1

เข้าสู่ปี 2022 มาได้เพียงสามเดือน แต่ดูเหมือนว่าโลกจะบอบช้ำไม่น้อย จากสถานการณ์มากมายที่เกิดขึ้น ทั้งในระดับสากล ระดับทวีป ระดับภูมิภาค ระดับประเทศ ไม่ต้องนับในระดับสังคมย่อย ที่แทบจะต้องพบเจอความยุ่งเหยิงวุ่นวายในชีวิตประจำวันไม่เว้น ไหนจะวิกฤตเศรษฐกิจ การงาน การเงิน ความสัมพันธ์ ความเปราะบางต่างๆ ดำเนินไปท่ามกลางภาพฉากใหญ่ที่ทุกสังคมยังต้องใช้ชีวิตพร้อมกับโรคระบาดที่ดูท่าจะยังไม่จบสิ้นง่ายๆ

เราจึงมักได้ยินคำพูดให้กำลังใจ บ้างปลอบใจ ยามท้อแท้กันอยู่บ่อยๆ จากคนรอบข้าง ที่เอาเข้าจริงก็ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนในการใช้ชีวิตไม่แพ้กัน

เวลาเช่นนี้เอง ‘คำพูด’ ในบทสนทนาจึงสามารถเป็นพลังที่ช่วยชูใจได้อย่างที่คุณอาจคาดไม่ถึง เพราะมันจะสามารถช่วยเปลี่ยนความรู้สึกจากภายในของเราได้อย่างน่าประหลาด

ต้นปีที่ผ่านมามีหนังสือน่าสนใจเล่มหนึ่งชื่อ คำที่พูดมา เยียวยากว่าโซจู ที่เขียนโดย อีซอว็อน นักให้คำปรึกษาชาวเกาหลีใต้ ที่ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาด้านปัญหาครอบครัวและปัญหาการเข้าสังคมผ่านกลุ่มบำบัด ซึ่งนำเรื่องราวที่เขาได้ประสบพบเจอจากประสบการณ์ด้านการให้คำปรึกษากับคนกลุ่มต่างๆ มาเล่าผ่านตัวหนังสือ

สิ่งที่ผู้อ่านจะได้เข้าใจและสัมผัสจากแต่ละเรื่องราว คือ ‘พลัง’ ของคำพูด ที่สามารถเป็นตัวกำหนดทิศทางของผลกระทบที่จะตามมาสำหรับผู้ที่รับฟัง ซึ่งก็แตกต่างกันไปตามบริบทของแต่ละคน แต่สิ่งสำคัญคือ มันทำให้เห็นว่า คำพูดมีพลังในตัวแค่ไหน แต่บางทีคนเราก็อาจหลงลืมไป ซึ่งหนังสือ คำที่พูดมา เยียวยากว่าโซจู จะฉายภาพพลังของคำพูดที่ทำหน้าที่เยียวยาไปจนถึงเปลี่ยนโชคชะตาคนได้ ให้ผู้อ่านใคร่ครวญตาม

 

2

คำที่พูดมา เยียวยากว่าโซจู แบ่งเป็นสามบทใหญ่ ได้แก่ ‘ฉัน’, ‘ชีวิต’ และ ‘คำพูด’ โดยแต่ละบทจะมีตอนสั้นๆ ที่กระชับ เข้าใจง่าย และแฝงไปด้วยความอบอุ่น ผ่านเรื่องที่ผู้เขียนได้ยกเหตุการณ์จริงมาเล่า ซึ่งแตกต่างกันไปตามสถานการณ์ ทั้งเรื่องแนวคิดของการยึดติด ความไม่เข้าใจในความสัมพันธ์ การแบกภาระเกินกำลัง น้ำหนักของความคิดที่ว้าวุ่นทั้งหลาย และความสงสัย กังวลใจในชีวิต 

สำหรับบทสรุปของแต่ละเรื่อง เราจะสามารถเห็นสิ่งที่ผู้เขียนพยายามช่วยคนที่กำลังประสบภาวะย่ำแย่ในจิตใจได้แก้ไข ผ่านการเลือกใช้คำพูดที่ถูกต้อง และเหมาะสมกับสถานการณ์ ทั้งยังชวนถกให้ผู้อ่านได้มองเห็นถึงความสำคัญของคำว่า ‘ทำไม’ ที่ในแต่ละเรื่อง ล้วนเป็นตัวจุดประกายให้ผู้ที่กำลังประสบปัญหาได้ลองใคร่ครวญถึงชีวิตตนเองดีๆ อีกครั้ง

ความน่าสนใจของหนังสือเล่มนี้ ไม่ได้เป็นเพียงหนังสือที่ ‘ให้กำลังใจ’ เท่านั้น แต่มันกำลังสอนให้เราได้เข้าใจถึงความสำคัญของการเลือกใช้คำพูด ที่ทั้งสามารถผลักคนให้ตกลงในหลุมดำมืด หรือฉุดคนให้ขึ้นมาสู่แสงสว่างได้ในเวลาเดียวกัน

ยิ่งในสังคมทุกวันนี้ที่การพูดคุยน้อยลงเต็มที เพราะบทสนทนาส่วนใหญ่แทบจะถูกเคลื่อนย้ายไปอยู่บนแพลตฟอร์มต่างๆ ในโลกอินเทอร์เน็ต ที่แม้จะเป็นเรื่องง่าย แต่ในแง่หนึ่ง มันก็ซับซ้อนและพร้อมจะสร้างความเข้าใจผิดได้ตลอดเวลา เพราะเราไม่สามารถมองเห็นน้ำเสียง สีหน้า ท่าทาง ของผู้พูดอีกฝ่ายได้ 

ดังนั้น เรื่องราวในหนังสือเล่มนี้ ที่ทั้งหมดเล่าผ่านเหตุการณ์การสนทนาแบบเห็นหน้า จึงย้ำเตือนว่า ใช่หรือไม่ ที่บทสนทนาที่ดีที่สุดระหว่างมนุษย์ คือการพูดคุยแบบได้พบหน้าซึ่งกันและกัน

 

3

เคยมีปราชญ์โบราณแนะนำวิธีง่ายๆ สองข้อ ในการพัฒนาร่างกายและจิตใจ คือ การใช้คำพูดดีๆ กับตัวเอง และ การรับฟังคำพูดดีๆ จากผู้อื่น

เพราะคำพูดเป็นเสมือนกุญแจที่ช่วยไขประตูให้เราได้มองเห็นอีกทิวทัศน์หนึ่ง ที่อาจไม่เคยเห็น หรือไม่เคยนึกถึงมาก่อน แค่คำพูดหรือประโยคสั้นๆ ง่ายๆ ในเวลาที่เหมาะสม ก็สามารถชี้นำแนวทางหรือเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตคนเราได้อย่างคาดไม่ถึง

และเพราะคำพูดมีพลังเช่นนี้ มนุษย์เราจึงจำเป็นต้องเรียนรู้และเข้าใจศาสตร์ของการพูดไว้บ้าง เพื่อที่ว่าเมื่อเราเข้าใจพลังของคำพูดแล้ว เราก็จะสามารถส่งต่อคำพูดสู่คนรอบข้าง เพื่อเปลี่ยนเป็นแรงผลักดันและแรงบันดาลใจให้คนเหล่านั้นได้ก้าวต่อไป และท้ายที่สุด เขาก็จะกลายเป็นผู้ที่ส่งต่อคำพูดดีๆ เหล่านั้นเพื่อช่วยชีวิตคนอื่นต่อ

อย่างไรก็ดี สำหรับตัวข้าพเจ้า หนังสือ คำที่พูดมา เยียวยากว่าโซจู บอกเล่าถึงพลังแห่งคำพูดอย่างที่มันควรจะเป็น แต่ในความเป็นจริงกับชีวิตคนที่ไม่สมบูรณ์ บางคราวเราก็ไม่ได้ต้องการคำพูดสอนใจใดๆ มากไปกว่าความเงียบและแอลกอฮอล์ใสอย่างโซจูสักแก้ว จริงไหม

เพราะไม่ว่าจะคำพูด หรือ โซจู ทุกสิ่งต่างมีพลังเยียวยาที่ต่างกัน 

เพียงแต่ท้ายที่สุด หากต้องการผ่านความเลวร้ายที่ชีวิตกำลังประสบอยู่ ก็มีแต่ต้องหันมาเผชิญกับหุบเหวลึกตรงหน้า

และในวันนั้นเอง คำพูดต่างหากที่มีพลังพอจะเป็นสะพานช่วยพาข้ามหุบเหว ไม่ใช่โซจู

Fact Box

คำที่พูดมา เยียวยากว่าโซจูอีซอว็อน เขียน, ธัชชา ธีรปกรณ์ชัย แปล, สำนักพิมพ์ Bloom, จำนวน 344 หน้า, ราคา 295 บาท

Tags: , , ,