วันที่ 20 มกราคม 2017 ตามเวลาสหรัฐฯ คือวันสุดท้ายที่ โดนัลด์ ทรัมป์ นักธุรกิจชาวสหรัฐฯ จะเป็นพลเมือง เพราะคือวันที่เขาได้สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ต่อหน้าผู้พิพากษาสูงสุด และได้กล่าวสุนทรพจน์ต่อหน้าชาวอเมริกันทั่วประเทศ
ทั่วโลกต่างเฝ้ารอฟังบทสุนทรพจน์ของทรัมป์ เพราะคำพูดของเขาจะสะท้อนทิศทางของอเมริกา ที่เปรียบเสมือนหางเสือเรือนำทั้งโลกไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
โดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางมางานพิธีสาบานตนพร้อมกับ เมลาเนีย ทรัมป์ สตรีหมายเลขหนึ่งคนใหม่ ด้านบารัก โอบามา, มิเชล โอบามา, บิล คลินตัน และฮิลลารี คลินตัน ก็เดินทางมาร่วมพิธีสาบานตนครั้งนี้เช่นกัน
แม้จะไม่สามารถระบุจำนวนที่แน่นอนของประชาชนที่มาร่วมงานได้ แต่ภาพที่ปรากฏตามสื่อต่างประเทศก็แสดงให้เห็นว่ามีคนมาร่วมงานน้อยกว่าครั้งที่ผ่านๆ มา และไม่แน่นขนัดเต็ม National Hall อย่างที่เราเคยเห็นกัน
และมีประชาชนหลายพันคนร่วมเดินขบวนประท้วงต่อต้านทรัมป์ในกรุงวอชิงตัน พร้อมกับป้ายข้อความกล่าวว่าทรัมป์ทั้งเป็นลูกน้องรัสเซีย, ฟาสซิสต์ และประธานาธิบดีที่ไร้ความชอบธรรม
‘พรมแดน’ ‘การปกป้อง’ ‘อเมริกาต้องมาก่อน’
ทรัมป์ยังคงยืนยันคำพูดเหล่านี้ผ่านบทสุนทรพจน์ของเขา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้พูดว่าเขาจะทำให้ประเทศกลับมาเป็นหนึ่งเดียวกัน อย่างไรก็ตามบทสุนทรพจน์ของเขาก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์กระหน่ำสังคมออนไลน์ว่าเป็นบทสุนทรพจน์ที่สะท้อนความคิดแบ่งแยกมากที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยได้ฟังมา ตั้งแต่สมัยประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี ในช่วงปี 1960 บ้างว่าเป็นบทสุนทรพจน์ที่ต้องการปลุกความเป็นชาตินิยม แต่กลับสร้างความแบ่งแยกให้กับสังคม และพูดด้วยความโกรธเพื่อเอาใจกลุ่มคนที่สนับสนุนเขา แต่ขาดการพูดให้ทุกคนสามัคคี และเป็นหนึ่งเดียวกัน
อเมริกากับวิสัยทัศน์ใหม่ ‘America First’
“เรา พลเมืองชาวอเมริกัน กำลังพยายามกลับมาสร้างประเทศของเราใหม่ และกลับมาทำตามสัญญาต่างๆ ที่ให้ไว้กับประชาชนทุกคน
“มันนานเกินไปแล้วที่คนกลุ่มเพียงน้อยนิดได้ผลประโยชน์ไป ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมในความมั่งคั่ง นักการเมืองกลับเจริญรุ่งเรือง แต่เราสูญเสียงาน โรงงานต่างๆ ปิดตัวลง
“สิ่งต่างๆ ปกป้องผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม แต่ไม่ได้ปกป้องพลเมืองของประเทศเรา ชัยชนะของพวกเขา ไม่ใช่ชัยชนะของพวกเรา ขณะที่พวกเขาเฉลิมฉลองในประเทศของเรา เหลือสิ่งเพียงน้อยนิดให้ครอบครัวที่ยากลำบากทั่วประเทศของเราได้ปรีดา
“วันที่ 20 มกราคม 2017 จะถูกจดจำว่าเป็นวันที่ประชาชนได้กลับมาเป็นผู้ปกครองประเทศอีกครั้ง ผู้ชายและผู้หญิงทุกคนที่เคยถูกลืม จะไม่ถูกลืมอีกต่อไป
“เป็นเวลาหลายสิบปีที่ประเทศของเราสนับสนุนโรงงานของต่างชาติ แต่ต้องสูญเสียโรงงานของอเมริกาไป สนับสนุนทหารในประเทศอื่นๆ แต่สูญเสียทหารของเราเอง เราปกป้องพรมแดนของประเทศอื่นๆ แต่เราปฏิเสธที่จะปกป้องพรมแดนของเราเอง และใช้เงินหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในต่างแดน ขณะที่สาธารณูปโภคของเราถูกทิ้งให้เสียหายและไม่ได้รับการปรับปรุง
“เราทำให้ประเทศอื่นๆ ร่ำรวย ขณะที่ความมั่งคั่ง ความแข็งแกร่ง และความมั่นใจทั่วดินแดนของเรากลับสูญหาย
“ความอยู่ดีกินดีของชนชั้นกลางถูกกระชากออก และถูกนำไปแจกจ่ายให้ทั่วโลก
“จากวันนี้เป็นต้นไป ประเทศของเราจะถูกปกครองด้วยวิสัยทัศน์ใหม่
“จากตอนนี้เป็นต้นไป อเมริกาจะต้องมาก่อน
“การตัดสินใจต่อเรื่องการค้า การจ่ายภาษี การอพยพ และนโยบายต่างประเทศ จะต้องเป็นประโยชน์กับแรงงานและครอบครัวชาวอเมริกัน เราต้องปกป้องพรมแดนของเราจากการปล้นสะดมของประเทศอื่น มาขโมยบริษัทของเรา และทำลายงานในประเทศเรา การปกป้องจะนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองและความแข็งแกร่ง
“ผมจะสู้เพื่อคุณในทุกๆ ลมหายใจของผม และผมจะไม่ปล่อยให้คุณผิดหวัง
“อเมริกาจะกลับมาชนะอีกครั้ง และชนะแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“เราจะไม่ปล่อยให้ประชาชนใช้ชีวิตอยู่กับสวัสดิการ แต่จะให้พวกเขากลับมาทำงาน กลับมาสร้างประเทศใหม่ด้วยมือของพวกเรา ด้วยแรงงานของพวกเราเอง
“เราจะทำตามกฎง่ายๆ สองข้อคือ ซื้อของอเมริกัน และจ้างคนอเมริกัน
“เราจะยังคงรักษามิตรภาพอันดีกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก แต่เราจะทำโดยที่ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของประชาชนของเราเป็นอันดับแรก
“เราจะดำรงมิตรภาพที่เราเคยมี และจะสร้างมิตรภาพใหม่ เราจะให้โลกนี้เป็นหนึ่งเดียวกัน ด้วยการต่อต้านการก่อการร้าย เราจะกำจัดพวกนี้ให้หมดสิ้น
“เมื่อเราเปิดหัวใจให้กับความรักชาติ เราจะไม่เหลือพื้นที่อคติในใจ
“เราจะต้องเปิดหัวใจของเรา ถกเถียง และโต้แย้งด้วยความซื่อสัตย์ แต่ยังคงรักษาความสามัคคี
“เราจะไม่ยอมรับนักการเมืองที่พูดแต่ไม่เคยทำอีกต่อไป นักการเมืองที่เอาแต่ตำหนิปัญหา แต่ไม่เคยทำอะไรกับมัน
“มันถึงเวลาที่คนของเรา ทหารของเรา จะต้องไม่ลืมว่า ไม่ว่าจะเป็นคนเชื้อชาติใด ผิวสีอะไร เลือดของเราสีเดียวกัน เราทุกคนอยู่ในประเทศที่มีอิสระที่ยิ่งใหญ่เหมือนกัน และเราทำความเคารพกับธงชาติผืนเดียวกัน
“ชาวอเมริกันทุกคนไม่ว่าจะอยู่ในเมืองเล็กหรือใหญ่ ไกลหรือใกล้ จากภูเขาถึงภูเขา จากมหาสมุทรถึงมหาสมุทร จงฟังคำนี้
“คุณจะไม่ถูกละเลยอีกต่อไป
“เราทุกคนจะทำให้อเมริกาแข็งแกร่งอีกครั้ง
“เราจะสร้างความมั่งคั่ง
“เราจะทำให้อเมริกากลับมาภาคภูมิใจ
“เราจะทำให้อเมริกาปลอดภัยอีกครั้ง
“และใช่ เราด้วยกันทุกคน เราจะทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง”
คณะรัฐมนตรีของทรัมป์ที่เก่งและฉลาดที่สุด แต่ขาดความหลากหลาย?
รายชื่อคณะรัฐมนตรีได้ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว โดยจะต้องได้รับการอนุมัติจากวุฒิสภาต่อไป ซึ่งคณะรัฐมนตรีที่ทรัมป์เลือกถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นชุดที่ขาดความหลากหลายมากที่สุดตั้งแต่ปี 1981 ตั้งแต่สมัยประธานาธิบดี โรนัลด์ เรแกน และเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1989 ที่ไม่มีชาวละตินร่วมในคณะรัฐมนตรี
คณะรัฐมนตรีของทรัมป์ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย และเป็นคนผิวขาว มีเพียงชาวแอฟริกัน-อเมริกัน 1 คน คือ เบน คาร์สัน (Ben Carson) ถูกเลือกให้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงพัฒนาเมืองและที่อยู่อาศัย และผู้หญิงชาวเอเชีย 1 คน อีเลน เชา (Elaine Chao) ที่ถูกเลือกให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม และผู้หญิงผิวขาว 1 คน เบตซี ดีโวส (Betsy DeVos) ที่ทรัมป์เลือกให้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงศึกษา
ฌอน สไปเซอร์ (Sean Spicer) โฆษกของทรัมป์ระบุว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรีที่ไม่มีชาวละตินนั้นไม่ควรถูกมองว่าทรัมป์ไม่ได้ต้องการให้คณะรัฐมนตรีขาดความหลากหลาย เพราะอย่างไรเขาจะรับใช้ทุกๆ คน และระบุว่า ทุกคนควรจะมองว่าทรัมป์ได้เลือกคนที่ดีและฉลาดที่สุด ที่จะทำให้ค่าแรงกลับมาสูงขึ้น และสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับอเมริกา
ในช่วงเย็นหลังพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เต้นรำคู่กับภริยา เมลาเนีย ทรัมป์ ในเพลง My Way ของ แฟรงก์ ซินาตรา และระหว่างการเต้นรำทรัมป์ได้พูดกลางงานว่า
“ใช่! เราทำมันในแบบของเรา!”
อ้างอิง:
– http://edition.cnn.com/2017/01/20/politics/trump-inaugural-address/index.html
– https://www.theguardian.com/us-news/live/2017/jan/20/donald-trump-inauguration-the-world-holds-its-breath-live-coverage
– http://www.independent.co.uk/news/world/americas/donald-trump-inauguration-president-national-mall-capitol-crowds-protests-a7538006.html
– http://www.latimes.com/nation/politics/trailguide/la-na-trailguide-updates-donald-trump-s-cabinet-is-complete-no-1484846802-htmlstory.html