มาเลเซียกำลังจะจัดให้มีการเลือกตั้งใหญ่ในวันที่ 9 พฤษภาคม พรรคร่วมรัฐบาลในนามกลุ่มบาริซัน เนชันแนล หรือบีเอ็น (Barisan Nasional) ถูกวิจารณ์ว่าเล่นตุกติกหลายอย่าง พร้อมกับล่อใจผู้มีสิทธิ์ออกเสียงด้วยนโยบายลดแลกแจกแถมมากมาย

ในศึกเลือกตั้งเที่ยวนี้ กลุ่มบีเอ็นซึ่งนำโดยนาจิบ ราซัค วัย 65 ผู้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีตั้งแต่ปี 2009 จนถึงปัจจุบัน จะต้องต่อกรกับมหาเธร์ โมฮัมหมัด วัย 92 ผู้ปั้นนาจิบขึ้นเป็นผู้นำประเทศมากับมือ

มหาเธร์จัดว่าเป็นคู่แข่งที่ประมาทไม่ได้ จุดขายคือผลงานพัฒนาประเทศตลอด 22 ปีที่เคยครองอำนาจระหว่างปี 1981-2003 ซึ่งทำให้มาเลเซียก้าวพ้นจากความเป็นประเทศล้าหลัง กลายเป็นบ้านเมืองที่เจริญรุ่งเรือง

แม้ทั้งนาจิบและมหาเธร์ต่างเติบโตภายใต้พรรคการเมืองเดียวกัน คือ อัมโน (United Malays National Organization) ทว่านับแต่นาจิบรั้งเก้าอี้นายกฯ มหาเธร์ก็ส่งเสียงวิจารณ์นาจิบดังลั่นไม่แพ้ฝ่ายค้านเรื่อยมา กระทั่งล่าสุด ตกลงสวมเสื้อพรรคร่วมฝ่ายค้านลงสนามเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้ด้วย

ประเด็นอื้อฉาว 1MDB

หลังจากวางมือทางการเมือง ขยับไปเป็นผู้ดูริมขอบสนาม มหาเธร์มักตำหนินาจิบว่า ไม่สานต่อโครงการและนโยบายที่ตัวเขาเคยวางไว้

ตั้งแต่ปี 2015 หัวข้อวิจารณ์ได้ขยายจากเรื่องแนวทางการทำงานสู่ประเด็นคอร์รัปชัน เมื่อเกิดข้อกล่าวหาว่า นาจิบได้รับเงินเข้าบัญชีธนาคารส่วนตัวจำนวน 2,670 ล้านริงกิต หรือราว 21,000 ล้านบาท จากกองทุนการพัฒนาของรัฐ ที่เรียกว่า วันเอ็มดีบี (1Malaysia Development Berhad)

แม้ถูกรุมเร้าด้วยกรณีอื้อฉาวนี้มาหลายปี มีการชุมนุมเรียกร้องให้นายกฯ ลาออก แต่นาจิบยังคงเอาตัวรอดมาได้ ทว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ มหาเธร์จะนำประเด็นดังกล่าวมาใช้ขยี้บาดแผลของคู่แข่ง

ความไม่โปร่งใส การบริหารงานเศรษฐกิจผิดพลาด ค่าครองชีพถีบตัวสูงขึ้น เป็นประเด็นโจมตีรัฐบาลที่โดนใจฐานเสียงของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นประชาชนในเขตเมือง จำนวนมากเป็นคนเชื้อสายจีนและอินเดีย

มหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรี (5 เมษายน 2018 โดย REUTERS/Lai Seng Sin)

สำหรับฝ่ายค้าน เวลานี้ อันวาร์ อิบราฮิม แกนนำฝ่ายค้าน อดีตรองนายกฯ สมัยมหาเธร์เป็นผู้นำประเทศ  ต้องระเห็จเข้าไปนอนคุกด้วยข้อหาเวจมรรค (มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักกับผู้ชาย) เจ้าตัวร้องว่านี่เป็นการใส่ร้ายทางการเมือง ทำให้พรรคร่วมฝ่ายค้านที่เคยเป็นไม้เบื่อไม้เมากับมหาเธร์มานานปีต้องจำใจฝังอดีตไปเสีย เพราะหวังพึ่งบารมีของมหาเธร์ซึ่งมีคะแนนนิยมในเขตชนบท เนื่องจากคนรุ่นก่อนยังจดจำผลงานของรัฐบาลมหาเธร์ได้

สำหรับพรรคร่วมรัฐบาลนั้น ก็มีฐานเสียงอยู่ในเขตชนบท เกินครึ่งของประชากรมาเลเซีย 32 ล้านคนเป็นชาวมลายูมุสลิม เสียงของชาวชนบทเป็นตัวชี้ขาดชัยชนะของพรรคการเมือง

กลยุทธ์รักษาเก้าอี้

ในศึกเลือกตั้งหนนี้ ฝ่ายค้านโวยว่า รัฐบาลใช้แท็กติกหลายอย่าง เอาเปรียบคู่ต่อสู้

รัฐบาลประกาศยุบสภาเมื่อวันศุกร์ที่ 6 เมษายน รัฐธรรมนูญกำหนดให้จัดการเลือกตั้งภายใน 60 วัน คณะกรรมการการเลือกตั้งซึ่งถูกตั้งคำถามถึงความมีอิสระกำหนดประกาศรายชื่อผู้สมัครในวันที่ 28 เมษายน นั่นแปลว่า มีเวลาหาเสียงแค่ 11 วัน

ภาพการออกอากาศสดทางโทรทัศน์ ขณะ นาจิบ ราซัค ประกาศยุบสภาเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2018 (โดย REUTERS/Lai Seng Sin)

การเลือกตั้งเมื่อปี 2013 พรรคการเมืองมีเวลาหาเสียง 15 วัน กลุ่มจับตาเลือกตั้ง เบอร์ซิห์ เสนอให้มีการรณรงค์อย่างน้อยสามสัปดาห์

ในเมื่อฝ่ายผู้ท้าชิงมีเวลาโฆษณานโยบายแค่สัปดาห์เศษ ย่อมหวังได้ยากว่าจะช่วงชิงคะแนนที่เคยโหวตให้พรรครัฐบาลได้

นอกจากนี้ วันออกเสียงเลือกตั้งยังเป็นวันพุธ ซึ่งเป็นวันทำงาน จึงคาดว่าคนจะไปใช้สิทธิ์กันน้อย พรรครัฐบาลซึ่งมีฐานเสียงในต่างจังหวัดคงไม่เดือดเนื้อร้อนใจเท่าฝ่ายค้านซึ่งมีฐานเสียงในเขตเมือง

คนต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงานในเมือง ถ้าอยากโหวตให้ฝ่ายค้าน ก็จะต้องลางาน หยุดทำมาหากิน กลับไปใช้สิทธิ์ยังภูมิลำเนา

เมื่อปลายเดือนมีนาคม สภาผู้แทนราษฎรผ่านกฎหมายกำหนดเขตเลือกตั้งใหม่ ฝ่ายค้านวิจารณ์ว่าเป็นการกำหนดพื้นที่หาเสียงที่เอื้อให้รัฐบาลมีโอกาสได้ที่นั่งในสภาเพิ่มขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อเร็วๆ นี้เอง รัฐบาลเพิ่งผ่านกฎหมายเอาผิดผู้เผยแพร่ ‘ข่าวปลอม’ ด้วย ฝ่ายค้านบอกว่าเป็นการสร้างเครื่องมือสำหรับเล่นงานฝ่ายตรงข้ามในช่วงหาเสียง

ข่าวปลอมตามนิยามของรัฐบาลกินความหมายครอบจักรวาล กฎหมายระบุว่าหมายถึง “ข่าวสาร ข้อมูล ข้อสนเทศ รายงาน ซึ่งเป็นเท็จบางส่วนหรือทั้งหมด ไม่ว่าเผยแพร่ในรูปของภาพหรือเสียงหรือถ้อยคำ” ผู้ละเมิดมีโทษปรับสูงสุด 500,000 ริงกิต หรือประมาณสี่ล้านบาท และหรือจำคุกหกปี

เจ้าบุญทุ่ม พ่อบุญเท

นอกจากการจัดการเลือกตั้งถูกวิจารณ์ว่าไม่เป็นธรรมแล้ว กลุ่มบีเอ็นยังให้คำมั่นที่จะแจกจ่ายผลประโยชน์สารพันถ้าได้เป็นรัฐบาลอีกสมัย

พรรคอัมโนของนาจิบดำเนินนโยบายให้สิทธิพิเศษแก่ประชากรส่วนใหญ่ซึ่งเป็นชาวมลายูมุสลิมมาช้านาน ตั้งแต่เรื่องการจ้างงานในภาครัฐ ที่อยู่อาศัยราคาถูก ไปจนถึงการเข้ามหาวิทยาลัย

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นาจิบให้สัญญาที่จะขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เพิ่มเงินช่วยเหลือแก่คนชนบท ล้างหนี้ของเกษตรกรในโครงการเกษตรแปลงใหญ่ของรัฐ สร้างงานใหม่สามล้านตำแหน่ง จัดตั้งธนาคารแห่งใหม่สำหรับปล่อยสินเชื่อบ้านราคาต่ำกว่าสามแสนริงกิต

นาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคอัมโน ขณะแถลงเตรียมการเพื่อการเลือกตั้งครั้งหน้า (7 เมษายน 2018 โดย REUTERS/Lai Seng Sin)

ประเทศมาเลเซียประกอบด้วย 16 รัฐและดินแดน เอกสารนโยบาย 364 ข้อของนาจิบ ซึ่งชูคำขวัญ “สร้างชาติให้ยิ่งใหญ่กับกลุ่มบีเอ็น” ยังประกาศรูปธรรมที่รัฐบาลจะมอบให้แก่ประชาชนในรัฐต่างๆ อีกด้วย

เช่น ชาวบ้านในบอร์เนียวจะได้รับเงินโอนตรงก้อนใหม่ กับโครงการสาธารณูปโภคต่างๆ รัฐสลังงอร์จะได้รับการแก้ปัญหาเรื่องน้ำ รัฐเคดะห์จะได้เขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งใหม่ รัฐปีนังจะได้บ้านของการเคหะ

ต้องคอยดูว่า นโยบายลดแลกแจกแถมแบบนี้ จะซื้อใจประชาชนได้แค่ไหน

ผู้สนับสนุนพรรคอัมโนเข้าร่วมฟังการแถลงการณ์เตรียมการเลือกตั้งเดือนพฤษภาคมนี้ (7 เมษายน 2018 โดย  REUTERS/Lai Seng Sin)

นักสังเกตการณ์บอกว่า รัฐบาลคงชนะเลือกตั้งตามเคย แต่กระนั้นฝ่ายค้านที่นำโดยมือเก่ารุ่นเก๋าเจนสังเวียนอย่างมหาเธร์ก็ยังมีลุ้น

นั่นเป็นเพราะมาเลเซียมีประชากรเขตเมืองเพิ่มขึ้น คนเมือง คนเชื้อสายจีน คนเชื้อสายอินเดีย หันไปเชียร์พรรคฝ่ายค้าน เพราะชอบใจนโยบายปราบคอร์รัปชัน กับนโยบายยุติการให้สิทธิพิเศษแก่คนมลายู ขณะที่คนชนบทจำนวนมากยังคงชื่นชอบมหาเธร์

ที่น่าสังเกต เลือกตั้งมาเลเซียเที่ยวนี้ ขับเคี่ยวกันระหว่างคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นเก่ากว่า ไม่มีคนรุ่นใหม่.

 

อ้างอิง:

Tags: , , ,