือที่แข็งกร้าวขึ้นเรื่อยๆ แม้กระทั่งกับจีนพันธมิตรสำคัญ ที่โลกคาดหวังว่าจะเป็นผู้ตรวจสอบการพัฒนาอาวุธของเกาหลีเหนือ แต่สุดท้ายจีนเองก็ยังไม่สามารถทำอะไร

และล่าสุดเกาหลีเหนือได้ออกมาขู่อีกครั้งว่า เกาหลีเหนือสามารถยิงขีปนาวุธข้ามทวีป

“เมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการ”

Photo: KCNA KCNA, Reuters/profile

อ้างอิง:

Tags: , , ,