การนำเอาเทคโนโลยีมาใช้เพื่อลดการติดต่อใกล้ชิด สัมผัสกันระหว่างมนุษย์ในช่วงการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 นี้ มีให้เห็นตั้งแต่ช่วงแรกๆ อย่างการขนส่งเครื่องมือแพทย์และอาหารเข้าสู่เมืองอู่ฮั่น ในช่วงที่มีการปิดเมือง 

ล่าสุดโรงพยาบาลในรัฐเบงกาลูรู ประเทศอินเดีย ก็ได้นำเอาเทคโนโลยีหุ่นยนต์มาช่วยในการตรวจคัดกรองผู้ป่วยโควิด -19 ก่อนที่พวกเขาจะได้พบแพทย์ เพื่อลดการทำงานของบุคคลากรทางการแพทย์ และหลีกเลี่ยงการติดต่อสัมผัสกับผู้ป่วยที่อาจจะยังไม่ปรากฏอาการ อันอาจจะนำไปสู่การแพร่ระบาดของไวรัสได้ และหุ่นยนต์ที่นำมาใช้ 2 ตัวนี้ มีชื่อสุดแสนน่ารักว่า ‘ไมตรา’ และ ‘ไมตรี’ 

ด่านแรกที่ผู้ป่วยจะต้องเจอก็คือไมตรา ไมตราจะถามคำถาม 5 คำถามง่ายๆ กับผู้ป่วย เพื่อคัดกรองเบื้องต้น ไม่ว่าจะเป็น ชื่อ หมายเลขโทรศัพท์ มีการวัดอุณหภูมิร่างกาย และถามว่าบุคคลนั้นมีไข้หรือไม่ หากไม่ได้อยู่ขั้นต้องสงสัยว่าจะติดเชื้อไวรัสหรือไม่ ไมตราก็จะพาผู้ป่วยไปพบกับเจ้าหน้าที่ในขั้นต่อไป แต่หากสงสัยว่าอาจจะติดเชื้อไวรัส ไมตราก็จะพาผู้ป่วยไปพบกับ ‘ไมตรี’

งานของไมตรีก็คือ คัดกรองผู้ป่วยที่มีอาการน่าสงสัยว่าจะติดไวรัสหรือไม่อีกครั้ง โดยการทำงานร่วมกับแพทย์ผ่านวิดีโอคอล ก่อนจะสรุปผลและนำผู้ป่วยไปพบแพทย์จริงๆ ต่อไป 

ดร. นาคสุภามณี ผู้อำนวยการด้านการแพทย์โรงพยาบาล Fortis ในรัฐเบงกาลูรู  ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์ไมตราไมตรีสองตัวนี้กล่าวว่า “โรงพยาบาลได้ดำเนินการตามขั้นตอนนี้ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ปฏิบัติงานด้านการดูแลสุขภาพได้รับการปกป้องตั้งแต่เริ่มต้น การคัดกรองด้วยหุ่นยนต์นี้จะช่วยให้ทั้งบุคคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วยมีความมั่นใจต่อกันและกัน” 

หุ่นยนต์ไมตราและไมตรีนี้เป็นผลงานของบริษัทสตาร์ตอัป Invento ทั้งการออกแบบและซอฟต์แวร์นั้น ประมาณ 80% เป็นของอินเดีย ส่วนการปรับปรุงเพื่อให้ง่ายก่อการผลิตและการผลิตนั้นมาจากประเทศจีน โดยในขณะนี้ได้ผลิต ‘ต้นแบบ’ มาเพื่อทดลองใช้งานเพียง 4 ตัว และหากประสบความสำเร็จอินเดียจะผลักดันให้เกิดการผลิตและการนำมาใช้งานทั้งในโรงพยาบาลและส่วนอื่นๆ ต่อไป 

อ้างอิง

https://economictimes.indiatimes.com/industry/healthcare/biotech/healthcare/fortis-hospital-introduces-robot-for-covid-19-screening

https://www.indiatoday.in/india/story/mitra-robot-india-designed-china-invento-start-up-shenzhen-dongguan

ภาพ  : Manjunath Kiran / AFP

Tags: , , ,